ในปี 2548 มีปัจจัยหลายประการที่ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ทำให้อัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์ในประเทศ (GDP) ในปีนี้ขยายตัวน้อยกว่าเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา อาทิ สถานการณ์ราคาน้ำมันที่ยังคงสูงถึง 24-25 บาทต่อลิตร อัตราเงินเฟ้อประมาณร้อยละ 4 และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ประกอบกับ ภาวะภัยธรรมชาติจากน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของประเทศ แต่โดยภาพรวมแล้วระบบเศรษฐกิจยังคงมีเสถียรภาพ และความต้องการยานยนต์จากตลาดต่างประเทศยังคงมีมาก ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง และในเดือนพฤศจิกายน 2548 นี้ การผลิตรถยนต์จะครบ 1 ล้านคัน และจะเป็นปีที่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสามารถผลิตรถยนต์เกิน 1 ล้านคัน เป็นปีแรก
ภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ ปี 2548
ในปี 2548 อุตสาหกรรมรถยนต์มีการขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา แม้ว่าสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ทั้งเบนซิน และดีเซล ยังคงมีการปรับตัวสูงขึ้น ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อรถยนต์ในภาพรวมมากนัก แต่อาจส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ในแต่ละประเภทมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รถยนต์ปิกอัพ 1 ตัน เป็นที่นิยมของผู้บริโภค และเป็นรถยนต์ที่มีความสำคัญในเชิงพาณิชย์ สำหรับการส่งออกรถยนต์ยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากการส่งออกรถยนต์ปิกอัพ 1ตัน จากฐานการผลิตในประเทศไทยเป็นสำคัญ สำหรับภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในปี 2548 มีการผลิตรถยนต์รวมทุกประเภทประมาณ 1,150,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2547 ซึ่งมีการผลิต 928,081 คัน ร้อยละ 23.91 โดยแบ่งเป็นการผลิตรถยนต์นั่งสัดส่วนประมาณร้อยละ 25 รถยนต์ปิกอัพ 1 ตัน ประมาณร้อยละ 73 และรถยนต์พาณิชย์อื่นๆ ประมาณร้อยละ 2 มีการจำหน่ายประมาณ 700,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2547 ซึ่งมีการจำหน่าย 626,039 คัน ร้อยละ 11.81 โดยเป็นการจำหน่ายรถยนต์นั่งสัดส่วนประมาณร้อยละ 26 เป็นการจำหน่ายรถยนต์ปิกอัพ 1 ตัน ประมาณร้อยละ 67 ที่เหลืออีกประมาณร้อยละ 7 เป็นการจำหน่ายรถยนต์เพื่อการพาณิชย์อื่นๆ และมีการส่งออกรถยนต์ประมาณ 450,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2547 ซึ่งมีการส่งออก 332,053 คัน ร้อยละ 35.52 สัดส่วนปริมาณการส่งออกรถยนต์ทุกประเภทต่อปริมาณการผลิต คิดเป็นร้อยละ 39 และหากพิจารณาปริมาณการส่งออกรถยนต์โดยแยกรายประเภท เป็นการส่งออกรถยนต์นั่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 25 รถยนต์ปิกอัพ 1 ตัน ประมาณร้อยละ 74 ประเทศที่เป็นตลาดส่งออกสำคัญของรถยนต์นั่งจากประเทศไทยในปี 2548 ได้แก่ อินโดนีเชีย และออสเตรเลีย ตลาดส่งออกรถแวนและปิกอัพที่สำคัญ ได้แก่ ออสเตรเลีย ตลาดส่งออกรถบัสและรถบรรทุกที่สำคัญ ได้แก่ ออสเตรเลีย สำหรับการนำเข้ารถยนต์ของไทยในปี 2548 มีการนำเข้ารถยนต์นั่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 13,000 ล้านบาท ลดลงจากปี 2547 ซึ่งมีการนำเข้ารถยนต์นั่ง 15,012 ล้านบาท ร้อยละ 13 แต่มีการนำเข้ารถยนต์โดยสารและรถบรรทุกคิดเป็นมูลค่าประมาณ 12,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2547 ซึ่งมีการนำเข้ารถยนต์โดยสารและรถบรรทุก 6,487 ล้านบาท ร้อยละ 85 ซึ่งแหล่งนำเข้ารถยนต์นั่งของไทยที่สำคัญ ได้แก่ อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น แหล่งนำเข้ารถยนต์โดยสารและรถบรรทุกที่สำคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่น และเยอรมนี
ภาวะอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ ปี 2548
อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในปี 2548 มีการขยายตัวเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา แม้ว่าในปีนี้ ในช่วงต้นปีประเทศไทยประสบปัญหาภัยแล้ง ภาวะราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ซึ่งกระทบต่ออำนาจซื้อของผู้บริโภคบางส่วน นอกจากนี้ ยังได้รับผลกระทบจากช่วงฤดูฝนที่ประสบภาวะน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของประเทศ ประกอบกับ ภาวะราคาน้ำมันยังคงสูง ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม อย่างไรก็ดี สำหรับการส่งออกรถจักรยานยนต์ มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตลาดส่งออกในอาเซียนมีการขยายตัวสูงมาก สำหรับภาวะอุตสาหกรรมรถจักยานยนต์ในปี 2548 มีปริมาณการผลิตรถจักรยานยนต์ประมาณ 2,300,000 คัน โดยแบ่งเป็น รถจักรยานยนต์แบบครอบครัวประมาณ ร้อยละ 96 และรถจักรยานยนต์แบบสปอร์ตประมาณ ร้อยละ 4 การจำหน่ายรถจักรยานยนต์ประมาณ 2,150,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2547 ซึ่งมีการจำหน่าย 2,033,766 คัน ร้อยละ 5.7 โดยแบ่งเป็น รถจักรยานยนต์แบบครอบครัว (รวมการผลิตรถจักรยานยนต์แบบครอบครัว แบบครอบครัวกึ่งสปอร์ต และแบบสกู๊ตเตอร์) ประมาณร้อยละ 99 และรถจักรยานยนต์แบบสปอร์ต (รวมแบบสปอร์ต และ แบบ off Road) ประมาณร้อยละ 1 มีการส่งออกรถจักรยานยนต์ (Completely Built Up : CBU) ประมาณ 150,000 คัน หากรวมการส่งออกรถจักรยานยนต์ทั้ง CBU และ CKD (Completely Knock Down) ประมาณ 1,295,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2547 ซึ่งมีการส่งออกรถจักรยานยนต์ ( CBU และ CKD) 846,619 คัน ร้อยละ 53 ประเทศที่เป็นตลาดส่งออกสำคัญของรถจักรยานยนต์จากประเทศไทยในปี 2548 ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สำหรับการนำเข้ารถจักรยานยนต์ของไทยประมาณ 1,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2547 ซึ่งมีการนำเข้ารถจักรยานยนต์ 1,549 ล้านบาท ร้อยละ 9.7 ซึ่งแหล่งนำเข้ารถจักรยานยนต์ของไทยที่สำคัญในปี 2548 ได้แก่ ญี่ปุ่น
แนวโน้มของอุตสาหกรรมยานยนต์ ปี 2549
ในปี 2549 คาดว่า เศษฐกิจของประเทศยังคงขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพ และยานยนต์ยังคงเป็นปัจจัยที่สำคัญในการดำเนินชีวิตประจำวัน โดยในส่วนของอุตสาหกรรมรถยนต์ยังอยู่ในช่วงของการย้ายฐานการผลิตรถยนต์ปิกอัพ 1 ตัน จากญี่ปุ่นมายังไทย ทำให้มีการผลิตและส่งออกรถยนต์เพิ่มขึ้น สำหรับตลาดรถยนต์ในประเทศยังคงมีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะรถยนต์ปิกอัพ 1 ตัน ซึ่งมีทั้งการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ และการเปลี่ยน Model ใหม่ ที่เป็นไปตามแนวโน้มของตลาดมากขึ้น สำหรับอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ ตลาดในประเทศจะขยายตัวตามภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ด้านตลาดส่งออกก็ยังมีลู่ทางที่ดี โดยเฉพาะตลาดในอาเซียนยังคงมีการขยายตัวสูง แต่ในขณะเดียวกันก็มีแนวโน้มของการแข่งขันที่สูงขึ้นด้วยโดยเฉพาะคู่แข่งจากประเทศจีน ซึ่งผู้ผลิตส่งออกจักรยานยนต์ของไทยก็มีความพร้อมที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพ มาตรฐานที่สูงกว่า และแสวงหาช่องทางการตลาดใหม่ๆ ที่จะนำเสนอสินค้าให้ตรงตามความต้องการของตลาดได้มากขึ้น
ประมาณการภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในปี 2549 มีการผลิตประมาณ 1,270,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2548 ร้อยละ 10 มีการจำหน่ายในประเทศ 770,000 คัน และส่งออก 540,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2548 ร้อยละ 10 และ 20 ตามลำดับ ทั้งนี้ จะเป็นการผลิตเพื่อส่งออกประมาณ ร้อยละ 42 สำหรับตลาดในประเทศ ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์จะขยายตัวมากกว่าตลาดรถยนต์นั่ง โดยเฉพาะตลาดรถยนต์ปิกอัพจะมีการแข่งขันกันอย่างมาก ในส่วนของตลาดรถยนต์นั่ง รถยนต์นั่งขนาดเล็กยังเป็นที่นิยมของผู้บริโภค เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนด้านราคาและการประหยัดพลังงาน
ประมาณการภาวะอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในปี 2549 มีการผลิตประมาณ 2,430,000 คัน มีการจำหน่ายในประเทศ 2,250,000 คัน และส่งออก 180,000 คัน ซึ่งจะเพิ่มขึ้นจากปี 2548 ร้อยละ 5.65, 4.65 และ 20 ตามลำดับ
สำหรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ ส่วนใหญ่แล้วจะขึ้นอยู่กับภาวะของอุตสาหกรรมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ จึงเป็นที่คาดได้ว่าอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ในปี 2548 จะมีแนวโน้มเป็นไปในทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรมรถยนต์ และรถจักรยานยนต์
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-
ภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ ปี 2548
ในปี 2548 อุตสาหกรรมรถยนต์มีการขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา แม้ว่าสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ทั้งเบนซิน และดีเซล ยังคงมีการปรับตัวสูงขึ้น ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อรถยนต์ในภาพรวมมากนัก แต่อาจส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ในแต่ละประเภทมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รถยนต์ปิกอัพ 1 ตัน เป็นที่นิยมของผู้บริโภค และเป็นรถยนต์ที่มีความสำคัญในเชิงพาณิชย์ สำหรับการส่งออกรถยนต์ยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากการส่งออกรถยนต์ปิกอัพ 1ตัน จากฐานการผลิตในประเทศไทยเป็นสำคัญ สำหรับภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในปี 2548 มีการผลิตรถยนต์รวมทุกประเภทประมาณ 1,150,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2547 ซึ่งมีการผลิต 928,081 คัน ร้อยละ 23.91 โดยแบ่งเป็นการผลิตรถยนต์นั่งสัดส่วนประมาณร้อยละ 25 รถยนต์ปิกอัพ 1 ตัน ประมาณร้อยละ 73 และรถยนต์พาณิชย์อื่นๆ ประมาณร้อยละ 2 มีการจำหน่ายประมาณ 700,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2547 ซึ่งมีการจำหน่าย 626,039 คัน ร้อยละ 11.81 โดยเป็นการจำหน่ายรถยนต์นั่งสัดส่วนประมาณร้อยละ 26 เป็นการจำหน่ายรถยนต์ปิกอัพ 1 ตัน ประมาณร้อยละ 67 ที่เหลืออีกประมาณร้อยละ 7 เป็นการจำหน่ายรถยนต์เพื่อการพาณิชย์อื่นๆ และมีการส่งออกรถยนต์ประมาณ 450,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2547 ซึ่งมีการส่งออก 332,053 คัน ร้อยละ 35.52 สัดส่วนปริมาณการส่งออกรถยนต์ทุกประเภทต่อปริมาณการผลิต คิดเป็นร้อยละ 39 และหากพิจารณาปริมาณการส่งออกรถยนต์โดยแยกรายประเภท เป็นการส่งออกรถยนต์นั่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 25 รถยนต์ปิกอัพ 1 ตัน ประมาณร้อยละ 74 ประเทศที่เป็นตลาดส่งออกสำคัญของรถยนต์นั่งจากประเทศไทยในปี 2548 ได้แก่ อินโดนีเชีย และออสเตรเลีย ตลาดส่งออกรถแวนและปิกอัพที่สำคัญ ได้แก่ ออสเตรเลีย ตลาดส่งออกรถบัสและรถบรรทุกที่สำคัญ ได้แก่ ออสเตรเลีย สำหรับการนำเข้ารถยนต์ของไทยในปี 2548 มีการนำเข้ารถยนต์นั่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 13,000 ล้านบาท ลดลงจากปี 2547 ซึ่งมีการนำเข้ารถยนต์นั่ง 15,012 ล้านบาท ร้อยละ 13 แต่มีการนำเข้ารถยนต์โดยสารและรถบรรทุกคิดเป็นมูลค่าประมาณ 12,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2547 ซึ่งมีการนำเข้ารถยนต์โดยสารและรถบรรทุก 6,487 ล้านบาท ร้อยละ 85 ซึ่งแหล่งนำเข้ารถยนต์นั่งของไทยที่สำคัญ ได้แก่ อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น แหล่งนำเข้ารถยนต์โดยสารและรถบรรทุกที่สำคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่น และเยอรมนี
ภาวะอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ ปี 2548
อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในปี 2548 มีการขยายตัวเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา แม้ว่าในปีนี้ ในช่วงต้นปีประเทศไทยประสบปัญหาภัยแล้ง ภาวะราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ซึ่งกระทบต่ออำนาจซื้อของผู้บริโภคบางส่วน นอกจากนี้ ยังได้รับผลกระทบจากช่วงฤดูฝนที่ประสบภาวะน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของประเทศ ประกอบกับ ภาวะราคาน้ำมันยังคงสูง ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม อย่างไรก็ดี สำหรับการส่งออกรถจักรยานยนต์ มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตลาดส่งออกในอาเซียนมีการขยายตัวสูงมาก สำหรับภาวะอุตสาหกรรมรถจักยานยนต์ในปี 2548 มีปริมาณการผลิตรถจักรยานยนต์ประมาณ 2,300,000 คัน โดยแบ่งเป็น รถจักรยานยนต์แบบครอบครัวประมาณ ร้อยละ 96 และรถจักรยานยนต์แบบสปอร์ตประมาณ ร้อยละ 4 การจำหน่ายรถจักรยานยนต์ประมาณ 2,150,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2547 ซึ่งมีการจำหน่าย 2,033,766 คัน ร้อยละ 5.7 โดยแบ่งเป็น รถจักรยานยนต์แบบครอบครัว (รวมการผลิตรถจักรยานยนต์แบบครอบครัว แบบครอบครัวกึ่งสปอร์ต และแบบสกู๊ตเตอร์) ประมาณร้อยละ 99 และรถจักรยานยนต์แบบสปอร์ต (รวมแบบสปอร์ต และ แบบ off Road) ประมาณร้อยละ 1 มีการส่งออกรถจักรยานยนต์ (Completely Built Up : CBU) ประมาณ 150,000 คัน หากรวมการส่งออกรถจักรยานยนต์ทั้ง CBU และ CKD (Completely Knock Down) ประมาณ 1,295,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2547 ซึ่งมีการส่งออกรถจักรยานยนต์ ( CBU และ CKD) 846,619 คัน ร้อยละ 53 ประเทศที่เป็นตลาดส่งออกสำคัญของรถจักรยานยนต์จากประเทศไทยในปี 2548 ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สำหรับการนำเข้ารถจักรยานยนต์ของไทยประมาณ 1,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2547 ซึ่งมีการนำเข้ารถจักรยานยนต์ 1,549 ล้านบาท ร้อยละ 9.7 ซึ่งแหล่งนำเข้ารถจักรยานยนต์ของไทยที่สำคัญในปี 2548 ได้แก่ ญี่ปุ่น
แนวโน้มของอุตสาหกรรมยานยนต์ ปี 2549
ในปี 2549 คาดว่า เศษฐกิจของประเทศยังคงขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพ และยานยนต์ยังคงเป็นปัจจัยที่สำคัญในการดำเนินชีวิตประจำวัน โดยในส่วนของอุตสาหกรรมรถยนต์ยังอยู่ในช่วงของการย้ายฐานการผลิตรถยนต์ปิกอัพ 1 ตัน จากญี่ปุ่นมายังไทย ทำให้มีการผลิตและส่งออกรถยนต์เพิ่มขึ้น สำหรับตลาดรถยนต์ในประเทศยังคงมีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะรถยนต์ปิกอัพ 1 ตัน ซึ่งมีทั้งการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ และการเปลี่ยน Model ใหม่ ที่เป็นไปตามแนวโน้มของตลาดมากขึ้น สำหรับอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ ตลาดในประเทศจะขยายตัวตามภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ด้านตลาดส่งออกก็ยังมีลู่ทางที่ดี โดยเฉพาะตลาดในอาเซียนยังคงมีการขยายตัวสูง แต่ในขณะเดียวกันก็มีแนวโน้มของการแข่งขันที่สูงขึ้นด้วยโดยเฉพาะคู่แข่งจากประเทศจีน ซึ่งผู้ผลิตส่งออกจักรยานยนต์ของไทยก็มีความพร้อมที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพ มาตรฐานที่สูงกว่า และแสวงหาช่องทางการตลาดใหม่ๆ ที่จะนำเสนอสินค้าให้ตรงตามความต้องการของตลาดได้มากขึ้น
ประมาณการภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในปี 2549 มีการผลิตประมาณ 1,270,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2548 ร้อยละ 10 มีการจำหน่ายในประเทศ 770,000 คัน และส่งออก 540,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2548 ร้อยละ 10 และ 20 ตามลำดับ ทั้งนี้ จะเป็นการผลิตเพื่อส่งออกประมาณ ร้อยละ 42 สำหรับตลาดในประเทศ ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์จะขยายตัวมากกว่าตลาดรถยนต์นั่ง โดยเฉพาะตลาดรถยนต์ปิกอัพจะมีการแข่งขันกันอย่างมาก ในส่วนของตลาดรถยนต์นั่ง รถยนต์นั่งขนาดเล็กยังเป็นที่นิยมของผู้บริโภค เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนด้านราคาและการประหยัดพลังงาน
ประมาณการภาวะอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ในปี 2549 มีการผลิตประมาณ 2,430,000 คัน มีการจำหน่ายในประเทศ 2,250,000 คัน และส่งออก 180,000 คัน ซึ่งจะเพิ่มขึ้นจากปี 2548 ร้อยละ 5.65, 4.65 และ 20 ตามลำดับ
สำหรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ ส่วนใหญ่แล้วจะขึ้นอยู่กับภาวะของอุตสาหกรรมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ จึงเป็นที่คาดได้ว่าอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ในปี 2548 จะมีแนวโน้มเป็นไปในทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรมรถยนต์ และรถจักรยานยนต์
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-