ต่อกรณีที่พรรคไทยรักไทย โดยนายวีระ มุสิกพงศ์ ออกมาวิพากวิจารณ์ข้อเสนอของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ให้ใช้มาตรา 7 ในการขอนายกพระราชทาน ว่าเป็นการฉีกกฎหมายรัฐธรรมนูญ และสมควรให้รื้อป้ายพรรคประชาธิปัตย์ทิ้ง นายสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ชี้แจงว่า ข้อเสนอนี้เป็นข้อเสนอที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ต้องการให้นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีต้องยุติการทำงาน เมื่อถึงเวลานั้นก็จะเข้าเงื่อนไขในมาตรา 7 ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญทุกประการ
นายสาธิต กล่าวว่า การที่พรรคไทยรักไทยทำตัวเป็นกบในกะลาและไม่รับรู้ รับฟังข้อเสนอของคนอื่นนั้นเป็นอาการของคนที่ดันทุรังที่จะคงอำนาจไว้ โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายของประเทศชาติไม่เข้ากับบรรยากาศของความสมานฉันท์ที่เป็นอยู่ขณะนี้ ดังนั้นตนเห็นว่าพรรคการเมืองที่ควรจะรื้อป้ายทิ้งก็คือพรรคไทยรักไทย เพราะขณะนี้ก็มีประชาชนบางส่วนเอาขยะไปทิ้งหน้าพรรคไทยรักไทยบ้างแล้ว
ต่อข้อกล่าวหาที่บอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นแก้งการเมือง นายสาธิต กล่าวชี้แจงว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่อยู่คู่กับประเทศไทยและเติบโตมา 60ปี ผ่านการต่อสู้ทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้กับเผด็จการที่เป็นรูปแบบทหาร ต่อสู้มากับการเลือกตั้งและ ผ่านการบริหารประเทศ จนปัจจุบันต่อสู้กับเผด็จการที่เรียกว่านายทุน จึงพิสูจน์ได้ว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันทางการเมือง และมีการเติบโตมาเป็นลำดับ ถ้าเปรียบกับพรรคการเมืองบางพรรคที่เป็นกุ๊ยทางการเมือง ซึ่งรวมเอาคนที่อาจจะตายทางการเมืองไปแล้วหรือเป็นพวกสารพัดกุ๊ยเข้ามาอยู่ในพรรคไทยรักไทยเพื่อแสวงหาอำนาจ มีอยู่หลายรูปแบบ เช่น กุ๊ยที่ชอบประจบสอพลอ กุ๊ยชอบขอ ขอตำแหน่ง ขออำนาจ ของาน กุ๊ยจ้อเอาใจเจ้านาย กุ๊ยไม่ละอายต่อบาป ที่สำคัญที่สุดคือกุ๊ยที่งาบทุกประเภท ซึ่งมีอยู่มาก
‘พรรคไทยรักไทยกล่าวป้ายสีพรรคประชาธิปัตย์ ใต้ภายใต้บรรยากาศสมานฉันท์เช่นนี้ ทางพรรคประชาธิปัตย์ไม่อยากจะออกมาตอบโต้ในเรื่องที่ไม่เป็นเนื้อหาสาระ แต่ก็อยากจะออกมาเตือนสติให้พรรคไทยรักไทยออกมาตอบโต้กันในสิ่งที่เป็นข้อมูลเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ เช่นกรณีคุณสุธรรม แสงประทุม อดีตผู้นำนักศึกษาจะออกมาพูดในเรื่องที่ไม่เป็นเนื้อหาสาระ ตีความไม่ได้ เช่นกล่าวหาพรรคประชาธิปัตย์ว่าเป็น พรรคหน้าแหลม ซึ่งไม่รู้ว่าจะตีความว่าอย่างไร คุณสุธรรมเองก็หน้ากลมแยกไม่ออกกับคุณจตุพร อยากฝากให้ทั้งสองท่านทบทวนในการออกมาตอบโต้เรื่องที่มีเนื้อหาสาระมากกว่านี้’ นายสาธิตกล่าว
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ยื่นเรื่องฟ้องต่อศาลปกครองให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะว่า การที่กกต.ประกาศให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ใหม่ในวันที่ 23 เม.ย.ตามกฎหมายจะต้องมีการจับเบอร์ใหม่ แต่กกต.กลับประกาศให้พรรคไทยรักไทยได้เบอร์เดิมคือเบอร์ 2 ขณะที่ผู้สมัครจากพรรคใหม่ต้องจับเบอร์ใหม่ ทำให้เกิดการได้เปรียบเสีบเปรียบส่งผลให้พรรคเหล่านี้ต้องประชาสัมพันธ์กันใหม่ ซึ่งวันที่ 10 เม.ย.ศาลปกครองนัดให้กกต.มาชี้แจงกรณีดังกล่าว ทั้งนี้ตนทราบข่าวมาว่าขณะนี้การหาตัวผู้สมัครลงรับเลือกตั้งยากขึ้นจากเดิมที่จ้างให้ผู้สมัครที่มีคุณสมบัติครบถ้วนมาสมัครได้ค่าจ้าง 6 หลัก แต่ขณะนี้หาตัวผู้สมัครยากทำให้มีการปรับตัวเลขเพิ่มขึ้นเป็น 7 หลักแล้ว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 9 เม.ย. 2549--จบ--
นายสาธิต กล่าวว่า การที่พรรคไทยรักไทยทำตัวเป็นกบในกะลาและไม่รับรู้ รับฟังข้อเสนอของคนอื่นนั้นเป็นอาการของคนที่ดันทุรังที่จะคงอำนาจไว้ โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายของประเทศชาติไม่เข้ากับบรรยากาศของความสมานฉันท์ที่เป็นอยู่ขณะนี้ ดังนั้นตนเห็นว่าพรรคการเมืองที่ควรจะรื้อป้ายทิ้งก็คือพรรคไทยรักไทย เพราะขณะนี้ก็มีประชาชนบางส่วนเอาขยะไปทิ้งหน้าพรรคไทยรักไทยบ้างแล้ว
ต่อข้อกล่าวหาที่บอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นแก้งการเมือง นายสาธิต กล่าวชี้แจงว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่อยู่คู่กับประเทศไทยและเติบโตมา 60ปี ผ่านการต่อสู้ทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้กับเผด็จการที่เป็นรูปแบบทหาร ต่อสู้มากับการเลือกตั้งและ ผ่านการบริหารประเทศ จนปัจจุบันต่อสู้กับเผด็จการที่เรียกว่านายทุน จึงพิสูจน์ได้ว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันทางการเมือง และมีการเติบโตมาเป็นลำดับ ถ้าเปรียบกับพรรคการเมืองบางพรรคที่เป็นกุ๊ยทางการเมือง ซึ่งรวมเอาคนที่อาจจะตายทางการเมืองไปแล้วหรือเป็นพวกสารพัดกุ๊ยเข้ามาอยู่ในพรรคไทยรักไทยเพื่อแสวงหาอำนาจ มีอยู่หลายรูปแบบ เช่น กุ๊ยที่ชอบประจบสอพลอ กุ๊ยชอบขอ ขอตำแหน่ง ขออำนาจ ของาน กุ๊ยจ้อเอาใจเจ้านาย กุ๊ยไม่ละอายต่อบาป ที่สำคัญที่สุดคือกุ๊ยที่งาบทุกประเภท ซึ่งมีอยู่มาก
‘พรรคไทยรักไทยกล่าวป้ายสีพรรคประชาธิปัตย์ ใต้ภายใต้บรรยากาศสมานฉันท์เช่นนี้ ทางพรรคประชาธิปัตย์ไม่อยากจะออกมาตอบโต้ในเรื่องที่ไม่เป็นเนื้อหาสาระ แต่ก็อยากจะออกมาเตือนสติให้พรรคไทยรักไทยออกมาตอบโต้กันในสิ่งที่เป็นข้อมูลเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ เช่นกรณีคุณสุธรรม แสงประทุม อดีตผู้นำนักศึกษาจะออกมาพูดในเรื่องที่ไม่เป็นเนื้อหาสาระ ตีความไม่ได้ เช่นกล่าวหาพรรคประชาธิปัตย์ว่าเป็น พรรคหน้าแหลม ซึ่งไม่รู้ว่าจะตีความว่าอย่างไร คุณสุธรรมเองก็หน้ากลมแยกไม่ออกกับคุณจตุพร อยากฝากให้ทั้งสองท่านทบทวนในการออกมาตอบโต้เรื่องที่มีเนื้อหาสาระมากกว่านี้’ นายสาธิตกล่าว
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ยื่นเรื่องฟ้องต่อศาลปกครองให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะว่า การที่กกต.ประกาศให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ใหม่ในวันที่ 23 เม.ย.ตามกฎหมายจะต้องมีการจับเบอร์ใหม่ แต่กกต.กลับประกาศให้พรรคไทยรักไทยได้เบอร์เดิมคือเบอร์ 2 ขณะที่ผู้สมัครจากพรรคใหม่ต้องจับเบอร์ใหม่ ทำให้เกิดการได้เปรียบเสีบเปรียบส่งผลให้พรรคเหล่านี้ต้องประชาสัมพันธ์กันใหม่ ซึ่งวันที่ 10 เม.ย.ศาลปกครองนัดให้กกต.มาชี้แจงกรณีดังกล่าว ทั้งนี้ตนทราบข่าวมาว่าขณะนี้การหาตัวผู้สมัครลงรับเลือกตั้งยากขึ้นจากเดิมที่จ้างให้ผู้สมัครที่มีคุณสมบัติครบถ้วนมาสมัครได้ค่าจ้าง 6 หลัก แต่ขณะนี้หาตัวผู้สมัครยากทำให้มีการปรับตัวเลขเพิ่มขึ้นเป็น 7 หลักแล้ว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 9 เม.ย. 2549--จบ--