นายนริศ ชัยสูตร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยว่า นายไชยยศ สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้นำคณะผู้แทนไปไปจัดทำ Investor Roadshow ครั้งที่ 1 ของปี 2549 ณ นครแฟรงก์เฟิร์ต สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ในระหว่างวันที่ 31 มกราคม ถึงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2549 ที่ผ่านมา โดยมีรายละเอียดสรุปได้ดังนี้
1. นักลงทุนจากเยอรมนี และยุโรป ได้ให้ความสนใจเข้าฟังการสัมมนาเรื่อง “โอกาสในการลงทุนในประเทศไทย (Investment Opportunities in Thailand)” ค่อนข้างมาก โดยในการสัมมนาดังกล่าว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้กล่าวสุนทรพจน์ถึงภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทย ที่มีแนวโน้มขยายตัวได้สูงไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 ในปี 2549 และนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งมั่นที่จะรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ เพื่อให้ภาคเอกชนมีความมั่นใจที่จะลงทุนในประเทศไทย รวมทั้งนโยบายในการพัฒนาประเทศให้ทันสมัย (Modernization of Thailand) ซึ่งนักลงทุนได้แสดงความสนใจค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในเรื่องการลงทุนในโครงการระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ของรัฐบาล และการลงทุนในตลาดทุนของไทย
2. ในระหว่างการเดินทางมา Roadshow ดังกล่าว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้มีโอกาสพบปะหารือกับ นาย Juergen Filschen กรรมการผู้จัดการใหญ่และกรรมการบริหารของธนาคาร Deutsche Bank ประจำประเทศเยอรมนี โดย นาย Fitschen ได้แสดงความเห็นว่า ประเทศไทยเป็นประเทศ 1 ใน 5 ประเทศ ในโลกที่นักลงทุนจากยุโรปได้ให้ความสนใจลงทุนอย่างมาก อย่างไรก็ตาม นาย Fitschen ได้เสนอแนะว่า ประเทศไทยควรรีบสร้างความแตกต่างจากประเทศจีนและอินเดีย โดยการเร่งพิจารณาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เพื่อดึงดูดให้นักลงทุนมาลงทุนในไทยมากขึ้น ซึ่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังได้อธิบาย รัฐบาลไทยก็ตระหนักถึงความจำเป็นของโครงสร้างพื้นฐาน จึงได้มีการจัดทำโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐขึ้น ซึ่งในโอกาสนี้ นายนริศ ชัยสูตร ได้ขอให้ธนาคาร Deutsche Bank ช่วยชักจูงลูกค้าของธนาคารที่มีความสามารถด้านโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ เข้ามาลงทุนในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของไทยด้วย
3. นอกจากนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้มีโอกาสพบกับ นาย Han W. Reich กรรมการผู้จัดการใหญ่ของธนาคาร KFW IPEX BANK ซึ่งเป็นธนาคารของรัฐบาลเยอรมนี ในการนี้ นาย Reich ได้แสดงความชื่นชมถึงความสำเร็จของรัฐบาลไทยในการบริหารเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนั้น ธนาคาร KFW ได้แสดงความเห็นว่า เหตุการณ์ทางการเมืองในประเทศไทยในปัจจุบันไม่ได้ส่งผลให้ธนาคารมีความสนใจที่จะลงทุนในไทยลดลงแต่อย่างใด และพร้อมที่จะให้การสนับสนุนด้านการเงินในการพัฒนาประเทศในระยะยาวให้แก่ประเทศไทย โดยเฉพาะในโครงการ Mega Project
นายนริศ ชัยสูตร สรุปว่า การจัดทำ Roadshow ครั้งแรกในปี 2549 ที่ผ่านมาถือได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างดี และได้มีส่วนช่วยให้นักลงทุนจากยุโรปและเยอรมนีได้เข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น โดยเฉพาะแนวทางในการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่ประเทศไทยได้ใช้วิธีใหม่ที่มีความยืดหยุ่นในการเสนอโครงการเข้ามาให้รัฐบาลพิจารณา ทั้งนี้ ก็เพื่อให้ประเทศไทยสามารถใช้โอกาสนี้ในการเลือกโครงการที่ดีที่สุด มีประสิทธิภาพที่สุดจากทั่วโลก และให้มีต้นทุนต่ำที่สุดเพื่อมาใช้ในการพัฒนาประเทศ
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 12/2549 7 กุมภาพันธ์ 49--
1. นักลงทุนจากเยอรมนี และยุโรป ได้ให้ความสนใจเข้าฟังการสัมมนาเรื่อง “โอกาสในการลงทุนในประเทศไทย (Investment Opportunities in Thailand)” ค่อนข้างมาก โดยในการสัมมนาดังกล่าว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้กล่าวสุนทรพจน์ถึงภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทย ที่มีแนวโน้มขยายตัวได้สูงไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 ในปี 2549 และนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งมั่นที่จะรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ เพื่อให้ภาคเอกชนมีความมั่นใจที่จะลงทุนในประเทศไทย รวมทั้งนโยบายในการพัฒนาประเทศให้ทันสมัย (Modernization of Thailand) ซึ่งนักลงทุนได้แสดงความสนใจค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในเรื่องการลงทุนในโครงการระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ของรัฐบาล และการลงทุนในตลาดทุนของไทย
2. ในระหว่างการเดินทางมา Roadshow ดังกล่าว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้มีโอกาสพบปะหารือกับ นาย Juergen Filschen กรรมการผู้จัดการใหญ่และกรรมการบริหารของธนาคาร Deutsche Bank ประจำประเทศเยอรมนี โดย นาย Fitschen ได้แสดงความเห็นว่า ประเทศไทยเป็นประเทศ 1 ใน 5 ประเทศ ในโลกที่นักลงทุนจากยุโรปได้ให้ความสนใจลงทุนอย่างมาก อย่างไรก็ตาม นาย Fitschen ได้เสนอแนะว่า ประเทศไทยควรรีบสร้างความแตกต่างจากประเทศจีนและอินเดีย โดยการเร่งพิจารณาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เพื่อดึงดูดให้นักลงทุนมาลงทุนในไทยมากขึ้น ซึ่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังได้อธิบาย รัฐบาลไทยก็ตระหนักถึงความจำเป็นของโครงสร้างพื้นฐาน จึงได้มีการจัดทำโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐขึ้น ซึ่งในโอกาสนี้ นายนริศ ชัยสูตร ได้ขอให้ธนาคาร Deutsche Bank ช่วยชักจูงลูกค้าของธนาคารที่มีความสามารถด้านโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ เข้ามาลงทุนในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของไทยด้วย
3. นอกจากนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้มีโอกาสพบกับ นาย Han W. Reich กรรมการผู้จัดการใหญ่ของธนาคาร KFW IPEX BANK ซึ่งเป็นธนาคารของรัฐบาลเยอรมนี ในการนี้ นาย Reich ได้แสดงความชื่นชมถึงความสำเร็จของรัฐบาลไทยในการบริหารเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนั้น ธนาคาร KFW ได้แสดงความเห็นว่า เหตุการณ์ทางการเมืองในประเทศไทยในปัจจุบันไม่ได้ส่งผลให้ธนาคารมีความสนใจที่จะลงทุนในไทยลดลงแต่อย่างใด และพร้อมที่จะให้การสนับสนุนด้านการเงินในการพัฒนาประเทศในระยะยาวให้แก่ประเทศไทย โดยเฉพาะในโครงการ Mega Project
นายนริศ ชัยสูตร สรุปว่า การจัดทำ Roadshow ครั้งแรกในปี 2549 ที่ผ่านมาถือได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างดี และได้มีส่วนช่วยให้นักลงทุนจากยุโรปและเยอรมนีได้เข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น โดยเฉพาะแนวทางในการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่ประเทศไทยได้ใช้วิธีใหม่ที่มีความยืดหยุ่นในการเสนอโครงการเข้ามาให้รัฐบาลพิจารณา ทั้งนี้ ก็เพื่อให้ประเทศไทยสามารถใช้โอกาสนี้ในการเลือกโครงการที่ดีที่สุด มีประสิทธิภาพที่สุดจากทั่วโลก และให้มีต้นทุนต่ำที่สุดเพื่อมาใช้ในการพัฒนาประเทศ
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 12/2549 7 กุมภาพันธ์ 49--