วันนี้(15 มิ.ย. 49)นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยทีมกฎหมาย ได้เดินทางเข้าชี้แจง 6 ข้อกล่าวหา ต่อคณะอนุกรรมการสอบสวนเพิ่มเติมกรณีพรรคไทยรักไทยร้องให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ ภายหลังการเข้าชี้แจงกว่า 3 ชั่วโมงนายสุเทพ เปิดเผยว่า การชี้แจงในวันนี้(15มิ.ย.) เขาได้ทำบันทึกการให้ถ้อยคำเป็นลายลักษณ์อักษร ที่เตรียมมาอ่านให้คณะอนุฯฟัง พร้อมทั้งยื่นเอกสารหลักฐานเป็นซีดี บันทึกคำให้การพยานกรณีที่ว่าจ้างพรรคพัฒนาชาติไทย และพรรคแผ่นดินไทย รวมทั้งหลักฐานการเช่าโรงแรมกานต์มณี เพื่อปลอมแปลงเอกสารการสมัคร รวมถึงหลักฐานการโอนเงินไปมา ระหว่างผู้จ้างและผู้ถูกจ้าง และตัวอย่างหลักฐานเอกสาร ของคนที่พรรคหมายตาว่า จะให้ลงสมัคร ซึ่งได้แฟกซ์ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน หลักฐานการศึกษา เพื่อมาทำการปลอมแปลงล่วงหน้า ซึ่งคาดว่า คณะอนุฯ คงเข้าใจในหลักฐานที่นำมาแสดง
นายสุเทพ กล่าวว่า คณะอนุฯได้สอบถามเพิ่มในหลายประเด็น และสนใจเป็นพิเศษ เรื่องการขัดขวางการรับสมัครที่ จ.สงขลา โดยถามตามโผที่เตรียมมาเช่น นายชาลี นพวงศ์ เกี่ยวข้องอะไรกับพรรคประชาธิปัตย์ และรู้จักกันหรือไม่ ซึ่างเขาก็ชี้แจงว่า ไม่รู้จักและไม่เกี่ยวข้องกับพรรค และถามว่า ใบปลิวที่ จ.สงขลาเกี่ยวข้องหรือไม่ เพราะมีชื่อนายถาวร เสนเนียม อยู่ท้ายเอกสาร เขาก็บอกว่า พรรคไม่ได้ทำ ถ้าสงสัยก็ให้เรียกนายถาวรมาสอบ และมีการถามถึงการขัดขวางพรรคเล็กลงสมัคร ซึ่งเขาก็บอกไปว่า เป็นเรื่องการแสดงออกทางการเมืองของคนในพื้นที่เอง
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า คณะอนุฯยังสนใจเรื่องการว่าจ้าง ผู้สมัครพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า ใส่ร้ายพรรคไทยรักไทย โดยเขาได้ชี้แจงว่า ผู้สมัครของพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า ได้เดินทางมาหาตนเอง เพราะเกรงว่า หากสมัครไปแล้วและคุณสมบัติไม่ครบ จะผิดกฎหมาย เขาจึงแนะนำให้ลาออกจากพรรคไปเสีย จะได้ขาดคุณสมบัติการเป็นผู้สมัคร และเป็นเหตุบรรเทาโทษ แต่ทั้ง 3 คน ก็บอกว่า ลาออกไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าพรรคอยู่ที่ไหน
"ผมเห็นเป็นเรื่องตลก จึงนำมาแถลงข่าวกับสื่อ ผมต้องการส่งสัญญานว่า หากมาสมัครโดยคุณสมบัติไม่ครบจะผิดกฎหมาย และการแถลงข่าววันนั้น ก็ไม่ได้พูดถึงพรรคไทยรักไทยแต่อย่างใด"นายสุเทพ กล่าว
ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการ พยายามสอบถามเรื่องการชุมนุมที่ท้องสนามหลวง และให้อธิบายคำว่า ระบอบทักษิณ ว่า หมายความว่าอย่างไร ซึ่งตนก็ได้อธิบายไปว่า เป็นระบอบที่ทักษิณ กุมอำนาจแต่เพียงผู้เดียว ตัดสินใจเอง สั่งการเอง ครม.ไม่มีสิทธิ มีเสียง ไม่เหมือนระบอบรัฐสภาทั่วไป รวมทั้งเข้าไปแทรกแซงสื่อ ระบบราชการ และองค์กรอิสระ และระบอบทักษิณยังทำลายจริยธรรมของสังคม และมุ่งประโยชน์ส่วนตน
“ผมคิดว่า อนุฯคงเข้าใจ ซึ่งหากยังไม่พอใจ ก็ยินดีมาชี้แจงอีก และส่งหลักฐานเพิ่มเติมให้ แต่คิดว่า เอกสารที่นำมาในวันนี้(15มิ.ย.) หากดูโดยละเอียด ก็น่าจะเพียงพอแล้ว”นายสุเทพกล่าว
ต่อข้อถามที่ว่า ข้อกล่าวหาเหล่านี้ จะทำให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เชื่อว่า กรณีนี้จะยุบพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ เพราะพรรคและกรรมการบริหาร ไม่ได้ทำอะไรผิด การไม่ส่งผู้สมัคร เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ พรรคไทยรักไทยก็เคยไม่ส่ง ซึ่งปี 2495 ทางพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ส่ง ส่วนประเด็นการรณรงค์ให้ลงคะแนนในช่องงดออกเสียง ก็ไม่ใช่ความผิด ซึ่งคนมีสิทธิลงหรือไม่ลงคะแนนให้ใครก็ได้ และพรรคได้บอกกับประชาชนอย่างเปิดเผยว่าพรรคต่อต้านระบอบทักษิณ ถ้าประชาชนเห็นด้วยกับพรรคก็ให้ลงคะแนนในช่องงดออกเสียง แต่ต้องไปลงคะแนนเลือกตั้ง
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 15 มิ.ย. 2549--จบ--
นายสุเทพ กล่าวว่า คณะอนุฯได้สอบถามเพิ่มในหลายประเด็น และสนใจเป็นพิเศษ เรื่องการขัดขวางการรับสมัครที่ จ.สงขลา โดยถามตามโผที่เตรียมมาเช่น นายชาลี นพวงศ์ เกี่ยวข้องอะไรกับพรรคประชาธิปัตย์ และรู้จักกันหรือไม่ ซึ่างเขาก็ชี้แจงว่า ไม่รู้จักและไม่เกี่ยวข้องกับพรรค และถามว่า ใบปลิวที่ จ.สงขลาเกี่ยวข้องหรือไม่ เพราะมีชื่อนายถาวร เสนเนียม อยู่ท้ายเอกสาร เขาก็บอกว่า พรรคไม่ได้ทำ ถ้าสงสัยก็ให้เรียกนายถาวรมาสอบ และมีการถามถึงการขัดขวางพรรคเล็กลงสมัคร ซึ่งเขาก็บอกไปว่า เป็นเรื่องการแสดงออกทางการเมืองของคนในพื้นที่เอง
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า คณะอนุฯยังสนใจเรื่องการว่าจ้าง ผู้สมัครพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า ใส่ร้ายพรรคไทยรักไทย โดยเขาได้ชี้แจงว่า ผู้สมัครของพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า ได้เดินทางมาหาตนเอง เพราะเกรงว่า หากสมัครไปแล้วและคุณสมบัติไม่ครบ จะผิดกฎหมาย เขาจึงแนะนำให้ลาออกจากพรรคไปเสีย จะได้ขาดคุณสมบัติการเป็นผู้สมัคร และเป็นเหตุบรรเทาโทษ แต่ทั้ง 3 คน ก็บอกว่า ลาออกไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าพรรคอยู่ที่ไหน
"ผมเห็นเป็นเรื่องตลก จึงนำมาแถลงข่าวกับสื่อ ผมต้องการส่งสัญญานว่า หากมาสมัครโดยคุณสมบัติไม่ครบจะผิดกฎหมาย และการแถลงข่าววันนั้น ก็ไม่ได้พูดถึงพรรคไทยรักไทยแต่อย่างใด"นายสุเทพ กล่าว
ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการ พยายามสอบถามเรื่องการชุมนุมที่ท้องสนามหลวง และให้อธิบายคำว่า ระบอบทักษิณ ว่า หมายความว่าอย่างไร ซึ่งตนก็ได้อธิบายไปว่า เป็นระบอบที่ทักษิณ กุมอำนาจแต่เพียงผู้เดียว ตัดสินใจเอง สั่งการเอง ครม.ไม่มีสิทธิ มีเสียง ไม่เหมือนระบอบรัฐสภาทั่วไป รวมทั้งเข้าไปแทรกแซงสื่อ ระบบราชการ และองค์กรอิสระ และระบอบทักษิณยังทำลายจริยธรรมของสังคม และมุ่งประโยชน์ส่วนตน
“ผมคิดว่า อนุฯคงเข้าใจ ซึ่งหากยังไม่พอใจ ก็ยินดีมาชี้แจงอีก และส่งหลักฐานเพิ่มเติมให้ แต่คิดว่า เอกสารที่นำมาในวันนี้(15มิ.ย.) หากดูโดยละเอียด ก็น่าจะเพียงพอแล้ว”นายสุเทพกล่าว
ต่อข้อถามที่ว่า ข้อกล่าวหาเหล่านี้ จะทำให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เชื่อว่า กรณีนี้จะยุบพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ เพราะพรรคและกรรมการบริหาร ไม่ได้ทำอะไรผิด การไม่ส่งผู้สมัคร เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ พรรคไทยรักไทยก็เคยไม่ส่ง ซึ่งปี 2495 ทางพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ส่ง ส่วนประเด็นการรณรงค์ให้ลงคะแนนในช่องงดออกเสียง ก็ไม่ใช่ความผิด ซึ่งคนมีสิทธิลงหรือไม่ลงคะแนนให้ใครก็ได้ และพรรคได้บอกกับประชาชนอย่างเปิดเผยว่าพรรคต่อต้านระบอบทักษิณ ถ้าประชาชนเห็นด้วยกับพรรคก็ให้ลงคะแนนในช่องงดออกเสียง แต่ต้องไปลงคะแนนเลือกตั้ง
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 15 มิ.ย. 2549--จบ--