แท็ก
อุตสาหกรรม
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีการตื่นตัวเกี่ยวกับการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของวิสาหกิจต่างๆ ในรูปแบบคลัสเตอร์ (Cluster) หน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชนได้ให้ความสำคัญ รวมไปถึงสถาบันการศึกษาและสถาบันการเงินต่างๆ มุ่งสนับสนุนให้เกิดการรวมตัวแบบเครือข่ายอุตสาหกรรม หรือ คลัสเตอร์ นั้นเอง จึงปรากฎว่ามีคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเกิดขึ้นหลายคลัสเตอร์กระจายไปตามภูมิภาคต่างๆ ในหลายสาขา อาทิเช่น คลัสเตอร์ชิ้นส่วนยานยนต์ คลัสเตอร์สิ่งทอชัยภูมิ คลัสเตอร์อุตสาหกรรมอาหาร คลัสเตอร์กล้วยไม้ และคลัสเตอร์เซรามิกส์ เป็นต้น ซึ่งบางคลัสเตอร์สามารถดำเนินการพัฒนาขีดความสามารถในด้านต่างๆ เช่น การผลิต การตลาด และบริหารจัดการ ทำให้กลุ่มสมาชิกคลัสเตอร์นั้นๆ มีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น แต่ก็ยังมีหลายคลัสเตอร์ที่เกิดและยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา จำเป็นต้องใช้ระยะเวลานานหลายปีจึงจะเห็นผลการพัฒนาของคลัสเตอร์นั้นได้ และยังมีอีกหลายคลัสเตอร์ที่ประสบปัญหามากมาย ทั้งเรื่องการไม่สามารถติดต่อสื่อสารทำความเข้าใจเกี่ยวกับจุดมุ่งหมายของคลัสเตอร์หรือการร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่สมาชิกไม่อาจให้ความร่วมมือได้อย่างเต็มที่และต่อเนื่อง รวมไปถึงความขัดแย้งในส่วนต่างๆ ที่เกิดขึ้น นับเป็นเรื่องปกติธรรมดาของการรวมกลุ่มคลัสเตอร์แบบไทย ที่สมาชิกยังคงยึดมั่นต่อผลประโยชน์ส่วนตนมากกว่าส่วนรวม หรือคำนึงแต่ผลประโยชน์ที่ตนจะได้รับเป็นลำดับแรก สิ่งเหล่านี้เป็นประเด็นหลักจะต้องมีการพัฒนากันต่อไป เพื่อให้เกิดมุมมองที่จะปรับไปสู่การเน้นประโยชน์ในภาพรวมของคลัสเตอร์ เพื่อดำรงความยั่งยืนของคลัสเตอร์นั้นไว้ได้
สำหรับแนวทางที่จะพัฒนาคลัสเตอร์อุตสาหกรรมของไทย ให้มีความยั่งยืนตลอดไปนั้น พบว่าปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้คลัสเตอร์มีการพัฒนาและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วยประเด็นหลักๆ ดังนี้
1. การสร้างความเข้าใจที่แท้จริงของ Cluster
คลัสเตอร์นั้นมีองค์ประกอบหลักๆ ได้แก่ ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันขับเคลื่อนของคลัสเตอร์ นอกจากนั้นยังประกอบด้วย
- ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมสนับสนุนหรือธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
- สถาบันการเงินที่จะช่วยสนับสนุนด้านเงินทุนในการขยายกิจการ หรือการลงทุนเพิ่มในด้านต่างๆ
- ผู้ให้บริการด้านพัฒนาธุรกิจ (Business Development Service —BDS) ซึ่งอาจจะเป็นหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน รวมทั้งสถาบันการศึกษาวิจัยจ่างๆ ที่จะช่วยปรับปรุงพัฒนายกระดับเทคโนโลยีการผลิตให้ดีขึ้น ในส่วนของภาครัฐนั้น มีหน้าที่หลักในการจัดอำนวยความสะดวกสร้างสิ่งแวดล้อมทางธุรกิจที่จะเอื้อให้การพัฒนาคลัสเตอร์เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ของการรวมกลุ่มแบบคลัสเตอร์ นั้น ต้องเน้นย้ำเป้าหมายหลัก ได้แก่
1) การร่วมมือซึ่งกันและกัน เพื่อก่อให้เกิดการเรียนรู้แลกเปลี่ยนและถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ รวมทั้งช่วยเหลือเกื้อกูลกันระหว่างสมาชิกอย่างจริงใจ
2) การเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรร่วมกัน การลดต้นทุกนการผลิต การร่วมกันจัดการวัตถุดิบ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ร่วมกัน รวมไปถึงการจัดการตลาด การวิจัยและการลงทุนต่างๆ ร่วมกันในที่สุด ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถลดต้นทุนในภารพรวมของ Cluster ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความเข็มแข็ง และสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันได้มากยิ่งขึ้น
การร่วมมือในด้านต่างๆ ของสมาชิก ไม่ว่าจะเป็นด้านเทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา การตลาด การพัฒนาบุคลากร ร่วมทั้งการแลกเปลี่ยนและถ่ายทอดเทคนิค การบริหารงานซึ่งกันและกัน จะช่วยให้สมาชิกแต่ละราย มีขีดความสามารถเพิ่มขึ้น ถึงแม้จะมีความแตกต่างหรือไม่เท่าเทียมกัน เนื่องจากศักยภาพพื้นฐานแต่ละกิจการไม่เท่ากัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพโดยรวม (Collective Efficiency) ของ Cluster เพิ่มขึ้น นั้นคือหัวใจสำคัญของการรวมกลุ่มแบบ Cluster
2. กลยุทธ์การพัฒนา Cluster และสภาพภูมิศาสตร์ที่เอื้อ
การรวมกลุ่มแบบคลัสเตอร์นั้นจะมีการเกิดและเติบโตได้อย่างต่อเนื่องนั้น กลยุทธ์การพัฒนาคลัสเตอร์ควรเน้นให้
1) สมาชิกทุกฝ่ายมีวิสัยทัศน์ร่วมกัน และเป้าหมายที่ชัดเจนมีการจัดทำแผนงานต่างๆ เพื่อเป็นกรอบในการพัฒนา ทั้งนี้กลุ่มผู้ประกอบการเป็นกุญแจสำคัญที่จะใช้ไปสู่ความสำเร็จ ซึ่งต้องมีความมุ่งมั่นและจริงใจที่ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันอย่างจริงจัง
2) หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและสถาบันต่างๆ ต้องบูรณาการสนับสุนนคลัสเตอร์อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลายาวติดต่อกัน ทั้งนี้การพัฒนาคลัสเตอร์แต่ละคลัสเตอร์ต้องใช้เวลานานหลายปี ดังนั้นความต่อเนื่องของของภาครัฐนับเป็นสิ่งจำเป็นประการหนึ่ง
3) สภาพภูมิศาสตร์หรือที่ตั้งของคลัสเตอร์ที่จะเป็นปัจจัยเอื้อให้เกิดความร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องนั้นควร
- อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน (จังหวัด, อำเภอ หรือภาคเดียวกัน)
- ใกล้แหล่งวัตถุดิบ
- มีแรงงานสนับสนุนอย่างเพียงพอ
- มีสภาพแวดล้อม สาธารณูปโภคที่เหมาะสมในการดำเนินธุรกิจ
- อยู่ใกล้บริษัทใหญ่ที่สามารถเกื้อกูลซึ่งกันและกัน รวมทั้งมีสถาบันการศึกษาวิจัย และสถาบันการเงิน สนับสนุนในพื้นที่
สิ่งเหล่านี้จะอำนวยให้เกิดความสะดวกในการรวมกลุ่มแบบคลัสเตอร์ รวมทั้งกระตุ้นให้เกิดความคุ้นเคยกันเป็นหมู่คณะ สามารถดำเนินงานหรือร่วมกิจกรรมต่างๆ ของคลัสเตอร์ได้ง่ายขึ้น
3. ความสัมพันธ์ของกลุ่มสมาชิก
นับเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยให้คลัสเตอร์อยู่รอดและเติบโตอย่างต่อเนื่องสมาชิกของคลัสเตอร์ควรจะมีความสัมพันธ์ที่ดีฉันท์เพื่อนสนิทมิตรสหายที่มีความผูกพัน อยากช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ในยามที่สมาชิกมีความทุกข์ร้อนหรือประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจ สมาชิกในคลัสเตอร์จะให้ความสำคัญและร่วมมือกันในการร่วมแก้ไขปัญหาของสมาชิกความสัมพันธ์ของสมาชิกนั้น จะต้องอยู่บนพื้นฐานความจริงใจและเข้าใจ มีความรักและสามัคคีอย่างเหนียวแน่น ดังนั้นความสัมพันธ์ในคลัสเตอร์นั้นจึงควรมีความใกล้ชิดผูกพันธ์กันมากกว่า ความสัมพันธ์ในลักษณะการรวมกันเป็นชมรม หรือสมาคม ซึ่งเป้าหมายเพียงปกป้องการค้าของสมาชิก หรือสร้างอำนาจการต่อรองเท่านั้น
4. ผู้ประสานงานคลัสเตอร์ (Cluster Development Agency — CDA)
ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานคลัสเตอร์ หรือเป็นหน่วยสนับสนุนผลักดันกิจกรรมความร่วมมือต่างๆ ของคลัสเตอร์ เป็นหัวใจหลักประการหนึ่งที่จะช่วยให้สมาชิกได้มีโอกาสร่วมกิจกรรม กำหนดเป้าหมายของคลัสเตอร์ รวมทั้งคอยให้ความสนับสนุนในการดำเนินการต่างๆ ที่จะก่อให้เกิดการเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นการก่อตั้งคลัสเตอร์ ผู้ประสานงานคลัสเตอร์นับเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการจะสร้างความเข้าใจที่แท้จริงของคลัสเตอร์ รวมทั้งกระตุ้นให้สมาชิกได้เห็นประโยชน์ของคลัสเตอร์ รวมทั้งคอยกระตุ้นให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีใน หมู่สมาชิก ซึ่งจะนำพาไปสู่มิตรภาพความร่วมแรงร่วมใจกันตามหลักการที่แท้จริงของคลัสเตอร์ ในช่วงแรกของการ เริ่มต้น ผู้ประสานงานคลัสเตอร์ต้องมีความรู้เข้าใจลักษณะพื้นฐานของการดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมนั้นๆ และเข้าใจถึงการเชื่อมโยง ส่วนประกอบต่างๆ รวมทั้งกฎเกณฑ์ข้อกำหนดแนวทางที่สมาชิกในกลุ่มอุตสาหกรรมต้องประสบ รวมทั้งสามารถวิเคราะห์ปัญหาอุปสรรคของสาขาอุตสาหกรรมนั้นได้ เพื่อช่วยให้สามารถพัฒนา กระตุ้นแนวคิดของสมาชิกให้มีความเห็นในทิศทางเดียวกันก่อน ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการรวมกลุ่มแบบคลัสเตอร์ ทั้งนี้ คุณสมบัติหลักที่สำคัญของผู้ประสานงานคลัสเตอร์ ควรจะประกอบด้วย
- มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี สื่อสารสร้างความเข้าใจได้ง่าย
- มีปฏิภาณไหวพริบดี รู้จักแก้ไขและป้องกันปัญหาที่จะเกิดในหมู่สมาชิก
- เป็นผู้ที่สมาชิกให้ความเชื่อถือ และยอมรับในการปฏิบัติงาน
- สามารถสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่ดีทั้งภาครัฐ เอกชน องค์กรสถาบันต่างๆ
จะเห็นได้ว่าการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของกลุ่มผู้ประกอบการไทย โดยอาศัยการรวมกลุ่มแบบคลัสเตอร์อุตสาหกรรม ไม่ใช่จะสำเร็จได้โดยง่ายนัก จำเป็นต้องอาศัยปัจจัยต่างๆ ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้การพัฒนาคลัสเตอร์อุตสาหกรรมของไทย อยู่รอดและเติบโต ซึ่งแต่ละปัจจัยนั้นดูเหมือนต้องใช้เวลานานพอสมควร ซึ่งหลายๆ คนคิดว่าอาจจะไม่เหมาะกับวัฒนธรรมของผู้ประกอบการไทยเท่าใดนัก เพราะที่ผ่านมาผู้ประกอบการไทยส่วนใหญ่จะต่างคนต่างดำเนินธุรกิจ แข่งขันซึ่งกันและกันอย่างเอาเป็นเอาตาย การที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลกันนับเป็น สิ่งที่มิได้อยู่ในความนึกคิดเท่าใด ถึงแม้ในกลุ่มคลัสเตอร์ที่มีการรวมตัวกันนั้นก็ยังคงมีการแข่งขันกัน แต่ควรเป็นการ แข่งขันบนพื้นฐานความร่วมมือที่มุ่งเน้นให้สมาชิกแต่ละคนมีความสามารถเพิ่มขึ้น ทั้งนี้จะเพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใดย่อมขึ้นอยู่กับศักยภาพพื้นฐานของแต่ละรายด้วย ถึงแม้ว่าการพัฒนาแบบคลัสเตอร์จะต้องใช้เวลาอีกยาวนาน ถึงจะมีคลัสเตอร์ที่มีการเติบโตมีชื่อเสียงอย่างเช่นในต่างประเทศ แต่เชื่อได้ว่าในขณะนี้คลัสเตอร์อุตสาหกรรมไทยได้เริ่มต้น ขึ้นแล้ว และจะสามารถอยู่รอดเติบโตไปได้อย่างแน่นอน หากสมาชิกของคลัสเตอร์นั้นๆ มีความมุ่งมั่น และยึดเป้าหมายที่ได้ร่วมกันกำหนด พร้อมทั้งมีสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน เอื้ออาทรแบบไทยๆ เช่นนี้ต่อไป
--กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม--
-พห-
สำหรับแนวทางที่จะพัฒนาคลัสเตอร์อุตสาหกรรมของไทย ให้มีความยั่งยืนตลอดไปนั้น พบว่าปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้คลัสเตอร์มีการพัฒนาและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วยประเด็นหลักๆ ดังนี้
1. การสร้างความเข้าใจที่แท้จริงของ Cluster
คลัสเตอร์นั้นมีองค์ประกอบหลักๆ ได้แก่ ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันขับเคลื่อนของคลัสเตอร์ นอกจากนั้นยังประกอบด้วย
- ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมสนับสนุนหรือธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
- สถาบันการเงินที่จะช่วยสนับสนุนด้านเงินทุนในการขยายกิจการ หรือการลงทุนเพิ่มในด้านต่างๆ
- ผู้ให้บริการด้านพัฒนาธุรกิจ (Business Development Service —BDS) ซึ่งอาจจะเป็นหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน รวมทั้งสถาบันการศึกษาวิจัยจ่างๆ ที่จะช่วยปรับปรุงพัฒนายกระดับเทคโนโลยีการผลิตให้ดีขึ้น ในส่วนของภาครัฐนั้น มีหน้าที่หลักในการจัดอำนวยความสะดวกสร้างสิ่งแวดล้อมทางธุรกิจที่จะเอื้อให้การพัฒนาคลัสเตอร์เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ของการรวมกลุ่มแบบคลัสเตอร์ นั้น ต้องเน้นย้ำเป้าหมายหลัก ได้แก่
1) การร่วมมือซึ่งกันและกัน เพื่อก่อให้เกิดการเรียนรู้แลกเปลี่ยนและถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ รวมทั้งช่วยเหลือเกื้อกูลกันระหว่างสมาชิกอย่างจริงใจ
2) การเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรร่วมกัน การลดต้นทุกนการผลิต การร่วมกันจัดการวัตถุดิบ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ร่วมกัน รวมไปถึงการจัดการตลาด การวิจัยและการลงทุนต่างๆ ร่วมกันในที่สุด ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถลดต้นทุนในภารพรวมของ Cluster ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความเข็มแข็ง และสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันได้มากยิ่งขึ้น
การร่วมมือในด้านต่างๆ ของสมาชิก ไม่ว่าจะเป็นด้านเทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา การตลาด การพัฒนาบุคลากร ร่วมทั้งการแลกเปลี่ยนและถ่ายทอดเทคนิค การบริหารงานซึ่งกันและกัน จะช่วยให้สมาชิกแต่ละราย มีขีดความสามารถเพิ่มขึ้น ถึงแม้จะมีความแตกต่างหรือไม่เท่าเทียมกัน เนื่องจากศักยภาพพื้นฐานแต่ละกิจการไม่เท่ากัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพโดยรวม (Collective Efficiency) ของ Cluster เพิ่มขึ้น นั้นคือหัวใจสำคัญของการรวมกลุ่มแบบ Cluster
2. กลยุทธ์การพัฒนา Cluster และสภาพภูมิศาสตร์ที่เอื้อ
การรวมกลุ่มแบบคลัสเตอร์นั้นจะมีการเกิดและเติบโตได้อย่างต่อเนื่องนั้น กลยุทธ์การพัฒนาคลัสเตอร์ควรเน้นให้
1) สมาชิกทุกฝ่ายมีวิสัยทัศน์ร่วมกัน และเป้าหมายที่ชัดเจนมีการจัดทำแผนงานต่างๆ เพื่อเป็นกรอบในการพัฒนา ทั้งนี้กลุ่มผู้ประกอบการเป็นกุญแจสำคัญที่จะใช้ไปสู่ความสำเร็จ ซึ่งต้องมีความมุ่งมั่นและจริงใจที่ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันอย่างจริงจัง
2) หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและสถาบันต่างๆ ต้องบูรณาการสนับสุนนคลัสเตอร์อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลายาวติดต่อกัน ทั้งนี้การพัฒนาคลัสเตอร์แต่ละคลัสเตอร์ต้องใช้เวลานานหลายปี ดังนั้นความต่อเนื่องของของภาครัฐนับเป็นสิ่งจำเป็นประการหนึ่ง
3) สภาพภูมิศาสตร์หรือที่ตั้งของคลัสเตอร์ที่จะเป็นปัจจัยเอื้อให้เกิดความร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องนั้นควร
- อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน (จังหวัด, อำเภอ หรือภาคเดียวกัน)
- ใกล้แหล่งวัตถุดิบ
- มีแรงงานสนับสนุนอย่างเพียงพอ
- มีสภาพแวดล้อม สาธารณูปโภคที่เหมาะสมในการดำเนินธุรกิจ
- อยู่ใกล้บริษัทใหญ่ที่สามารถเกื้อกูลซึ่งกันและกัน รวมทั้งมีสถาบันการศึกษาวิจัย และสถาบันการเงิน สนับสนุนในพื้นที่
สิ่งเหล่านี้จะอำนวยให้เกิดความสะดวกในการรวมกลุ่มแบบคลัสเตอร์ รวมทั้งกระตุ้นให้เกิดความคุ้นเคยกันเป็นหมู่คณะ สามารถดำเนินงานหรือร่วมกิจกรรมต่างๆ ของคลัสเตอร์ได้ง่ายขึ้น
3. ความสัมพันธ์ของกลุ่มสมาชิก
นับเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยให้คลัสเตอร์อยู่รอดและเติบโตอย่างต่อเนื่องสมาชิกของคลัสเตอร์ควรจะมีความสัมพันธ์ที่ดีฉันท์เพื่อนสนิทมิตรสหายที่มีความผูกพัน อยากช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ในยามที่สมาชิกมีความทุกข์ร้อนหรือประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจ สมาชิกในคลัสเตอร์จะให้ความสำคัญและร่วมมือกันในการร่วมแก้ไขปัญหาของสมาชิกความสัมพันธ์ของสมาชิกนั้น จะต้องอยู่บนพื้นฐานความจริงใจและเข้าใจ มีความรักและสามัคคีอย่างเหนียวแน่น ดังนั้นความสัมพันธ์ในคลัสเตอร์นั้นจึงควรมีความใกล้ชิดผูกพันธ์กันมากกว่า ความสัมพันธ์ในลักษณะการรวมกันเป็นชมรม หรือสมาคม ซึ่งเป้าหมายเพียงปกป้องการค้าของสมาชิก หรือสร้างอำนาจการต่อรองเท่านั้น
4. ผู้ประสานงานคลัสเตอร์ (Cluster Development Agency — CDA)
ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานคลัสเตอร์ หรือเป็นหน่วยสนับสนุนผลักดันกิจกรรมความร่วมมือต่างๆ ของคลัสเตอร์ เป็นหัวใจหลักประการหนึ่งที่จะช่วยให้สมาชิกได้มีโอกาสร่วมกิจกรรม กำหนดเป้าหมายของคลัสเตอร์ รวมทั้งคอยให้ความสนับสนุนในการดำเนินการต่างๆ ที่จะก่อให้เกิดการเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นการก่อตั้งคลัสเตอร์ ผู้ประสานงานคลัสเตอร์นับเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการจะสร้างความเข้าใจที่แท้จริงของคลัสเตอร์ รวมทั้งกระตุ้นให้สมาชิกได้เห็นประโยชน์ของคลัสเตอร์ รวมทั้งคอยกระตุ้นให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีใน หมู่สมาชิก ซึ่งจะนำพาไปสู่มิตรภาพความร่วมแรงร่วมใจกันตามหลักการที่แท้จริงของคลัสเตอร์ ในช่วงแรกของการ เริ่มต้น ผู้ประสานงานคลัสเตอร์ต้องมีความรู้เข้าใจลักษณะพื้นฐานของการดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมนั้นๆ และเข้าใจถึงการเชื่อมโยง ส่วนประกอบต่างๆ รวมทั้งกฎเกณฑ์ข้อกำหนดแนวทางที่สมาชิกในกลุ่มอุตสาหกรรมต้องประสบ รวมทั้งสามารถวิเคราะห์ปัญหาอุปสรรคของสาขาอุตสาหกรรมนั้นได้ เพื่อช่วยให้สามารถพัฒนา กระตุ้นแนวคิดของสมาชิกให้มีความเห็นในทิศทางเดียวกันก่อน ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการรวมกลุ่มแบบคลัสเตอร์ ทั้งนี้ คุณสมบัติหลักที่สำคัญของผู้ประสานงานคลัสเตอร์ ควรจะประกอบด้วย
- มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี สื่อสารสร้างความเข้าใจได้ง่าย
- มีปฏิภาณไหวพริบดี รู้จักแก้ไขและป้องกันปัญหาที่จะเกิดในหมู่สมาชิก
- เป็นผู้ที่สมาชิกให้ความเชื่อถือ และยอมรับในการปฏิบัติงาน
- สามารถสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่ดีทั้งภาครัฐ เอกชน องค์กรสถาบันต่างๆ
จะเห็นได้ว่าการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของกลุ่มผู้ประกอบการไทย โดยอาศัยการรวมกลุ่มแบบคลัสเตอร์อุตสาหกรรม ไม่ใช่จะสำเร็จได้โดยง่ายนัก จำเป็นต้องอาศัยปัจจัยต่างๆ ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้การพัฒนาคลัสเตอร์อุตสาหกรรมของไทย อยู่รอดและเติบโต ซึ่งแต่ละปัจจัยนั้นดูเหมือนต้องใช้เวลานานพอสมควร ซึ่งหลายๆ คนคิดว่าอาจจะไม่เหมาะกับวัฒนธรรมของผู้ประกอบการไทยเท่าใดนัก เพราะที่ผ่านมาผู้ประกอบการไทยส่วนใหญ่จะต่างคนต่างดำเนินธุรกิจ แข่งขันซึ่งกันและกันอย่างเอาเป็นเอาตาย การที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลกันนับเป็น สิ่งที่มิได้อยู่ในความนึกคิดเท่าใด ถึงแม้ในกลุ่มคลัสเตอร์ที่มีการรวมตัวกันนั้นก็ยังคงมีการแข่งขันกัน แต่ควรเป็นการ แข่งขันบนพื้นฐานความร่วมมือที่มุ่งเน้นให้สมาชิกแต่ละคนมีความสามารถเพิ่มขึ้น ทั้งนี้จะเพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใดย่อมขึ้นอยู่กับศักยภาพพื้นฐานของแต่ละรายด้วย ถึงแม้ว่าการพัฒนาแบบคลัสเตอร์จะต้องใช้เวลาอีกยาวนาน ถึงจะมีคลัสเตอร์ที่มีการเติบโตมีชื่อเสียงอย่างเช่นในต่างประเทศ แต่เชื่อได้ว่าในขณะนี้คลัสเตอร์อุตสาหกรรมไทยได้เริ่มต้น ขึ้นแล้ว และจะสามารถอยู่รอดเติบโตไปได้อย่างแน่นอน หากสมาชิกของคลัสเตอร์นั้นๆ มีความมุ่งมั่น และยึดเป้าหมายที่ได้ร่วมกันกำหนด พร้อมทั้งมีสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน เอื้ออาทรแบบไทยๆ เช่นนี้ต่อไป
--กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม--
-พห-