จากอุบัติเหตุเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2549 เวลา 16.00 น. รถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ เสียหลักเฉี่ยวชนกับรถโดยสาร บริเวณถนนสายแม่สอด-ตาก ต.พะวอ อ.แม่สอด จ.ตาก เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 12 ราย บาดเจ็บ 24 ราย
นางจันทรา บูรณฤกษ์ อธิบดีกรมการประกันภัย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่า รถคันที่เกิดอุบัติเหตุทั้ง 2 คัน มีเพียงการประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.) โดยรถบรรทุกพ่วง ซึ่งส่วนหัวลากจูงหมายเลขทะเบียน 80-3414 ตาก ได้ทำประกันภัยไว้กับบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด และตัวพ่วงหมายเลขทะเบียน 80-3297 ได้ทำประกันภัยไว้กับ บริษัท ส่งเสริมประกันภัย จำกัด สำหรับรถยนต์โดยสารหมายเลขทะเบียน 30-0172 นครสวรรค์ ได้ทำประกันภัยไว้กับ บริษัท ลิเบอร์ตี้ประกันภัย จำกัด ซึ่งขณะนี้ทราบผลคดีแล้วว่ารถบรรทุกพ่วงเป็นฝ่ายประมาท ผู้ประสบภัยและทายาทผู้เสียชีวิตจะสามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากกรมธรรม์ประกันภัยตาม พ.ร.บ.ของรถบรรทุกพ่วงทั้งส่วนหัวลากจูงและตัวพ่วงรวม 2 กรมธรรม์ จากบริษัท วิริยะประกันภัยฯ และบริษัท ส่งเสริมประกันภัยฯ ดังนี้
1. ทายาทของผู้เสียชีวิต จะได้รับค่าสินไหมทดแทน 2 กรมธรรม์ๆ ละ 100,000 บาท รวมเป็น 200,000 บาท
2. ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ สามารถเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงและค่าอนามัยตามความเหมาะสม 2 กรมธรรม์ๆ ละไม่เกิน 50,000 บาท รวมเป็นไม่เกิน 100,000 บาท ยกเว้นผู้ขับขี่ที่เป็นฝ่ายประมาทสามารถเรียกร้องได้เพียงค่าเสียหายเบื้องต้น เป็นค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 15,000 บาทเท่านั้น
ขณะนี้กรมการประกันภัยได้ประสานไปยังบริษัท วิริยะประกันภัยฯ ที่รับประกันภัยรถบรรทุกพ่วง และบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ซึ่งจะดำเนินการจ่ายแทนบริษัท ส่งเสริมประกันภัยฯ เนื่องจากไม่มีสาขาอยู่ในพื้นที่ ให้เร่งพิจารณาดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ประสบภัยและทายาทโดยเร็วต่อไป
นางจันทราฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน รวมทั้งเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง ขอให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเพิ่มความระมัดระวังในการเดินทาง ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด หมั่นตรวจสอบสภาพรถก่อนใช้งานและที่สำคัญควรตรวจสอบการประกันภัยรถของท่านว่ามีผลคุ้มครองอยู่ เพราะหากหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุไม่ได้ การประกันภัยจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนหรือความสูญเสียในเบื้องต้นได้ หากมีปัญหาและข้อสงสัยเกี่ยวกับการประกันภัยรถยนต์ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนประกันภัย 1186 กลุ่มคุ้มครองผู้เอาประกันภัยเขต และสำนักงานประกันภัยจังหวัดทุกจังหวัด
ที่มา: http://www.doi.go.th