กรุงเทพ--19 ส.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
ช่วงปลายเดือนสิงหาคมต่อต้นกันยายนที่ผ่านมา ดร. กันตธีร์ ศุภมงคล รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้รับมอบหมายจาก พ.ตท. ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้เป็นผู้แทนพิเศษของรักษาการนายกรัฐมนตรีบินลัดฟ้าข้ามโลกไปเยือนแคนาดา บราซิล และจาเมกา เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับประเทศเหล่านั้นในด้านต่างๆ รวมทั้งเพื่อขอเสียงสนับสนุน ดร. สุรเกียรติ เสถียรไทย รักษาการรองนายกรัฐมนตรี ผู้สมัครของไทยและอาเซียนในตำแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติด้วย
ที่กรุงบราซิลเลีย ดร. กันตธีร์ได้พบกับนาย Celso Amorim รัฐมนตรีต่างประเทศบราซิล และรัฐมนตรีต่างประเทศทั้งสองได้เห็นพ้องต้องกันที่จะผลักดันให้การค้าทั้งสองฝ่ายขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าให้ทะลุ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากปัจจุบันที่ค้าขายกันอยู่แล้ว 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบัน บราซิลเป็นคู่ค้าที่สำคัญที่สุดของเราในลาตินอเมริกา เป็นตลาดใหญ่ที่มีประชากร ถึง 184 ล้านคน
รัฐมนตรีกันตธีร์ ยังถือโอกาสนี้เสนอให้ไทยและบราซิลจับมือกันเพื่อเจรจากับสหภาพยุโรปให้ลดอัตราภาษีและโควตาสำหรับไก่ที่ส่งออกไปสหภาพยุโรป เพราะไทยและบราซิลต่างก็เป็นประเทศผู้ส่งออกไก่ไปยุโรปด้วยกัน โดยรัฐมนตรีกันตธีร์ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า เรื่องภาษีไก่ของ EU มีความสำคัญสำหรับผู้ส่งออกไทยอย่างมาก ไทยเราจึงต้องเจรจาโดยตรงกับ EUซึ่งก็กำลังทำอยู่ และต้องหาพันธมิตร เช่น บราซิล ไว้ด้วยพร้อมๆ กัน นอกจากนี้ ดร.กันตธีร์ได้เสนอให้ไทยและบราซิลจัดเทศกาลภาพยนตร์เพื่อส่งเสริมความเข้าใจและการติดต่อระหว่างประชาชน รวมทั้งได้เสนอให้ทั้งสองฝ่ายมีความร่วมมือด้านกีฬา และการผลิตพลังงานทดแทนน้ำมัน เช่นเอธานอล ร่วมกันอีกด้วย
ที่ประเทศจาเมกา ซึ่งเท่าที่ผ่านมาเรามีความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน แต่ยังไม่ได้ติดต่อกันใกล้ชิดมากนักเพราะระยะทางห่างไกล ดร. กันตธีร์ก็ได้หารือกับนาย Anthony Hylton รัฐมนตรีต่างประเทศจาเมกาเพื่อหาช่องทางขยายความร่วมมือ ฝ่ายไทยได้เสนอให้จาเมกาพิจารณาใช้ไทยเป็นประตูในการระบายสินค้าของเขาเข้าสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในขณะที่ไทยก็จะขอใช้จาเมกาเป็นประตูระบายสินค้าไทยเข้าสู่ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน โดยอาศัยสิทธิพิเศษด้านภาษีของจาเมกา และความสัมพันธ์ที่จาเมกามีกับประเทศต่างๆ เช่น สหภาพยุโรป องค์การนานารัฐอเมริกัน (OAS) องค์การความร่วมมือในแคริบเบียนหรือ CARICOM และสมาชิกเครือจักรภพอีกด้วย
เมื่อดีดลูกคิดรางแก้วเล็งเห็นลู่ทางเช่นนี้ รัฐมนตรีกันตธีร์ก็เลยเห็นว่า ภาคเอกชนไทยน่าจะสามารถใช้ประโยชน์จากศักยภาพสถานะความสัมพันธ์ และสิทธิพิเศษที่จาเมกาได้รับจากประเทศต่างๆ ในการระบายสินค้าไทยไปยังลาตินเอเมริกา และภูมิภาคต่างๆ ได้ โดยเฉพาะธุรกิจที่เราเก่งคือ สปาไทย อาหารไทย และการท่องเที่ยวก็น่าจะไปลองบุกจาเมกาดู ดร. กันตธีร์ได้เสนอฝ่ายจาเมกาให้ภาคเอกชนไทยไปร่วมลงทุนในกิจการโรงแรม การบริหารจัดการโรงแรม สปา และร้านอาหารไทยในจาเมกา ซึ่งอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศเขาอยู่แล้ว รัฐมนตรี Hylton ได้ฟังก็เห็นพ้องทันทีว่า หากภาคเอกชนของทั้งสองฝ่ายสามารถร่วมมือกันได้ จะช่วยให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของจาเมกาพัฒนาไปมากยิ่งขึ้น และภาคเอกชนทั้งสองประเทศก็จะได้ประโยชน์ร่วมกันด้วย
ประการสำคัญ โดยที่ปีนี้เป็นปีมหามงคลสมัยเฉลิมฉลอง 60 ปี แห่งการครองสิริราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งโลกรู้จักและชื่นชมพระบารมีในฐานะพระมหากษัตริย์นักพัฒนา ดร. กันตธีร์จึงเชิญให้จาเมกา ซึ่งเป็นประเทศกำลังพัฒนาประเทศหนึ่งเหมือนไทย ส่งคณะมาเยือนไทยเพื่อเรียนรู้แนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงด้วย ซึ่งปรากฏว่ารัฐมนตรีต่างประเทศจาเมกาได้แสดงความสนใจอย่างมากที่จะเรียนรู้จากประสบการณ์การพัฒนาในด้านต่างๆ ของไทย โดยเฉพาะแนวพระราชดำริ เพื่อนำมาปรับใช้กับการพัฒนาประเทศของตัวเอง
ข้ามมาแคนาดา ดร.กันตธีร์ ได้เข้าพบนาย Peter Gordon MacKay รัฐมนตรีต่างประเทศแคนาดา โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวหลายเรื่อง เช่น การผลักดัน Working Holiday Scheme กับแคนาดาเพื่อเปิดโอกาสให้เด็กไทยไปศึกษาและท่องเที่ยวในแคนาดาได้เป็นเวลา 1 ปี โดยสามารถทำงานหารายได้ไปพร้อมๆ กันด้วย ในลักษณะที่ไทยเราทำมากับออสเตรเลียและนิวซีแลนด์แล้ว ฝ่ายแคนาดาก็เห็นด้วย และรับปากจะไปพิจารณารายละเอียดต่อไป นอกจากนั้นยังมีการหารือเรื่องการขยายการค้าและการลงทุนระหว่างกัน จากที่มีอยู่เดิม เป็นมูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีแล้ว ให้เพิ่มมากขึ้นไปอีก โดยตกลงกันว่าจะมีการแลกเปลี่ยนการเยือนของคณะผู้แทนทางธุรกิจกันต่อไปในเร็วๆ นี้ และยังได้มีการหารือเรื่อง ความร่วมมือระหว่างแคนาดากับอาเซียน การร่วมมือกันแก้ไขปัญหายาเสพติด ปัญหาการลักลอบค้ามนุษย์ การแก้ไขปัญหาโรคเอดส์ ไข้หวัดนก และความยากจน รวมทั้งความร่วมมือทางเทคโนโลยีและวัฒนธรรม เรียกได้ว่าเป็นการหารือแบบครบวงจรครอบคลุมสารพัดด้านเลยทีเดียว
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
ช่วงปลายเดือนสิงหาคมต่อต้นกันยายนที่ผ่านมา ดร. กันตธีร์ ศุภมงคล รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้รับมอบหมายจาก พ.ตท. ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้เป็นผู้แทนพิเศษของรักษาการนายกรัฐมนตรีบินลัดฟ้าข้ามโลกไปเยือนแคนาดา บราซิล และจาเมกา เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับประเทศเหล่านั้นในด้านต่างๆ รวมทั้งเพื่อขอเสียงสนับสนุน ดร. สุรเกียรติ เสถียรไทย รักษาการรองนายกรัฐมนตรี ผู้สมัครของไทยและอาเซียนในตำแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติด้วย
ที่กรุงบราซิลเลีย ดร. กันตธีร์ได้พบกับนาย Celso Amorim รัฐมนตรีต่างประเทศบราซิล และรัฐมนตรีต่างประเทศทั้งสองได้เห็นพ้องต้องกันที่จะผลักดันให้การค้าทั้งสองฝ่ายขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าให้ทะลุ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากปัจจุบันที่ค้าขายกันอยู่แล้ว 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบัน บราซิลเป็นคู่ค้าที่สำคัญที่สุดของเราในลาตินอเมริกา เป็นตลาดใหญ่ที่มีประชากร ถึง 184 ล้านคน
รัฐมนตรีกันตธีร์ ยังถือโอกาสนี้เสนอให้ไทยและบราซิลจับมือกันเพื่อเจรจากับสหภาพยุโรปให้ลดอัตราภาษีและโควตาสำหรับไก่ที่ส่งออกไปสหภาพยุโรป เพราะไทยและบราซิลต่างก็เป็นประเทศผู้ส่งออกไก่ไปยุโรปด้วยกัน โดยรัฐมนตรีกันตธีร์ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า เรื่องภาษีไก่ของ EU มีความสำคัญสำหรับผู้ส่งออกไทยอย่างมาก ไทยเราจึงต้องเจรจาโดยตรงกับ EUซึ่งก็กำลังทำอยู่ และต้องหาพันธมิตร เช่น บราซิล ไว้ด้วยพร้อมๆ กัน นอกจากนี้ ดร.กันตธีร์ได้เสนอให้ไทยและบราซิลจัดเทศกาลภาพยนตร์เพื่อส่งเสริมความเข้าใจและการติดต่อระหว่างประชาชน รวมทั้งได้เสนอให้ทั้งสองฝ่ายมีความร่วมมือด้านกีฬา และการผลิตพลังงานทดแทนน้ำมัน เช่นเอธานอล ร่วมกันอีกด้วย
ที่ประเทศจาเมกา ซึ่งเท่าที่ผ่านมาเรามีความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน แต่ยังไม่ได้ติดต่อกันใกล้ชิดมากนักเพราะระยะทางห่างไกล ดร. กันตธีร์ก็ได้หารือกับนาย Anthony Hylton รัฐมนตรีต่างประเทศจาเมกาเพื่อหาช่องทางขยายความร่วมมือ ฝ่ายไทยได้เสนอให้จาเมกาพิจารณาใช้ไทยเป็นประตูในการระบายสินค้าของเขาเข้าสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในขณะที่ไทยก็จะขอใช้จาเมกาเป็นประตูระบายสินค้าไทยเข้าสู่ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน โดยอาศัยสิทธิพิเศษด้านภาษีของจาเมกา และความสัมพันธ์ที่จาเมกามีกับประเทศต่างๆ เช่น สหภาพยุโรป องค์การนานารัฐอเมริกัน (OAS) องค์การความร่วมมือในแคริบเบียนหรือ CARICOM และสมาชิกเครือจักรภพอีกด้วย
เมื่อดีดลูกคิดรางแก้วเล็งเห็นลู่ทางเช่นนี้ รัฐมนตรีกันตธีร์ก็เลยเห็นว่า ภาคเอกชนไทยน่าจะสามารถใช้ประโยชน์จากศักยภาพสถานะความสัมพันธ์ และสิทธิพิเศษที่จาเมกาได้รับจากประเทศต่างๆ ในการระบายสินค้าไทยไปยังลาตินเอเมริกา และภูมิภาคต่างๆ ได้ โดยเฉพาะธุรกิจที่เราเก่งคือ สปาไทย อาหารไทย และการท่องเที่ยวก็น่าจะไปลองบุกจาเมกาดู ดร. กันตธีร์ได้เสนอฝ่ายจาเมกาให้ภาคเอกชนไทยไปร่วมลงทุนในกิจการโรงแรม การบริหารจัดการโรงแรม สปา และร้านอาหารไทยในจาเมกา ซึ่งอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศเขาอยู่แล้ว รัฐมนตรี Hylton ได้ฟังก็เห็นพ้องทันทีว่า หากภาคเอกชนของทั้งสองฝ่ายสามารถร่วมมือกันได้ จะช่วยให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของจาเมกาพัฒนาไปมากยิ่งขึ้น และภาคเอกชนทั้งสองประเทศก็จะได้ประโยชน์ร่วมกันด้วย
ประการสำคัญ โดยที่ปีนี้เป็นปีมหามงคลสมัยเฉลิมฉลอง 60 ปี แห่งการครองสิริราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งโลกรู้จักและชื่นชมพระบารมีในฐานะพระมหากษัตริย์นักพัฒนา ดร. กันตธีร์จึงเชิญให้จาเมกา ซึ่งเป็นประเทศกำลังพัฒนาประเทศหนึ่งเหมือนไทย ส่งคณะมาเยือนไทยเพื่อเรียนรู้แนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงด้วย ซึ่งปรากฏว่ารัฐมนตรีต่างประเทศจาเมกาได้แสดงความสนใจอย่างมากที่จะเรียนรู้จากประสบการณ์การพัฒนาในด้านต่างๆ ของไทย โดยเฉพาะแนวพระราชดำริ เพื่อนำมาปรับใช้กับการพัฒนาประเทศของตัวเอง
ข้ามมาแคนาดา ดร.กันตธีร์ ได้เข้าพบนาย Peter Gordon MacKay รัฐมนตรีต่างประเทศแคนาดา โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวหลายเรื่อง เช่น การผลักดัน Working Holiday Scheme กับแคนาดาเพื่อเปิดโอกาสให้เด็กไทยไปศึกษาและท่องเที่ยวในแคนาดาได้เป็นเวลา 1 ปี โดยสามารถทำงานหารายได้ไปพร้อมๆ กันด้วย ในลักษณะที่ไทยเราทำมากับออสเตรเลียและนิวซีแลนด์แล้ว ฝ่ายแคนาดาก็เห็นด้วย และรับปากจะไปพิจารณารายละเอียดต่อไป นอกจากนั้นยังมีการหารือเรื่องการขยายการค้าและการลงทุนระหว่างกัน จากที่มีอยู่เดิม เป็นมูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีแล้ว ให้เพิ่มมากขึ้นไปอีก โดยตกลงกันว่าจะมีการแลกเปลี่ยนการเยือนของคณะผู้แทนทางธุรกิจกันต่อไปในเร็วๆ นี้ และยังได้มีการหารือเรื่อง ความร่วมมือระหว่างแคนาดากับอาเซียน การร่วมมือกันแก้ไขปัญหายาเสพติด ปัญหาการลักลอบค้ามนุษย์ การแก้ไขปัญหาโรคเอดส์ ไข้หวัดนก และความยากจน รวมทั้งความร่วมมือทางเทคโนโลยีและวัฒนธรรม เรียกได้ว่าเป็นการหารือแบบครบวงจรครอบคลุมสารพัดด้านเลยทีเดียว
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-