ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. การปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยของ สรอ.ไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของ
ไทย ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ ธ.กลาง สรอ.(เฟด)
อีก 0.25% อาจเป็นแรงกดดันต่ออัตราดอกเบี้ยของไทย ทำให้มีส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยไทยกับ สรอ.มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม นโยบายอัตราดอกเบี้ยของไทยจะต้องดูภาวะเศรษฐกิจเป็นหลัก ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการพิจารณา โดย
จะตัดสินใจในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินครั้งต่อไปวันที่ 20 เม.ย.48 นี้ สำหรับ ผอ.สำนักงาน
เศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะไม่ส่งผลกระทบต่ออัตราดอกเบี้ยในประเทศ
ของไทยเท่ากับปัจจัยภายในประเทศ ซึ่งได้รับผลกระทบจากภัยแล้งและราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น นอกจากนั้นสภาพคล่อง
ในระบบยังสูง จึงน่าจะยังไม่มีแนวโน้มในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ สศค.ประเมินว่าผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจาก
การปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลจะเป็นผลกระทบระยะสั้น ซึ่งอาจกระทบต่อต้นทุนการผลิตและการอุปโภคบริโภค
แต่ในระยะยาวจะเป็นผลดี เพราะจะสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงและทำให้การนำเข้าน้ำมันไม่บิดเบือน (โลกวันนี้)
2. คาดว่าไทยจะขาดดุลการค้าจำนวน 20,000 ล.บาทในเดือน ก.พ.48 แหล่งข่าวจาก ก.คลัง
เปิดเผยว่า ตัวเลขเบื้องต้นของกรมศุลกากร พบว่าดุลการค้าเดือน ก.พ.48 จะยังคงขาดดุล โดยการส่งออกมี
มูลค่า 7,745 ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนประมาณ 5% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 8,270
ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้น 22% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ทำให้ขาดดุลการค้าประมาณ 525 ล.ดอลลาร์
สรอ. หรือประมาณ 20,000 ล.บาท ซึ่งรองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า สศค.ได้
ประมาณการไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะมีการขาดดุลการค้าในเดือน ก.พ.48 รวมทั้งตลอดปี 48 จะขาดดุลการค้า
ประมาณ 1,600 ล.ดอลลาร์ สรอ. แต่ยืนยันว่าดุลบัญชีเดินสะพัดทั้งปียังคงเกินดุลประมาณ 3,000 ล.ดอลลาร์
สรอ. สำหรับสาเหตุหลักของการขาดดุลการค้าในเดือน ม.ค.และ ก.พ. มาจากการนำเข้าน้ำมัน แต่เชื่อว่าตั้งแต่
เดือน เม.ย.48 การนำเข้าน้ำมันจะลดลงเนื่องจากการปรับราคาน้ำมันขายปลีกทำให้มีการประหยัดการใช้น้ำมัน
มากขึ้น และคาดว่าตัวเลขดุลการค้าจะเข้าสู่จุดสมดุลหรือขาดดุลไม่มากในเดือน เม.ย.48 (ไทยโพสต์)
3. ก.พาณิชย์ขอความร่วมมือผู้ประกอบการค้าปลีกตรึงราคาสินค้าอีก 3 เดือนเพื่อชะลอผลกระทบจาก
การขึ้นราคาน้ำมันดีเซล รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์
มาร์เก็ต ตรึงราคาสินค้าออกไปอีก 3 เดือน คือ ระหว่างเดือน มี.ค.-มิ.ย.48 ซึ่งขณะนี้ได้มีห้างสรรพสินค้าและ
ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่จำนวน 10 ราย ตอบรับเข้าร่วมโครงการนี้แล้ว รวมถึงธุรกิจร้านอาหารอีกประมาณ 20
ราย ทั้งนี้เพื่อเป็นการลดภาระของประชาชนในยุคน้ำมันแพง นอกจากนี้ จะเข้มงวดในการตรวจสอบราคาสินค้าเพื่อ
ไม่ให้มีการฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้บริโภค โดยขณะนี้มีการจับตาดูการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงราคาของสินค้าจำ
เป็น 100 รายการ รวมทั้งมีการจัดการลดราคาสินค้าผ่านโครงการธงฟ้า 2 โครงการ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้
บริโภค (โพสต์ทูเดย์)
4. คณะกรรมการลงทุนแห่งชาติปรับลดเป้าหมายการลงทุนโครงการเมกะโปรเจกต์ลง ผอ.สำนัก
งานบริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการลงทุนแห่งชาติว่า เป็นการประชุมเพื่อทบทวนตัว
เลขโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) ในช่วง 5 ปีข้างหน้า มูลค่าโครงการ
1,000 ล.บาทขึ้นไป โดยที่ประชุมได้ปรับลดเป้าหมายการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ลงจากตัวเลขการลงทุน
เดิม 2.3 ล้านล้านบาท เหลือ 2.19 ล้านล้านบาท (โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ยอดขายบ้านใหม่ของสรอ.ในเดือนก.พ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.4 รายงานจากวอชิงตันเมื่อวันที่
24 มี.ค. 48 ก.พาณิชย์สรอ.เปิดเผยว่าในเดือนก.พ.ยอดขายบ้านใหม่ขยายตัวร้อยละ 9.4 มากที่สุดในรอบกว่า
4 ปี และสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์จากวอลสตรีทคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านั้นว่ายอดขายดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ
1.150 ล้านหลัง ทั้งนี้ยอดขายบ้านเดี่ยวเพิ่มสูงขึ้นอยู่ที่ระดับ 1.226 ล้านหลังจากระดับ 1.121 ล้านหลังในเดือน
ม.ค.(ตัวเลขหลังปรับฤดูกาล) โดยยอดขายบ้านใหม่ได้เพิ่มขึ้นทั้ง 4 ภูมิภาคได้แก่ แถบ Northeast,
Midwest, West และ South โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.3 , 9.9 , 7.4 และร้อยละ 9.0 ตามลำดับโดย
South ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 619,000 หลัง นักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากคาดว่ายอดขายบ้านซึ่ง
ช่วยค้ำจุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสรอ.จะชะลอลงเนื่องจากการปรับดอกเบี้ยของธ.กลางสรอ. เพื่อสกัด
ภาวะเงินเฟ้อ โดยครั้งล่าสุดปรับเพิ่มอีกร้อยละ 0.25 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาซึ่งเป็นการปรับเพิ่มอย่างต่อเนื่องเป็น
ครั้งที่ 7 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ 2.75 อย่างไรก็ตามอัตราดอกเบี้ยระยะยาวซึ่งกำหนดโดยตลาด รวม
ทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองคงที่ยังชะลอตัวดังนั้นกิจกรรมในภาคอสังหาริมทรัพย์จึงยังคงอยู่ในระดับสูง (รอยเตอร์)
2. อัตราเงินเฟ้อในเขตยูโรเดือน มี.ค.48 อาจเพิ่มสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ รายงานจากกรุงเบอร์ลิน
ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 24 มี.ค.48 ข้อมูลด้านระดับราคาจาก 5 แคว้น ของเยอรมนีเพิ่มขึ้นระหว่างร้อยละ 0.3
และ 0.4 จากเดือน ก.พ. เนื่องจากต้นทุนราคาอาหารและพลังงานเพิ่มสูงขึ้น ทำให้คาดว่าเงินเฟ้อของเยอรมนีทั้งประเทศ (ซึ่งต้องรวมกับอีก 2 แคว้นที่เหลือ) ในเดือน มี.ค. จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 ทั้งนี้ ตัวเลข
เงินเฟ้อของเยอรมนีจะเป็นตัวชี้แนวโน้มประมาณการเงินเฟ้อของเขตยูโร 12 ประเทศด้วย ซึ่งคาดว่าเงินเฟ้อของ
เขตยูโรจะอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.1 หรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็นร้อยละ 2.2 ขึ้นอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ
โดยผลสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์ของสำนักข่าวรอยเตอร์ก่อนที่จะมีรายงานข้อมูลของรัฐคาดว่า อัตราเงิน
เฟ้อประจำปีของเยอรมนีจะลดลงในเดือน มี.ค.48 อยู่ที่ระดับร้อยละ 1.7 โดยเยอรมนีมีน้ำหนักอยู่ในลำดับ 3
ในการคำนวณดัชนีราคาผู้บริโภคของเขตยูโรทั้งหมด อนึ่ง Eurostat สนง.สถิติของสหภาพยุโรปจะแถลงตัวเลข
ประมาณการอัตราเงินเฟ้อเดือน มี.ค.48 ในวันที่ 31 มี.ค.นี้ (รอยเตอร์)
3. ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของญี่ปุ่นในเดือน ก.พ.48 ลดลงร้อยละ 0.4 ต่อปี รายงานจากโตเกียว เมื่อ 25 มี.ค.48 ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานสำหรับเดือน ก.พ.48
ของทั้งประเทศญี่ปุ่นลดลงร้อยละ 0.4 เมื่อเทียบกับปีก่อน หลังจากลดลงร้อยละ 0.3 ในเดือน ม.ค.48 ลดลงมาก
สุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค.46 และลดลงมากกว่าร้อยละ 0.3 ที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้เล็กน้อย ในขณะที่ดัชนีราคาผู้
บริโภคพื้นฐานในเมืองโตเกียว ซึ่งรายงานล่วงหน้าก่อนดัชนีของทั้งประเทศ 1 เดือน ลดลงร้อยละ 0.5 ในเดือน
มี.ค.48 เมื่อเทียบกับปีก่อน สาเหตุที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานลดลงส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการลดราคาค่าใช้กระแส
ไฟฟ้าและค่าโทรศัพท์ โดยหากไม่รวมการลดลงของราคาค่าสาธารณูปโภคดังกล่าวแล้ว ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานจะ
อยู่ในระดับเดียวกับเดือนก่อน ธ.กลางญี่ปุ่นคาดว่าภาวะเงินฝืดของญี่ปุ่นยังคงมีอยู่ต่อไปในปีนี้แม้ว่าราคาวัตถุดิบจะสูง
ขึ้นก็ตาม จากการที่ผู้ผลิตยังไม่กล้าเพิ่มราคาสินค้าเนื่องจากความต้องการในประเทศยังอยู่ในภาวะซบเซา ธ.กลาง
ญี่ปุ่นยังคงนโยบายอัดฉีดสภาพคล่องเข้าไปในระบบธนาคารต่อไปซึ่งส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยคงที่อยู่ในระดับต่ำเพื่อ
กระตุ้นการบริโภคในประเทศ จนกว่าดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบต่อปีอย่างมีเสถียรภาพ (รอยเตอร์)
4. Business Survey Index ของญี่ปุ่นในไตรมาสแรกปี 47 ลดลงอยู่ที่ระดับ +0.6 รายงานจาก
โตเกียว เมื่อ 24 มี.ค.48 ก.คลังญี่ปุ่นร่วมกับ Economic and Social Research Institute เปิดเผยว่า
จากการสำรวจความเชื่อมั่นของธุรกิจ 10,796 แห่งพบว่า The Business Survey Index (BSI) ของญี่ปุ่นใน
ไตรมาสแรกของปีนี้ลดลงอย่างมากมาอยู่ที่ระดับ +0.6 จากระดับ +2.1 ในไตรมาสสุดท้ายของปี 47 โดยการลด
ลงของดัชนีดังกล่าวส่วนหนึ่งมาจากการคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันและราคาสินค้าจะเพิ่มสูงขึ้นอีกในอนาคต ทั้งนี้ ดัชนี
BSI ของผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมการผลิตขนาดใหญ่ก็ลดลงถึงระดับ —7.6 ในไตรมาสเดียวกัน จากระดับ
—1.3 ในไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่ดัชนี BSI ของผู้ประกอบการนอกภาคอุตสาหกรรมการผลิตยังคงอยู่ในระดับสูงที่
+5.5 เพิ่มขึ้นจาก +4.1 ในไตรมาสก่อน อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ว่า BSI ของธุรกิจขนาดใหญ่จะอยู่ใน
ระดับ +3.6 และ +9.8 ในไตรมาสที่ 2 และ 3 ปี 48 นอกจากนี้ จากผลสำรวจดังกล่าวยังพบว่า ธุรกิจอาจปรับ
ลดการใช้จ่ายเงินทุนลงประมาณร้อยละ 7.4 เริ่มตั้งแต่เดือน เม.ย.หลังจากที่เพิ่มการใช้จ่ายร้อยละ 5.0 ในปีงบ
ประมาณ 47/48 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 25 มี.ค. 48 24 มี.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.791 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.5813/38.8637 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.25 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 685.06/17.39 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,800/7,900 7,800/7,900 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 46.83 46.04 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 22.09*/18.19** 22.09*/18.19** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 11 มี.ค. 48
* *ปรับเพิ่ม ลิตรละ 3 บาท เมื่อ 23 มี.ค. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. การปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยของ สรอ.ไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของ
ไทย ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ ธ.กลาง สรอ.(เฟด)
อีก 0.25% อาจเป็นแรงกดดันต่ออัตราดอกเบี้ยของไทย ทำให้มีส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยไทยกับ สรอ.มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม นโยบายอัตราดอกเบี้ยของไทยจะต้องดูภาวะเศรษฐกิจเป็นหลัก ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการพิจารณา โดย
จะตัดสินใจในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินครั้งต่อไปวันที่ 20 เม.ย.48 นี้ สำหรับ ผอ.สำนักงาน
เศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะไม่ส่งผลกระทบต่ออัตราดอกเบี้ยในประเทศ
ของไทยเท่ากับปัจจัยภายในประเทศ ซึ่งได้รับผลกระทบจากภัยแล้งและราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น นอกจากนั้นสภาพคล่อง
ในระบบยังสูง จึงน่าจะยังไม่มีแนวโน้มในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ สศค.ประเมินว่าผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจาก
การปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลจะเป็นผลกระทบระยะสั้น ซึ่งอาจกระทบต่อต้นทุนการผลิตและการอุปโภคบริโภค
แต่ในระยะยาวจะเป็นผลดี เพราะจะสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงและทำให้การนำเข้าน้ำมันไม่บิดเบือน (โลกวันนี้)
2. คาดว่าไทยจะขาดดุลการค้าจำนวน 20,000 ล.บาทในเดือน ก.พ.48 แหล่งข่าวจาก ก.คลัง
เปิดเผยว่า ตัวเลขเบื้องต้นของกรมศุลกากร พบว่าดุลการค้าเดือน ก.พ.48 จะยังคงขาดดุล โดยการส่งออกมี
มูลค่า 7,745 ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนประมาณ 5% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 8,270
ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้น 22% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ทำให้ขาดดุลการค้าประมาณ 525 ล.ดอลลาร์
สรอ. หรือประมาณ 20,000 ล.บาท ซึ่งรองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า สศค.ได้
ประมาณการไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะมีการขาดดุลการค้าในเดือน ก.พ.48 รวมทั้งตลอดปี 48 จะขาดดุลการค้า
ประมาณ 1,600 ล.ดอลลาร์ สรอ. แต่ยืนยันว่าดุลบัญชีเดินสะพัดทั้งปียังคงเกินดุลประมาณ 3,000 ล.ดอลลาร์
สรอ. สำหรับสาเหตุหลักของการขาดดุลการค้าในเดือน ม.ค.และ ก.พ. มาจากการนำเข้าน้ำมัน แต่เชื่อว่าตั้งแต่
เดือน เม.ย.48 การนำเข้าน้ำมันจะลดลงเนื่องจากการปรับราคาน้ำมันขายปลีกทำให้มีการประหยัดการใช้น้ำมัน
มากขึ้น และคาดว่าตัวเลขดุลการค้าจะเข้าสู่จุดสมดุลหรือขาดดุลไม่มากในเดือน เม.ย.48 (ไทยโพสต์)
3. ก.พาณิชย์ขอความร่วมมือผู้ประกอบการค้าปลีกตรึงราคาสินค้าอีก 3 เดือนเพื่อชะลอผลกระทบจาก
การขึ้นราคาน้ำมันดีเซล รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์
มาร์เก็ต ตรึงราคาสินค้าออกไปอีก 3 เดือน คือ ระหว่างเดือน มี.ค.-มิ.ย.48 ซึ่งขณะนี้ได้มีห้างสรรพสินค้าและ
ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่จำนวน 10 ราย ตอบรับเข้าร่วมโครงการนี้แล้ว รวมถึงธุรกิจร้านอาหารอีกประมาณ 20
ราย ทั้งนี้เพื่อเป็นการลดภาระของประชาชนในยุคน้ำมันแพง นอกจากนี้ จะเข้มงวดในการตรวจสอบราคาสินค้าเพื่อ
ไม่ให้มีการฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้บริโภค โดยขณะนี้มีการจับตาดูการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงราคาของสินค้าจำ
เป็น 100 รายการ รวมทั้งมีการจัดการลดราคาสินค้าผ่านโครงการธงฟ้า 2 โครงการ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้
บริโภค (โพสต์ทูเดย์)
4. คณะกรรมการลงทุนแห่งชาติปรับลดเป้าหมายการลงทุนโครงการเมกะโปรเจกต์ลง ผอ.สำนัก
งานบริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการลงทุนแห่งชาติว่า เป็นการประชุมเพื่อทบทวนตัว
เลขโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) ในช่วง 5 ปีข้างหน้า มูลค่าโครงการ
1,000 ล.บาทขึ้นไป โดยที่ประชุมได้ปรับลดเป้าหมายการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ลงจากตัวเลขการลงทุน
เดิม 2.3 ล้านล้านบาท เหลือ 2.19 ล้านล้านบาท (โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ยอดขายบ้านใหม่ของสรอ.ในเดือนก.พ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.4 รายงานจากวอชิงตันเมื่อวันที่
24 มี.ค. 48 ก.พาณิชย์สรอ.เปิดเผยว่าในเดือนก.พ.ยอดขายบ้านใหม่ขยายตัวร้อยละ 9.4 มากที่สุดในรอบกว่า
4 ปี และสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์จากวอลสตรีทคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านั้นว่ายอดขายดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ
1.150 ล้านหลัง ทั้งนี้ยอดขายบ้านเดี่ยวเพิ่มสูงขึ้นอยู่ที่ระดับ 1.226 ล้านหลังจากระดับ 1.121 ล้านหลังในเดือน
ม.ค.(ตัวเลขหลังปรับฤดูกาล) โดยยอดขายบ้านใหม่ได้เพิ่มขึ้นทั้ง 4 ภูมิภาคได้แก่ แถบ Northeast,
Midwest, West และ South โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.3 , 9.9 , 7.4 และร้อยละ 9.0 ตามลำดับโดย
South ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 619,000 หลัง นักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากคาดว่ายอดขายบ้านซึ่ง
ช่วยค้ำจุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสรอ.จะชะลอลงเนื่องจากการปรับดอกเบี้ยของธ.กลางสรอ. เพื่อสกัด
ภาวะเงินเฟ้อ โดยครั้งล่าสุดปรับเพิ่มอีกร้อยละ 0.25 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาซึ่งเป็นการปรับเพิ่มอย่างต่อเนื่องเป็น
ครั้งที่ 7 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ 2.75 อย่างไรก็ตามอัตราดอกเบี้ยระยะยาวซึ่งกำหนดโดยตลาด รวม
ทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองคงที่ยังชะลอตัวดังนั้นกิจกรรมในภาคอสังหาริมทรัพย์จึงยังคงอยู่ในระดับสูง (รอยเตอร์)
2. อัตราเงินเฟ้อในเขตยูโรเดือน มี.ค.48 อาจเพิ่มสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ รายงานจากกรุงเบอร์ลิน
ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 24 มี.ค.48 ข้อมูลด้านระดับราคาจาก 5 แคว้น ของเยอรมนีเพิ่มขึ้นระหว่างร้อยละ 0.3
และ 0.4 จากเดือน ก.พ. เนื่องจากต้นทุนราคาอาหารและพลังงานเพิ่มสูงขึ้น ทำให้คาดว่าเงินเฟ้อของเยอรมนีทั้งประเทศ (ซึ่งต้องรวมกับอีก 2 แคว้นที่เหลือ) ในเดือน มี.ค. จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 ทั้งนี้ ตัวเลข
เงินเฟ้อของเยอรมนีจะเป็นตัวชี้แนวโน้มประมาณการเงินเฟ้อของเขตยูโร 12 ประเทศด้วย ซึ่งคาดว่าเงินเฟ้อของ
เขตยูโรจะอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.1 หรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็นร้อยละ 2.2 ขึ้นอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ
โดยผลสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์ของสำนักข่าวรอยเตอร์ก่อนที่จะมีรายงานข้อมูลของรัฐคาดว่า อัตราเงิน
เฟ้อประจำปีของเยอรมนีจะลดลงในเดือน มี.ค.48 อยู่ที่ระดับร้อยละ 1.7 โดยเยอรมนีมีน้ำหนักอยู่ในลำดับ 3
ในการคำนวณดัชนีราคาผู้บริโภคของเขตยูโรทั้งหมด อนึ่ง Eurostat สนง.สถิติของสหภาพยุโรปจะแถลงตัวเลข
ประมาณการอัตราเงินเฟ้อเดือน มี.ค.48 ในวันที่ 31 มี.ค.นี้ (รอยเตอร์)
3. ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของญี่ปุ่นในเดือน ก.พ.48 ลดลงร้อยละ 0.4 ต่อปี รายงานจากโตเกียว เมื่อ 25 มี.ค.48 ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานสำหรับเดือน ก.พ.48
ของทั้งประเทศญี่ปุ่นลดลงร้อยละ 0.4 เมื่อเทียบกับปีก่อน หลังจากลดลงร้อยละ 0.3 ในเดือน ม.ค.48 ลดลงมาก
สุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค.46 และลดลงมากกว่าร้อยละ 0.3 ที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้เล็กน้อย ในขณะที่ดัชนีราคาผู้
บริโภคพื้นฐานในเมืองโตเกียว ซึ่งรายงานล่วงหน้าก่อนดัชนีของทั้งประเทศ 1 เดือน ลดลงร้อยละ 0.5 ในเดือน
มี.ค.48 เมื่อเทียบกับปีก่อน สาเหตุที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานลดลงส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการลดราคาค่าใช้กระแส
ไฟฟ้าและค่าโทรศัพท์ โดยหากไม่รวมการลดลงของราคาค่าสาธารณูปโภคดังกล่าวแล้ว ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานจะ
อยู่ในระดับเดียวกับเดือนก่อน ธ.กลางญี่ปุ่นคาดว่าภาวะเงินฝืดของญี่ปุ่นยังคงมีอยู่ต่อไปในปีนี้แม้ว่าราคาวัตถุดิบจะสูง
ขึ้นก็ตาม จากการที่ผู้ผลิตยังไม่กล้าเพิ่มราคาสินค้าเนื่องจากความต้องการในประเทศยังอยู่ในภาวะซบเซา ธ.กลาง
ญี่ปุ่นยังคงนโยบายอัดฉีดสภาพคล่องเข้าไปในระบบธนาคารต่อไปซึ่งส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยคงที่อยู่ในระดับต่ำเพื่อ
กระตุ้นการบริโภคในประเทศ จนกว่าดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบต่อปีอย่างมีเสถียรภาพ (รอยเตอร์)
4. Business Survey Index ของญี่ปุ่นในไตรมาสแรกปี 47 ลดลงอยู่ที่ระดับ +0.6 รายงานจาก
โตเกียว เมื่อ 24 มี.ค.48 ก.คลังญี่ปุ่นร่วมกับ Economic and Social Research Institute เปิดเผยว่า
จากการสำรวจความเชื่อมั่นของธุรกิจ 10,796 แห่งพบว่า The Business Survey Index (BSI) ของญี่ปุ่นใน
ไตรมาสแรกของปีนี้ลดลงอย่างมากมาอยู่ที่ระดับ +0.6 จากระดับ +2.1 ในไตรมาสสุดท้ายของปี 47 โดยการลด
ลงของดัชนีดังกล่าวส่วนหนึ่งมาจากการคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันและราคาสินค้าจะเพิ่มสูงขึ้นอีกในอนาคต ทั้งนี้ ดัชนี
BSI ของผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมการผลิตขนาดใหญ่ก็ลดลงถึงระดับ —7.6 ในไตรมาสเดียวกัน จากระดับ
—1.3 ในไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่ดัชนี BSI ของผู้ประกอบการนอกภาคอุตสาหกรรมการผลิตยังคงอยู่ในระดับสูงที่
+5.5 เพิ่มขึ้นจาก +4.1 ในไตรมาสก่อน อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ว่า BSI ของธุรกิจขนาดใหญ่จะอยู่ใน
ระดับ +3.6 และ +9.8 ในไตรมาสที่ 2 และ 3 ปี 48 นอกจากนี้ จากผลสำรวจดังกล่าวยังพบว่า ธุรกิจอาจปรับ
ลดการใช้จ่ายเงินทุนลงประมาณร้อยละ 7.4 เริ่มตั้งแต่เดือน เม.ย.หลังจากที่เพิ่มการใช้จ่ายร้อยละ 5.0 ในปีงบ
ประมาณ 47/48 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 25 มี.ค. 48 24 มี.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.791 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.5813/38.8637 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.25 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 685.06/17.39 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,800/7,900 7,800/7,900 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 46.83 46.04 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 22.09*/18.19** 22.09*/18.19** 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 11 มี.ค. 48
* *ปรับเพิ่ม ลิตรละ 3 บาท เมื่อ 23 มี.ค. 48
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--