วันนี้ (23สค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าชายที่เข้าไปทำร้ายประชาชนซึ่งตะโกนขับไล่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่เซ็นทรัลเวิล์ดเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า สิ่งที่จะช่วยให้สถานการณ์คลี่คลายได้อย่างรวดเร็วก็คือ การทำความชัดเจนในสิ่งที่เป็นข้อสงสัย ของสังคมและการแสดงออกว่าการบังคับใช้กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์ และเสมอภาค ซึ่งตนอยากให้ข้อคิดว่าตลอดเวลาค่อนปี ที่มีปัญหาการเมืองก็มีคนออกมาชุมนุมจำนวนมาก แต่ก็หลีกเลี่ยงเหตุการณ์รุนแรงมาได้ตลอด และทุกครั้งที่มีลักษณะของความรุนแรงเกิดขึ้น ต้องยอมรับว่าจะมีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นฝ่ายสนับสนุน มีการใช้กำลังรุนแรงอย่างชัดเจน แต่คนเหล่านี้ที่ผ่านมากลับไม่ถูกลงโทษ และบางคนจะไปปรากฎตัวในหลายเหตุการณ์
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หากไม่มีการจัดการกับกลุ่มคนที่แสดงตัวชัดเจนว่าพร้อมจะใช้ความรุนแรง ปัญหาก็มีความเสี่ยงต่อความบานปลาย และหากไม่มีการแสดงออกอย่างชัดเจนว่าคนที่มาสนับสนุนรัฐบาลก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน จะยิ่งทำให้ปัญหาลุกลาม เพราะเหมือนกับเป็นการให้ท้ายคนที่มาใช้ความรุนแรงสนับสนุน ดังนั้นหากให้ความสำคัญในการคลี่คลายเรื่องนี้โดยเร็ว เป็นธรรมก็จะช่วยให้ทุกอย่างกลับเข้าสู่ความสงบเรียบร้อยได้
“ผมอยากให้ตำรวจยึดถือรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นกฎหมายที่สำคัญสูงสุดของประเทศ แต่ก็เห็นใจเจ้าหน้าที่ระดับล่างที่ต้องมาช่วยดูแลเรื่องเหล่านี้ ผมเชื่อว่าหากคนที่มีจำนวนไม่มากนี้ไปใช้ความรุนแรงถูกลงโทษอย่างจริงจัง ก็เชื่อว่าจะได้ผล อย่างเวลาที่เราเห็นว่าศาลลงโทษก็รู้สึกว่าทำให้หลายคนระมัดระวังตัวมากขึ้น ฉะนั้นจะต้องไม่ปล่อยให้ผ่านเลยไป ยิ่งถูกข้อครหาอยู่ว่าไม่เอาจริงเอาจังกับฝ่ายที่มาสนับสนุนรัฐบาล ผมว่ายิ่งต้องพิสูจน์ให้เห็น ถ้าทำตรงนี้ได้ ผมคิดว่าจะช่วยทุกอย่างได้เยอะ และการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญตามขอบเขตก็จะสามารถดำเนินการต่อไปได้ ไม่กระทบกระเทือนอะไร”หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนได้เตือนรัฐบาลมาตลอดว่าหากรัฐบาลปิดกั้นการแสดงออกของประชาชนตามสื่อหลัก ๆ ตามปกติ สุดท้ายความอึดอัดของประชาชนจะระเบิดออกมาตามท้องถนน แต่ความที่ผู้นำมีความกังวลต่อการเปิดเผยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวเอง เกี่ยวกับเรื่องที่เป็นปัญหา ความที่พยายามหลีกหนีความพยายามตรวจสอบ จึงนำมาสู่ปัญหาเหล่านี้ เพราะเป็นที่มาของรูปแบบการเมืองที่ผิดปกติ ทั้งนี้การแสดงออกในขอบเขต เป็นสิทธิของประชาชนที่สามารถทำได้ และเจ้าหน้าที่จะต้องเคารพต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและประชาชนตรงนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรที่ น.พ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรีขอร้องคนเดือนตุลาคมอย่าปลุกกระแสสร้างความแตกแยก หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คนหลายคนที่เคยต่อสู้ทางการเมืองมา อาจจะต้องกลับไปนั่งทบทวนเช่นกันว่าบทบาทของตัวเองเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร และคนเดือนตุลาน่าจะทราบดีว่าการมีกลไกและอำนาจรัฐอยู่ในมือ แต่ไม่ได้ใช้เพื่อความชอบธรรม เพื่อประโยชน์การเมือง ซึ่งที่ผ่านมามีหลายเหตุที่เกิดขึ้น ทั้งการแก้ไขปัญหายาเสพติด การแก้ไขปัญหาภาคใต้ ตนคิดว่าตรงนี้เป็นจุดที่ต้องกลับไปทบทวนว่า ถ้าภาครัฐจะเริ่มต้นส่งสัญญาณให้ชัดเจนว่าไม่ยอมรับความรุนแรง และใครที่อยู่ในภาครัฐแล้วทำสิ่งเหล่านี้จะถูกลงโทษ จะเป็นวิธีการที่ดีที่สุด
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 23 ส.ค. 2549--จบ--
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หากไม่มีการจัดการกับกลุ่มคนที่แสดงตัวชัดเจนว่าพร้อมจะใช้ความรุนแรง ปัญหาก็มีความเสี่ยงต่อความบานปลาย และหากไม่มีการแสดงออกอย่างชัดเจนว่าคนที่มาสนับสนุนรัฐบาลก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน จะยิ่งทำให้ปัญหาลุกลาม เพราะเหมือนกับเป็นการให้ท้ายคนที่มาใช้ความรุนแรงสนับสนุน ดังนั้นหากให้ความสำคัญในการคลี่คลายเรื่องนี้โดยเร็ว เป็นธรรมก็จะช่วยให้ทุกอย่างกลับเข้าสู่ความสงบเรียบร้อยได้
“ผมอยากให้ตำรวจยึดถือรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นกฎหมายที่สำคัญสูงสุดของประเทศ แต่ก็เห็นใจเจ้าหน้าที่ระดับล่างที่ต้องมาช่วยดูแลเรื่องเหล่านี้ ผมเชื่อว่าหากคนที่มีจำนวนไม่มากนี้ไปใช้ความรุนแรงถูกลงโทษอย่างจริงจัง ก็เชื่อว่าจะได้ผล อย่างเวลาที่เราเห็นว่าศาลลงโทษก็รู้สึกว่าทำให้หลายคนระมัดระวังตัวมากขึ้น ฉะนั้นจะต้องไม่ปล่อยให้ผ่านเลยไป ยิ่งถูกข้อครหาอยู่ว่าไม่เอาจริงเอาจังกับฝ่ายที่มาสนับสนุนรัฐบาล ผมว่ายิ่งต้องพิสูจน์ให้เห็น ถ้าทำตรงนี้ได้ ผมคิดว่าจะช่วยทุกอย่างได้เยอะ และการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญตามขอบเขตก็จะสามารถดำเนินการต่อไปได้ ไม่กระทบกระเทือนอะไร”หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนได้เตือนรัฐบาลมาตลอดว่าหากรัฐบาลปิดกั้นการแสดงออกของประชาชนตามสื่อหลัก ๆ ตามปกติ สุดท้ายความอึดอัดของประชาชนจะระเบิดออกมาตามท้องถนน แต่ความที่ผู้นำมีความกังวลต่อการเปิดเผยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวเอง เกี่ยวกับเรื่องที่เป็นปัญหา ความที่พยายามหลีกหนีความพยายามตรวจสอบ จึงนำมาสู่ปัญหาเหล่านี้ เพราะเป็นที่มาของรูปแบบการเมืองที่ผิดปกติ ทั้งนี้การแสดงออกในขอบเขต เป็นสิทธิของประชาชนที่สามารถทำได้ และเจ้าหน้าที่จะต้องเคารพต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและประชาชนตรงนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรที่ น.พ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรีขอร้องคนเดือนตุลาคมอย่าปลุกกระแสสร้างความแตกแยก หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คนหลายคนที่เคยต่อสู้ทางการเมืองมา อาจจะต้องกลับไปนั่งทบทวนเช่นกันว่าบทบาทของตัวเองเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร และคนเดือนตุลาน่าจะทราบดีว่าการมีกลไกและอำนาจรัฐอยู่ในมือ แต่ไม่ได้ใช้เพื่อความชอบธรรม เพื่อประโยชน์การเมือง ซึ่งที่ผ่านมามีหลายเหตุที่เกิดขึ้น ทั้งการแก้ไขปัญหายาเสพติด การแก้ไขปัญหาภาคใต้ ตนคิดว่าตรงนี้เป็นจุดที่ต้องกลับไปทบทวนว่า ถ้าภาครัฐจะเริ่มต้นส่งสัญญาณให้ชัดเจนว่าไม่ยอมรับความรุนแรง และใครที่อยู่ในภาครัฐแล้วทำสิ่งเหล่านี้จะถูกลงโทษ จะเป็นวิธีการที่ดีที่สุด
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 23 ส.ค. 2549--จบ--