เรือดับเพลิงฉาว ราคาสูงเกินจริงกว่า 400 ล้านบาท แหกตาครั้งใหญ่ไม่ใช่เรือยุโรปแต่ต้น แต่เป็นเรือไทย 100% ออกแบบและสร้างโดยคนไทย ไม่มีขายในยุโรป พบหลักฐานสมัครร่วมมือฝรั่งแอบทำเรือในไทยตั้งแต่แรก พบพิรุธมีข้าราชการใหญ่กทม. ทำตัวเหมือนกินเงิน STYER มีนักการเมืองใหญ่นำเงินสินบนเรือ 400 ล้านใช้เลือกตั้งภาคเหนือ เตรียมยื่นผู้ว่าฯ อภิรักษ์ สอบสินบนเรือสัปดาห์หน้า
นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า เรือดับเพลิงของ กทม. เป็นเรือทำด้วยอะลูมิเนียม ขนาด 38 ฟุต มีลักษณะเป็นเรือชั้นเดียว ไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร มีส่วนประกอบของเรือดังนี้
1. เครื่องยนต์เรือขนาด 270 แรงม้า พร้อมใบจักรยี่ห้อ Cummins Mercruiser (คัมมิ้น เมอร์ครูซเซอร์) จำนวน 2 เครื่องยนต์ เป็นเครื่องยนต์ USA (ดูเอกสารประกอบ) เป็นเครื่องยนต์ที่ใช้ขับเคลื่อนเรือ ติดอยู่ท้ายเรือ มีส่วนที่เป็นใบจักรและเกียร์ ถ้าถามว่าเครื่องยนต์ใหญ่ขนาดไหน?ก็เท่ากับเครื่องรถสิบล้อ และที่ต้องใช้เครื่องยี้ห้อคัมมิ้น เพราะบริษัท ซีท เป็นตัวแทนจำหน่าย (ดูเอกสารประกอบ)
2. เครื่องยนต์ขับเครื่องสูบน้ำขนาด 223 แรงม้า ยี่ห้อ Cummins Mercruiser จำนวน 1 เครื่อง เป็นเครื่องยนต์ USA
3. เครื่องสูบน้ำขนาด 3,850 ลิตร/นาที ยี่ห้อ Hale (เฮล) ของ USA ดูเอกสารประกอบ จำนวน 1 เครื่อง
4. หัวฉีดน้ำดับเพลิง
5. ถังน้ำมันดีเซล 2 ถังๆละ 500 ลิตร
6. พวงมาลัยควบคุมเรือ
7. ที่นั่งจำนวน 7 ที่นั่ง
“และเมื่อผมนำสเปคของเรือดับเพลิง กทม. ไปทำการถอดราคาเรือดับเพลิง พบว่ามีราคาประมาณลำละ 9.1 ล้านบาท และยังพบว่าเรือดับเพลิงแบบนี้ไม่มีใช้ในยุโรป เป็นเรือดับเพลิงที่ประเทศไทยผลิตเอง และออกแบบเอง ไม่มีอุปกรณ์ของเรือดับเพลิงที่มาจากยุโรปเลย ที่บอกว่าเรือดับเพลิงของ กทม. เป็นมาตรฐานการผลิตของยุโรป EN หรือ European Norm จึงไม่เป็นความจริง” นายยุทธพงศ์ กล่าว
นายยุทธพงศ์ กล่าวต่อว่า ตามที่กรุงเทพมหานครได้สั่งซื้อเรือดับเพลิงจำนวน 30 ลำ มูลค่า 764 ล้านบาท หรือราคาลำละ 26 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการเดียวกันกับรถดับเพลิงฉาวมูลค่า 6,687 ล้านบาทจากออสเตรีย ดังนั้นการจัดซื้อเรือดับเพลิงครั้งนี้ต้องมีผลต่างประมาณ 400 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ก็คือสินบนอย่างแน่นอน
และจากการตรวจสอบสเปคเรือดับเพลิงที่กรุงเทพมหานครได้เซ็นสัญญากับบริษัท STYER ในสมัยที่นายสมัคร สุนทรเวช ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.พบว่าในสัญญาที่ผู้ว่าฯ สมัคร เซ็น พบพิรุธว่า เป็น เรือดับเพลิง ของไทยตั้งแต่แรก เพราะว่าแบบ Drawing ในสัญญาเขียนโดย บริษัท Seat Boat, พัทยา จำกัด ตั้งแต่แรก เพราะถ้าเป็นเรือ STYER ตามที่อ้างจริงและมีมาตรฐานยุโรปจริง ตัวแบบ Drawing ต้องเป็นแบบของเรือ STYER แต่นี่มันเป็นการส่อพิรุธตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ทำไมผู้ว่าฯ สมัคร ถึงกล้าเซ็น? ไม่กลัวความผิดเลยหรือ ทั้งๆที่ผู้ว่าฯสมัคร ท่านก็ไม่ใช่ประเภทมือใหม่หัดขับ
“ดังนั้นการที่มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ของ กทม. ท่านหนึ่งมีลักษณะ”ทรงผมมีกระบัง” ออกมาปกป้องตอบโต้กรณี เรือดับเพลิงแทนบริษัท STYER ว่า เรือดับเพลิงของกทม. ที่มีราคาสูงกว่าการสั่งซื้อเรือโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะเป็นปัจจัยค่าเงินบาท และเป็นเพราะเรือมีมาตรฐานเทียบเท่ายุโรป ผมขอถามข้าราชการท่านนี้ว่า เรือดับเพลิงนี้เป็นเรือยุโรปหรือเรือไทยท่านยังไม่รู้อีกหรือ? แล้วที่ท่านออกมาตอบโต้แทนบริษัท STYER นี้ เป็นเพราะท่านกินเงินเดือนฝรั่ง หรือกินเงินเดือนที่เป็นภาษีของประชาชนชาว กทม. กันแน่ ถึงไม่ได้คิดรักษาผลประโยชน์ของ กทม. นอกจากนี้ข้าราชการใหญ่ของ กทม.ท่านนี้ยังมีพฤติกรรมที่จะช่วยฝรั่งโกงภาษีอีกพันกว่าล้านบาท และผมได้เตรียมข้อมูลของข้าราชการใหญ่ท่านนี้ไปมอบให้ท่านผู้ว่าฯ อภิรักษ์ สอบสวนในสัปดาห์หน้านี้แน่นอน” รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว และว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ตนของตั้งคำถามว่า
1. ท่านผู้ว่า.สมัครฯ เซ็นสัญญา และเป็นผู้ที่ทำให้เกิดเรื่องเรือดับเพลิงนี้ขึ้นมา ผมขอเรียกร้องให้ผู้ว่าฯสมัคร ออกมาชี้แจงว่า ทำไม? ท่านถึงยอมเซ็นสัญญา ที่เสียเปรียบฝรั่งเช่นนี้ ผู้ว่าฯสมัคร ต้องรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น
2. กรณีเงินสินบนจากเรื่องเรือดับเพลิง จำนวน 400 ล้านบาท มันไปอยู่ที่ไหน? ผมขอเรียกร้องให้ผู้ที่รับผิดชอบออกมาชี้แจง? และขอเรียกร้องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ได้สอบสวนเรื่องนี้โดยเร่งด่วน เพราะมันมีข้อครหาว่ามีนักการเมืองใหญ่ระดับรมต. นำเงินก้อนนี้ไปใช้ในการเลือกตั้ง ส.ส. ช่วงต้นปี 2548 ทางภาคเหนือ
3. ตนขอเรียกร้องให้ นายวัฒนา เมืองสุข รมว.พาณิชย์ ในสมัยนั้น ออกมาชี้แจง กรณีโครงการรถดับเพลิงออสเตรีย ทำไมรัฐบาลออสเตรีย ทำไปทำมาจึงกลายเป็น บริษัท CP และทำไมไก่ ซีพี ถึงไม่ได้ส่งไปที่ออสเตรีย ไก่ซีพีส่งไปที่ไหน? ไม่ใช่ที่ท่าน รมต.วัฒนาฯ ออกมาชี้แจงว่า พรรค ปชป. เหมือนคนตกน้ำ กำลังจะจมน้ำตาย ให้หายใจลึกๆ แล้วท่องคำว่า พุทโธ เพราะมันไม่เกี่ยวกับคำถามที่ท่านรมต.วัฒนาฯ ต้องตอบเรื่องไก่ซีพี ตนขอร้องให้ท่าน รมต.วัฒนาฯ เล่นการเมืองแบบสร้างสรรค์ ด้วยไม่ใช่เอาแต่สาดโคลน ใช้น้ำลายเล่นการเมือง
“ผมได้เตรียมรวบรวมข้อมูลเรื่องความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อเรือดับเพลิงของ กทม. ที่มีราคาแพงกว่าความเป็นจริงถึง 400 ล้านบาทไปมอบให้ท่านผู้ว่าฯ อภิรักษ์ ได้สอบสวนเรื่องนี้ เพราะขณะนี้ทางท่านผู้ว่าฯ อภิรักษ์ ได้แต่งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนเรื่องนี้อยู่แล้ว โดยมี ศ.ดร.บุญเสริม วีสกุล เป็นประธานฯ” รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ส่วนกรณี ที่ ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย กล่าวในการสัมมนา “มุมมองของนักวิชาการต่อสภาพการเมืองในปัจจุบัน” เมื่อ 17 ก.พ. 49 ว่า บัตรเลือกตั้งที่พิมพ์โดยสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลมีปัญหา เพราะขณะนี้มีบัตรปลอมจำนวนมากที่ยังอยู่ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรื่องนี้มีเสียงร่ำลือจากคนในพรรคไทยรักไทยว่า มีการมอบให้ผู้ที่กำลังเป็นรัฐมนตรีในขณะนี้ทำบัตรเลือกตั้งปลอม ดังนั้นที่อ้าง 19 ล้านเสียง จริงแล้วที่ได้มาเพราะอำนาจรัฐ อำนาจเงิน คะแนนจริงๆน้อยมาก
นายยุทธพงศ์ ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า เรื่องนี้ทางพรรคประชาธิปัตย์ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมากในระบอบประชาธิปไตย เพราะคนที่พูดถึงเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือ และการเลือกตั้ง ส.ส. ครั้งที่ผ่านมาได้มีการพูดเรื่องการโกงการเลือกตั้งมาก และในวันที่ 19 เม.ย. 49 ก็จะมีการเลือกตั้ง สว. เกรงว่าจะมีการโกงการเลือกตั้ง สว. กันทั้งประเทศอีก และมีเรื่องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะต้องตอบสังคม ในเรื่องที่ส่อพิรุธ ดังนี้
1. เมื่อ ปี 2547 กกต. โดยท่านวีรชัย แนวบุญเนียร ได้นำตัวอย่างเครื่องลงคะแนนเลือกตั้งด้วยคอมพิวเตอร์ มาสาธิตให้ใช้ และ กกต.มีความเห็นว่าจะต้องใช้เครื่องลงคะแนน และทำไม 2 ปี ผ่านไป เรื่องจึงเงียบหายไป
2. กกต.ได้ เปลี่ยนวิธีลงคะแนน จากกากบาทด้วยมือ มาเป็นใช้ปั้มตรายาง เพื่ออะไร? ช่วยกรุณาตอบด้วย เพราะมันส่อว่ามีการเตรียมโกงการเลือกตั้ง
สัปดาห์หน้าผมจะทำหนังสือถึงท่านประธาน กกต. พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ให้สอบสวนกรณี การพิมพ์บัตรเลือกตั้งที่กองสลาก และ ให้ตรวจสอบการโกงการเลือกตั้ง
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 19 ก.พ. 2549--จบ--
นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า เรือดับเพลิงของ กทม. เป็นเรือทำด้วยอะลูมิเนียม ขนาด 38 ฟุต มีลักษณะเป็นเรือชั้นเดียว ไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร มีส่วนประกอบของเรือดังนี้
1. เครื่องยนต์เรือขนาด 270 แรงม้า พร้อมใบจักรยี่ห้อ Cummins Mercruiser (คัมมิ้น เมอร์ครูซเซอร์) จำนวน 2 เครื่องยนต์ เป็นเครื่องยนต์ USA (ดูเอกสารประกอบ) เป็นเครื่องยนต์ที่ใช้ขับเคลื่อนเรือ ติดอยู่ท้ายเรือ มีส่วนที่เป็นใบจักรและเกียร์ ถ้าถามว่าเครื่องยนต์ใหญ่ขนาดไหน?ก็เท่ากับเครื่องรถสิบล้อ และที่ต้องใช้เครื่องยี้ห้อคัมมิ้น เพราะบริษัท ซีท เป็นตัวแทนจำหน่าย (ดูเอกสารประกอบ)
2. เครื่องยนต์ขับเครื่องสูบน้ำขนาด 223 แรงม้า ยี่ห้อ Cummins Mercruiser จำนวน 1 เครื่อง เป็นเครื่องยนต์ USA
3. เครื่องสูบน้ำขนาด 3,850 ลิตร/นาที ยี่ห้อ Hale (เฮล) ของ USA ดูเอกสารประกอบ จำนวน 1 เครื่อง
4. หัวฉีดน้ำดับเพลิง
5. ถังน้ำมันดีเซล 2 ถังๆละ 500 ลิตร
6. พวงมาลัยควบคุมเรือ
7. ที่นั่งจำนวน 7 ที่นั่ง
“และเมื่อผมนำสเปคของเรือดับเพลิง กทม. ไปทำการถอดราคาเรือดับเพลิง พบว่ามีราคาประมาณลำละ 9.1 ล้านบาท และยังพบว่าเรือดับเพลิงแบบนี้ไม่มีใช้ในยุโรป เป็นเรือดับเพลิงที่ประเทศไทยผลิตเอง และออกแบบเอง ไม่มีอุปกรณ์ของเรือดับเพลิงที่มาจากยุโรปเลย ที่บอกว่าเรือดับเพลิงของ กทม. เป็นมาตรฐานการผลิตของยุโรป EN หรือ European Norm จึงไม่เป็นความจริง” นายยุทธพงศ์ กล่าว
นายยุทธพงศ์ กล่าวต่อว่า ตามที่กรุงเทพมหานครได้สั่งซื้อเรือดับเพลิงจำนวน 30 ลำ มูลค่า 764 ล้านบาท หรือราคาลำละ 26 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการเดียวกันกับรถดับเพลิงฉาวมูลค่า 6,687 ล้านบาทจากออสเตรีย ดังนั้นการจัดซื้อเรือดับเพลิงครั้งนี้ต้องมีผลต่างประมาณ 400 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ก็คือสินบนอย่างแน่นอน
และจากการตรวจสอบสเปคเรือดับเพลิงที่กรุงเทพมหานครได้เซ็นสัญญากับบริษัท STYER ในสมัยที่นายสมัคร สุนทรเวช ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.พบว่าในสัญญาที่ผู้ว่าฯ สมัคร เซ็น พบพิรุธว่า เป็น เรือดับเพลิง ของไทยตั้งแต่แรก เพราะว่าแบบ Drawing ในสัญญาเขียนโดย บริษัท Seat Boat, พัทยา จำกัด ตั้งแต่แรก เพราะถ้าเป็นเรือ STYER ตามที่อ้างจริงและมีมาตรฐานยุโรปจริง ตัวแบบ Drawing ต้องเป็นแบบของเรือ STYER แต่นี่มันเป็นการส่อพิรุธตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ทำไมผู้ว่าฯ สมัคร ถึงกล้าเซ็น? ไม่กลัวความผิดเลยหรือ ทั้งๆที่ผู้ว่าฯสมัคร ท่านก็ไม่ใช่ประเภทมือใหม่หัดขับ
“ดังนั้นการที่มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ของ กทม. ท่านหนึ่งมีลักษณะ”ทรงผมมีกระบัง” ออกมาปกป้องตอบโต้กรณี เรือดับเพลิงแทนบริษัท STYER ว่า เรือดับเพลิงของกทม. ที่มีราคาสูงกว่าการสั่งซื้อเรือโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะเป็นปัจจัยค่าเงินบาท และเป็นเพราะเรือมีมาตรฐานเทียบเท่ายุโรป ผมขอถามข้าราชการท่านนี้ว่า เรือดับเพลิงนี้เป็นเรือยุโรปหรือเรือไทยท่านยังไม่รู้อีกหรือ? แล้วที่ท่านออกมาตอบโต้แทนบริษัท STYER นี้ เป็นเพราะท่านกินเงินเดือนฝรั่ง หรือกินเงินเดือนที่เป็นภาษีของประชาชนชาว กทม. กันแน่ ถึงไม่ได้คิดรักษาผลประโยชน์ของ กทม. นอกจากนี้ข้าราชการใหญ่ของ กทม.ท่านนี้ยังมีพฤติกรรมที่จะช่วยฝรั่งโกงภาษีอีกพันกว่าล้านบาท และผมได้เตรียมข้อมูลของข้าราชการใหญ่ท่านนี้ไปมอบให้ท่านผู้ว่าฯ อภิรักษ์ สอบสวนในสัปดาห์หน้านี้แน่นอน” รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว และว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ตนของตั้งคำถามว่า
1. ท่านผู้ว่า.สมัครฯ เซ็นสัญญา และเป็นผู้ที่ทำให้เกิดเรื่องเรือดับเพลิงนี้ขึ้นมา ผมขอเรียกร้องให้ผู้ว่าฯสมัคร ออกมาชี้แจงว่า ทำไม? ท่านถึงยอมเซ็นสัญญา ที่เสียเปรียบฝรั่งเช่นนี้ ผู้ว่าฯสมัคร ต้องรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น
2. กรณีเงินสินบนจากเรื่องเรือดับเพลิง จำนวน 400 ล้านบาท มันไปอยู่ที่ไหน? ผมขอเรียกร้องให้ผู้ที่รับผิดชอบออกมาชี้แจง? และขอเรียกร้องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ได้สอบสวนเรื่องนี้โดยเร่งด่วน เพราะมันมีข้อครหาว่ามีนักการเมืองใหญ่ระดับรมต. นำเงินก้อนนี้ไปใช้ในการเลือกตั้ง ส.ส. ช่วงต้นปี 2548 ทางภาคเหนือ
3. ตนขอเรียกร้องให้ นายวัฒนา เมืองสุข รมว.พาณิชย์ ในสมัยนั้น ออกมาชี้แจง กรณีโครงการรถดับเพลิงออสเตรีย ทำไมรัฐบาลออสเตรีย ทำไปทำมาจึงกลายเป็น บริษัท CP และทำไมไก่ ซีพี ถึงไม่ได้ส่งไปที่ออสเตรีย ไก่ซีพีส่งไปที่ไหน? ไม่ใช่ที่ท่าน รมต.วัฒนาฯ ออกมาชี้แจงว่า พรรค ปชป. เหมือนคนตกน้ำ กำลังจะจมน้ำตาย ให้หายใจลึกๆ แล้วท่องคำว่า พุทโธ เพราะมันไม่เกี่ยวกับคำถามที่ท่านรมต.วัฒนาฯ ต้องตอบเรื่องไก่ซีพี ตนขอร้องให้ท่าน รมต.วัฒนาฯ เล่นการเมืองแบบสร้างสรรค์ ด้วยไม่ใช่เอาแต่สาดโคลน ใช้น้ำลายเล่นการเมือง
“ผมได้เตรียมรวบรวมข้อมูลเรื่องความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อเรือดับเพลิงของ กทม. ที่มีราคาแพงกว่าความเป็นจริงถึง 400 ล้านบาทไปมอบให้ท่านผู้ว่าฯ อภิรักษ์ ได้สอบสวนเรื่องนี้ เพราะขณะนี้ทางท่านผู้ว่าฯ อภิรักษ์ ได้แต่งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนเรื่องนี้อยู่แล้ว โดยมี ศ.ดร.บุญเสริม วีสกุล เป็นประธานฯ” รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ส่วนกรณี ที่ ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย กล่าวในการสัมมนา “มุมมองของนักวิชาการต่อสภาพการเมืองในปัจจุบัน” เมื่อ 17 ก.พ. 49 ว่า บัตรเลือกตั้งที่พิมพ์โดยสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลมีปัญหา เพราะขณะนี้มีบัตรปลอมจำนวนมากที่ยังอยู่ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรื่องนี้มีเสียงร่ำลือจากคนในพรรคไทยรักไทยว่า มีการมอบให้ผู้ที่กำลังเป็นรัฐมนตรีในขณะนี้ทำบัตรเลือกตั้งปลอม ดังนั้นที่อ้าง 19 ล้านเสียง จริงแล้วที่ได้มาเพราะอำนาจรัฐ อำนาจเงิน คะแนนจริงๆน้อยมาก
นายยุทธพงศ์ ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า เรื่องนี้ทางพรรคประชาธิปัตย์ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมากในระบอบประชาธิปไตย เพราะคนที่พูดถึงเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือ และการเลือกตั้ง ส.ส. ครั้งที่ผ่านมาได้มีการพูดเรื่องการโกงการเลือกตั้งมาก และในวันที่ 19 เม.ย. 49 ก็จะมีการเลือกตั้ง สว. เกรงว่าจะมีการโกงการเลือกตั้ง สว. กันทั้งประเทศอีก และมีเรื่องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะต้องตอบสังคม ในเรื่องที่ส่อพิรุธ ดังนี้
1. เมื่อ ปี 2547 กกต. โดยท่านวีรชัย แนวบุญเนียร ได้นำตัวอย่างเครื่องลงคะแนนเลือกตั้งด้วยคอมพิวเตอร์ มาสาธิตให้ใช้ และ กกต.มีความเห็นว่าจะต้องใช้เครื่องลงคะแนน และทำไม 2 ปี ผ่านไป เรื่องจึงเงียบหายไป
2. กกต.ได้ เปลี่ยนวิธีลงคะแนน จากกากบาทด้วยมือ มาเป็นใช้ปั้มตรายาง เพื่ออะไร? ช่วยกรุณาตอบด้วย เพราะมันส่อว่ามีการเตรียมโกงการเลือกตั้ง
สัปดาห์หน้าผมจะทำหนังสือถึงท่านประธาน กกต. พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ให้สอบสวนกรณี การพิมพ์บัตรเลือกตั้งที่กองสลาก และ ให้ตรวจสอบการโกงการเลือกตั้ง
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 19 ก.พ. 2549--จบ--