ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ผู้ว่าการ ธปท.นำเสนอแนวทางการระดมทุนภายในประเทศแถบเอเชียในการสัมมนา ธ.โลกและไอเอ็มเอฟประจำปี 49
ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในเวทีการสัมมนา “Asia’s Road to Success from Trade to Financial
Intergration” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการประชุม ธ.โลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ประจำปี 49 ว่า ไทยได้เสนอให้ที่ประชุมพิจารณา
แนวทางการระดมทุนภายในประเทศแถบเอเชีย เพื่อป้องกันความผันผวนทางด้านอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งที่ผ่านมาไทยได้เริ่มต้นใช้รูปแบบการระดม
เงินทุนผ่านเอเชียบอนด์มาแล้ว เพื่อระดมเงินจากประเทศในแถบเอเชียและใช้หมุนเวียนภายในภูมิภาคทดแทนการใช้เงินกู้จากต่างประเทศ ซึ่ง
แนวทางดังกล่าวเป็นสิ่งที่จะเห็นผลในระยะยาวพอสมควร แต่เพื่อให้เห็นผลอย่างชัดเจนในระยะสั้น จึงเสนอให้มีการออกตราสารทางการเงิน
เช่น ตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือตั๋วแลกเงินในรูปสกุลเอเชีย เพื่อให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในภูมิภาคเอเชียมากขึ้น (ข่าวสด, ผู้จัดการรายวัน)
2. ธปท.เตรียมประชุมชี้แจงแนวทางการปฏิรูปกรอบการดำเนินนโยบายการเงินปี 50 ร่วมกับสถาบันการเงินสมาชิกตลาดซื้อคืน
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกประกาศเชิญสถาบันการเงินที่เป็นสมาชิกตลาดซื้อคืน เข้าร่วมรับฟังการชี้แจงแนวทางการปฏิรูปกรอบ
ดำเนินนโยบายการเงินปี 50 ในวันที่ 25 ก.ย.นี้ เนื่องจาก ธปท.มีแผนการปรับปรุงแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินให้มีประสิทธิภาพและ
ประสิทธิผลเพิ่มขึ้นในปี 50 ทั้งนี้ แหล่งข่าวจากวงการ ธพ.กล่าวว่า การที่ ธปท.เรียกประชุมดังกล่าว เนื่องจากต้องการยกเลิกตลาดซื้อคืน พธบ.
ธปท.ในปีหน้า และจะเปลี่ยนมาเป็นการใช้ตลาดซื้อคืนภาคเอกชน (Private Repurchase market) ซึ่งจะให้ภาคเอกชนกู้ยืมเงินระหว่าง
กันเอง โดยไม่มี ธปท.เป็นตัวกลางในการจับคู่ให้กับผู้ที่ต้องการกู้และผู้ให้กู้เหมือนที่ผ่านมา (กรุงเทพธุรกิจ, ไทยโพสต์)
3. ธปท.อยู่ระหว่างวิเคราะห์ผลกระทบจากเหตุการณ์ระเบิดที่หาดใหญ่ ดร.ธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวยอมรับว่าเหตุการณ์ระเบิดที่อำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อคืนวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า มีผลกระทบ
ต่อความเชื่อมั่นของเศรษฐกิจไทย และมีผลต่อเนื่องในด้านการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง รวมทั้งกระทบการลงทุนและการใช้จ่ายของภาค
เอกชน สำหรับการรักษาความปลอดภัยของสาขา ธพ.ทราบว่าได้เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น ส่วน ธปท.สำนักงานภาคใต้นั้น ธปท.ได้สั่งการให้
เพิ่มการรักษาความปลอดภัยแล้วเช่นกัน ด้าน ดร.อัจนา ไวความดี ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคงจะมีผลสะท้อนให้เห็นใน
ส่วนของความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขยายวงจากเดิมที่มีเหตุเกิดเพียงแค่ใน 3 จังหวัดเท่านั้น โดยขณะนี้ ได้ให้ ธปท.
สำนักงานภาคใต้ทำการวิเคราะห์ถึงผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว อย่างไรก็ตาม สำหรับผลต่อเศรษฐกิจโดยรวม จะต้องพิจารณาถึงปัจจัย
อื่นๆ เช่น เรื่องของปัจจัยบวกด้านน้ำมันและรายได้ภาคการเกษตรที่ดีเกินกว่าที่คาด ซึ่ง ธปท.จะนำมาพิจารณาก่อนที่จะประกาศการคาดการณ์
ภาวะเศรษฐกิจในรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อที่จะเผยแพร่ปลายเดือน ต.ค.นี้ (ข่าวสด, กรุงเทพธุรกิจ, โพสต์ทูเดย์)
4. คาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบที่ลดลงในช่วงนี้เป็นเหตุการณ์ระยะสั้น เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ
สังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า ช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบดูไบลดลงมาอยู่ที่ 58-59 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรล ทำให้ราคา
ขายปลีกในประเทศลดลง 2-3 บาทต่อลิตรนั้น น่าจะเป็นเหตุการณ์ระยะสั้น และราคาน้ำมันยังมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นอีก เพราะมีปัจจัยที่ไม่สามารถ
คาดการณ์ได้ โดยเฉพาะกองทุนเฮดจ์ฟันต่างๆ อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันที่ลดลงนั้น ในระยะสั้นจะส่งผลดีต่อการคุมอัตราเงินเฟ้อ และการปรับขึ้น
อัตราดอกเบี้ยของ ธปท. ซึ่งจะมีผลต่อกำลังซื้อของประชาชน และกระตุ้นการลงทุน รวมทั้งส่งผลดีต่อการส่งออก (กรุงเทพธุรกิจ)
5. เหตุการณ์ระเบิดที่หาดใหญ่ส่งผลกระทบระยะสั้นต่อการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ
กล่าวว่า เหตุการณ์ความรุนแรงในภาคใต้ที่ลุกลามมาถึง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้
นักลงทุนลังเลใจที่จะซื้อขายในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ แต่เชื่อว่าตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังสามารถเติบโตต่อไปได้ เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจไม่ได้
เปลี่ยนแปลงในแง่ปัจจัยพื้นฐาน สำหรับจำนวนบริษัทจดทะเบียนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดว่าอาจไม่ถึงเป้าหมายที่กำหนดไว้
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเมื่อทุกอย่างมีความชัดเจนขึ้นแล้ว บริษัทที่เตรียมจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็น่าจะดำเนินการทุกอย่างไปตามแผน
(กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่าดัชนีราคาผู้ผลิตของ สรอ.ในเดือน ส.ค.49 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 รายงานจากนิวยอร์ค เมื่อ 18 ก.ย.49 ผลสำรวจ
ของนักวิเคราะห์ 82 คนโดยรอยเตอร์คาดการณ์ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิตของ สรอ.ในเดือน ส.ค.49 น่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 หลังจากที่เพิ่มขึ้น
ร้อยละ 0.1 ในเดือนก่อนหน้า ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิตพื้นฐาน (ซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารและพลังงาน) ก็น่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เช่นกัน หลังจาก
ที่ลดลงร้อยละ 0.3 ในเดือน ก.ค.49 ทั้งนี้ ก.แรงงาน สรอ.จะรายงานตัวเลขดัชนีดังกล่าวอย่างเป็นทางการในวันอังคารที่ 19 ก.ย.นี้ เวลา
8.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคนกล่าวแสดงความเห็นว่า ตัวเลขที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดบ้างเล็กน้อย คือ ข่าว
ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือน ส.ค.49 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 ทั้งดัชนีราคาผู้บริโภคโดยรวมและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน อนึ่ง ดัชนีราคา
ผู้บริโภคเป็นตัวเลขที่เสริมมุมมองของ ธ.กลาง สรอ.ที่อาจตัดสินใจรักษาระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 5.25 เช่นเดิม หลังจากปรับ
เพิ่มมาแล้วถึง 17 ครั้งเพื่อสกัดกั้นภาวะกดดันด้านเงินเฟ้อ (รอยเตอร์)
2. ผลผลิตอุตสาหกรรมของเศรษฐกิจยุโรปหรือ Euro zone ในเดือน ก.ค.49 ลดลงร้อยละ 0.4 จากเดือนก่อน รายงานจาก
บรัสเซลส์ เมื่อ 18 ก.ย.49 Eurostat ซึ่งเป็น สนง.สถิติกลางของยุโรปรายงานผลผลิตอุตสาหกรรมหลังปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้วของ
12 ประเทศที่ใช้เงินยูโรเป็นเงินสกุลหลักลดลงร้อยละ 0.4 ในเดือน ก.ค.49 เมื่อเทียบกับเดือน มิ.ย.49 ต่างจากที่ตลาดคาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 0.2 ต่อเดือน ในขณะเดียวกันได้ปรับเพิ่มตัวเลขผลผลิตในเดือน มิ.ย.49 เป็นคงที่เท่ากับเดือน พ.ค.49 จากก่อนหน้านี้ที่รายงานว่า
ลดลงร้อยละ 0.1 ต่อเดือน โดยหากเทียบต่อปีแล้ว ผลผลิตในเดือน ก.ค.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 ต่อปี ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ
3.9 ต่อปี และชะลอตัวลงจากเดือน มิ.ย.49 ที่หลังปรับตัวเลขแล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4 ต่อปี นักเศรษฐศาสตร์หลายคนคาดว่าเศรษฐกิจของ
Euro zone อาจขยายตัวสูงสุดที่ร้อยละ 0.9 ในไตรมาสที่ 2 ปี 49 ที่ผ่านมาและคาดว่าจะชะลอตัวในช่วงที่เหลือของปี 49 แต่อย่างไรก็ดี
คาดว่า ธ.กลางยุโรปหรือ ECB จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 2 ครั้งภายในสิ้นปีนี้ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ย ณ สิ้นปี 49 อยู่ที่ร้อยละ 3.5 ต่อปี
ก่อนที่จะพักการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไว้ชั่วคราวจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง (รอยเตอร์)
3. คาดว่า ธ.กลางสหภาพยุโรปจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปอยู่ที่ร้อยละ 3.5 ภายในสิ้นปีนี้ รายงานจากกรุงเบอร์ลิน ประเทศ
เยอรมนี เมื่อวันที่ 18 ก.ย.49 สมาคมธนาคารเอกชนของเยอรมนี คาดการณ์ว่า ถ้าเศรษฐกิจในเขตยูโรยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องเหมือนกับ
ที่มีการพยากรณ์กันไว้ ธ.กลางของสหภาพยุโรป (ECB) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมอีก 2 ครั้ง ๆ ละร้อยละ 0.25 จากร้อยละ 3.0 ไป
อยู่ที่ระดับร้อยละ 3.5 ภายในสิ้นปีนี้ และจะคงไว้ที่ระดับนั้นเพื่อรอดูปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ ว่าจำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นอีกหรือไม่ อาทิ ผลกระทบ
จากการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มของเยอรมนีในวันที่ 1 ม.ค.50 และผลกระทบอื่น ๆ ต่ออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกัน อย่างไรก็ตาม
คาดว่า ECB จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับร้อยละ 3.5 เป็นเวลานานทีเดียว ทั้งนี้ นับตั้งแต่เดือน ธ.ค.48 ECB ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมมา
แล้วหลายครั้งรวมร้อยละ 1.0 จากระดับต่ำสุดในประวัติศาสตร์ที่ร้อยละ 2.0 เป็นร้อยละ 3.0 ในปัจจุบัน ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่าจะมีการปรับขึ้น
อัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือน ต.ค.49 นอกจากนี้ สมาคมฯ ยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของเยอรมนีปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 2 และจะลดลงเหลือ
ร้อยละ 1.0 ในปีหน้า เนื่องจากผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (รอยเตอร์)
4. ราคาที่ดินเฉลี่ยในเมืองใหญ่ 3 แห่งของญี่ปุ่นระหว่าง 1 ม.ค.-1 ก.ค.49 เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปีที่ร้อยละ
3.6 รายงานจากโตเกียว เมื่อ 19 ก.ย.49 ผลสำรวจโดย Ministry of Land, Infrastructure and Transport พบว่า ราคาซื้อขาย
ที่ดินเฉลี่ยในเมืองใหญ่ที่สุด 3 เมืองของญี่ปุ่น (โตเกียว โอซาก้า และ นาโกยา) ระหว่าง 1 ม.ค. ถึง 1 ก.ค.49 เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ
16 ปีที่ร้อยละ 3.6 ส่วนราคาที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 ขณะที่ราคาที่ดินตัวเลขทั้งประเทศญี่ปุ่น ลดลงร้อยละ 2.1 ส่วนราคาที่อยู่อาศัยลดลง
ร้อยละ 2.3 ทั้งนี้ ราคาซื้อขายดังกล่าวสามารถใช้อ้างอิงในการทำธุรกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ได้ เนื่องจากเป็นราคาที่โปร่งใสและยุติธรรม
อนึ่ง ราคาที่ดินในญี่ปุ่นล่าสุดปรับเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรก หลังจากที่ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เกิดภาวะฟองสบู่แตกในช่วงต้นปี 33 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 19 ก.ย. 49 18
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 37.314 39.078ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 37.1183/37.4090 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.09922 4.29375รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 700.89/14.31 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,300/10,400 10,150/10,250 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 60.02 59.08 60.96ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ
14 ก.ย. 49 ** * ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 19 ก.ย. 49 26.39*/25.34** 26.39*/25.74* 27.24/24.69 ปตท.
-ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ผู้ว่าการ ธปท.นำเสนอแนวทางการระดมทุนภายในประเทศแถบเอเชียในการสัมมนา ธ.โลกและไอเอ็มเอฟประจำปี 49
ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในเวทีการสัมมนา “Asia’s Road to Success from Trade to Financial
Intergration” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการประชุม ธ.โลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ประจำปี 49 ว่า ไทยได้เสนอให้ที่ประชุมพิจารณา
แนวทางการระดมทุนภายในประเทศแถบเอเชีย เพื่อป้องกันความผันผวนทางด้านอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งที่ผ่านมาไทยได้เริ่มต้นใช้รูปแบบการระดม
เงินทุนผ่านเอเชียบอนด์มาแล้ว เพื่อระดมเงินจากประเทศในแถบเอเชียและใช้หมุนเวียนภายในภูมิภาคทดแทนการใช้เงินกู้จากต่างประเทศ ซึ่ง
แนวทางดังกล่าวเป็นสิ่งที่จะเห็นผลในระยะยาวพอสมควร แต่เพื่อให้เห็นผลอย่างชัดเจนในระยะสั้น จึงเสนอให้มีการออกตราสารทางการเงิน
เช่น ตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือตั๋วแลกเงินในรูปสกุลเอเชีย เพื่อให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในภูมิภาคเอเชียมากขึ้น (ข่าวสด, ผู้จัดการรายวัน)
2. ธปท.เตรียมประชุมชี้แจงแนวทางการปฏิรูปกรอบการดำเนินนโยบายการเงินปี 50 ร่วมกับสถาบันการเงินสมาชิกตลาดซื้อคืน
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกประกาศเชิญสถาบันการเงินที่เป็นสมาชิกตลาดซื้อคืน เข้าร่วมรับฟังการชี้แจงแนวทางการปฏิรูปกรอบ
ดำเนินนโยบายการเงินปี 50 ในวันที่ 25 ก.ย.นี้ เนื่องจาก ธปท.มีแผนการปรับปรุงแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินให้มีประสิทธิภาพและ
ประสิทธิผลเพิ่มขึ้นในปี 50 ทั้งนี้ แหล่งข่าวจากวงการ ธพ.กล่าวว่า การที่ ธปท.เรียกประชุมดังกล่าว เนื่องจากต้องการยกเลิกตลาดซื้อคืน พธบ.
ธปท.ในปีหน้า และจะเปลี่ยนมาเป็นการใช้ตลาดซื้อคืนภาคเอกชน (Private Repurchase market) ซึ่งจะให้ภาคเอกชนกู้ยืมเงินระหว่าง
กันเอง โดยไม่มี ธปท.เป็นตัวกลางในการจับคู่ให้กับผู้ที่ต้องการกู้และผู้ให้กู้เหมือนที่ผ่านมา (กรุงเทพธุรกิจ, ไทยโพสต์)
3. ธปท.อยู่ระหว่างวิเคราะห์ผลกระทบจากเหตุการณ์ระเบิดที่หาดใหญ่ ดร.ธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวยอมรับว่าเหตุการณ์ระเบิดที่อำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อคืนวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า มีผลกระทบ
ต่อความเชื่อมั่นของเศรษฐกิจไทย และมีผลต่อเนื่องในด้านการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง รวมทั้งกระทบการลงทุนและการใช้จ่ายของภาค
เอกชน สำหรับการรักษาความปลอดภัยของสาขา ธพ.ทราบว่าได้เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น ส่วน ธปท.สำนักงานภาคใต้นั้น ธปท.ได้สั่งการให้
เพิ่มการรักษาความปลอดภัยแล้วเช่นกัน ด้าน ดร.อัจนา ไวความดี ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคงจะมีผลสะท้อนให้เห็นใน
ส่วนของความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขยายวงจากเดิมที่มีเหตุเกิดเพียงแค่ใน 3 จังหวัดเท่านั้น โดยขณะนี้ ได้ให้ ธปท.
สำนักงานภาคใต้ทำการวิเคราะห์ถึงผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว อย่างไรก็ตาม สำหรับผลต่อเศรษฐกิจโดยรวม จะต้องพิจารณาถึงปัจจัย
อื่นๆ เช่น เรื่องของปัจจัยบวกด้านน้ำมันและรายได้ภาคการเกษตรที่ดีเกินกว่าที่คาด ซึ่ง ธปท.จะนำมาพิจารณาก่อนที่จะประกาศการคาดการณ์
ภาวะเศรษฐกิจในรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อที่จะเผยแพร่ปลายเดือน ต.ค.นี้ (ข่าวสด, กรุงเทพธุรกิจ, โพสต์ทูเดย์)
4. คาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบที่ลดลงในช่วงนี้เป็นเหตุการณ์ระยะสั้น เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ
สังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า ช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบดูไบลดลงมาอยู่ที่ 58-59 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรล ทำให้ราคา
ขายปลีกในประเทศลดลง 2-3 บาทต่อลิตรนั้น น่าจะเป็นเหตุการณ์ระยะสั้น และราคาน้ำมันยังมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นอีก เพราะมีปัจจัยที่ไม่สามารถ
คาดการณ์ได้ โดยเฉพาะกองทุนเฮดจ์ฟันต่างๆ อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันที่ลดลงนั้น ในระยะสั้นจะส่งผลดีต่อการคุมอัตราเงินเฟ้อ และการปรับขึ้น
อัตราดอกเบี้ยของ ธปท. ซึ่งจะมีผลต่อกำลังซื้อของประชาชน และกระตุ้นการลงทุน รวมทั้งส่งผลดีต่อการส่งออก (กรุงเทพธุรกิจ)
5. เหตุการณ์ระเบิดที่หาดใหญ่ส่งผลกระทบระยะสั้นต่อการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ
กล่าวว่า เหตุการณ์ความรุนแรงในภาคใต้ที่ลุกลามมาถึง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้
นักลงทุนลังเลใจที่จะซื้อขายในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ แต่เชื่อว่าตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังสามารถเติบโตต่อไปได้ เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจไม่ได้
เปลี่ยนแปลงในแง่ปัจจัยพื้นฐาน สำหรับจำนวนบริษัทจดทะเบียนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดว่าอาจไม่ถึงเป้าหมายที่กำหนดไว้
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเมื่อทุกอย่างมีความชัดเจนขึ้นแล้ว บริษัทที่เตรียมจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็น่าจะดำเนินการทุกอย่างไปตามแผน
(กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่าดัชนีราคาผู้ผลิตของ สรอ.ในเดือน ส.ค.49 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 รายงานจากนิวยอร์ค เมื่อ 18 ก.ย.49 ผลสำรวจ
ของนักวิเคราะห์ 82 คนโดยรอยเตอร์คาดการณ์ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิตของ สรอ.ในเดือน ส.ค.49 น่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 หลังจากที่เพิ่มขึ้น
ร้อยละ 0.1 ในเดือนก่อนหน้า ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิตพื้นฐาน (ซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารและพลังงาน) ก็น่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เช่นกัน หลังจาก
ที่ลดลงร้อยละ 0.3 ในเดือน ก.ค.49 ทั้งนี้ ก.แรงงาน สรอ.จะรายงานตัวเลขดัชนีดังกล่าวอย่างเป็นทางการในวันอังคารที่ 19 ก.ย.นี้ เวลา
8.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคนกล่าวแสดงความเห็นว่า ตัวเลขที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดบ้างเล็กน้อย คือ ข่าว
ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือน ส.ค.49 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 ทั้งดัชนีราคาผู้บริโภคโดยรวมและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน อนึ่ง ดัชนีราคา
ผู้บริโภคเป็นตัวเลขที่เสริมมุมมองของ ธ.กลาง สรอ.ที่อาจตัดสินใจรักษาระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 5.25 เช่นเดิม หลังจากปรับ
เพิ่มมาแล้วถึง 17 ครั้งเพื่อสกัดกั้นภาวะกดดันด้านเงินเฟ้อ (รอยเตอร์)
2. ผลผลิตอุตสาหกรรมของเศรษฐกิจยุโรปหรือ Euro zone ในเดือน ก.ค.49 ลดลงร้อยละ 0.4 จากเดือนก่อน รายงานจาก
บรัสเซลส์ เมื่อ 18 ก.ย.49 Eurostat ซึ่งเป็น สนง.สถิติกลางของยุโรปรายงานผลผลิตอุตสาหกรรมหลังปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้วของ
12 ประเทศที่ใช้เงินยูโรเป็นเงินสกุลหลักลดลงร้อยละ 0.4 ในเดือน ก.ค.49 เมื่อเทียบกับเดือน มิ.ย.49 ต่างจากที่ตลาดคาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 0.2 ต่อเดือน ในขณะเดียวกันได้ปรับเพิ่มตัวเลขผลผลิตในเดือน มิ.ย.49 เป็นคงที่เท่ากับเดือน พ.ค.49 จากก่อนหน้านี้ที่รายงานว่า
ลดลงร้อยละ 0.1 ต่อเดือน โดยหากเทียบต่อปีแล้ว ผลผลิตในเดือน ก.ค.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 ต่อปี ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ
3.9 ต่อปี และชะลอตัวลงจากเดือน มิ.ย.49 ที่หลังปรับตัวเลขแล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4 ต่อปี นักเศรษฐศาสตร์หลายคนคาดว่าเศรษฐกิจของ
Euro zone อาจขยายตัวสูงสุดที่ร้อยละ 0.9 ในไตรมาสที่ 2 ปี 49 ที่ผ่านมาและคาดว่าจะชะลอตัวในช่วงที่เหลือของปี 49 แต่อย่างไรก็ดี
คาดว่า ธ.กลางยุโรปหรือ ECB จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 2 ครั้งภายในสิ้นปีนี้ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ย ณ สิ้นปี 49 อยู่ที่ร้อยละ 3.5 ต่อปี
ก่อนที่จะพักการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไว้ชั่วคราวจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง (รอยเตอร์)
3. คาดว่า ธ.กลางสหภาพยุโรปจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปอยู่ที่ร้อยละ 3.5 ภายในสิ้นปีนี้ รายงานจากกรุงเบอร์ลิน ประเทศ
เยอรมนี เมื่อวันที่ 18 ก.ย.49 สมาคมธนาคารเอกชนของเยอรมนี คาดการณ์ว่า ถ้าเศรษฐกิจในเขตยูโรยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องเหมือนกับ
ที่มีการพยากรณ์กันไว้ ธ.กลางของสหภาพยุโรป (ECB) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมอีก 2 ครั้ง ๆ ละร้อยละ 0.25 จากร้อยละ 3.0 ไป
อยู่ที่ระดับร้อยละ 3.5 ภายในสิ้นปีนี้ และจะคงไว้ที่ระดับนั้นเพื่อรอดูปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ ว่าจำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นอีกหรือไม่ อาทิ ผลกระทบ
จากการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มของเยอรมนีในวันที่ 1 ม.ค.50 และผลกระทบอื่น ๆ ต่ออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกัน อย่างไรก็ตาม
คาดว่า ECB จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับร้อยละ 3.5 เป็นเวลานานทีเดียว ทั้งนี้ นับตั้งแต่เดือน ธ.ค.48 ECB ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมมา
แล้วหลายครั้งรวมร้อยละ 1.0 จากระดับต่ำสุดในประวัติศาสตร์ที่ร้อยละ 2.0 เป็นร้อยละ 3.0 ในปัจจุบัน ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่าจะมีการปรับขึ้น
อัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือน ต.ค.49 นอกจากนี้ สมาคมฯ ยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของเยอรมนีปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 2 และจะลดลงเหลือ
ร้อยละ 1.0 ในปีหน้า เนื่องจากผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (รอยเตอร์)
4. ราคาที่ดินเฉลี่ยในเมืองใหญ่ 3 แห่งของญี่ปุ่นระหว่าง 1 ม.ค.-1 ก.ค.49 เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปีที่ร้อยละ
3.6 รายงานจากโตเกียว เมื่อ 19 ก.ย.49 ผลสำรวจโดย Ministry of Land, Infrastructure and Transport พบว่า ราคาซื้อขาย
ที่ดินเฉลี่ยในเมืองใหญ่ที่สุด 3 เมืองของญี่ปุ่น (โตเกียว โอซาก้า และ นาโกยา) ระหว่าง 1 ม.ค. ถึง 1 ก.ค.49 เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ
16 ปีที่ร้อยละ 3.6 ส่วนราคาที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 ขณะที่ราคาที่ดินตัวเลขทั้งประเทศญี่ปุ่น ลดลงร้อยละ 2.1 ส่วนราคาที่อยู่อาศัยลดลง
ร้อยละ 2.3 ทั้งนี้ ราคาซื้อขายดังกล่าวสามารถใช้อ้างอิงในการทำธุรกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ได้ เนื่องจากเป็นราคาที่โปร่งใสและยุติธรรม
อนึ่ง ราคาที่ดินในญี่ปุ่นล่าสุดปรับเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรก หลังจากที่ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เกิดภาวะฟองสบู่แตกในช่วงต้นปี 33 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 19 ก.ย. 49 18
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 37.314 39.078ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 37.1183/37.4090 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.09922 4.29375รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 700.89/14.31 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,300/10,400 10,150/10,250 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 60.02 59.08 60.96ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ
14 ก.ย. 49 ** * ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 19 ก.ย. 49 26.39*/25.34** 26.39*/25.74* 27.24/24.69 ปตท.
-ธนาคารแห่งประเทศไทย--