ภาคเอกชนมีการคาดการณ์กันว่าภายใต้สถานการณ์การแข็งค่าของเงินบาทได้ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยแล้ว เมื่ออัตราแลกเปลี่ยนเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญในตลาดการค้าระหว่างประเทศ และการที่เงินสกุลต่าง ๆ แข็งค่าขึ้น จะทำให้ราคาสินค้าส่งออกปรับตัวสูงขึ้น และส่งผลให้ประเทศนั้น ๆ มีความสามารถในการแข่งขันด้านราคากับประเทศอื่นลดลง ทำให้ประเทศผู้ซื้อหันไปซื้อสินค้าจากประเทศอื่นที่มีความได้เปรียบด้านราคาสูงกว่า
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงผลการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทย ในเดือนตุลาคม 2549 ที่ได้จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง พบว่า ค่าดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 95.3 จาก 96.8 ในเดือนกันยายน 2549 ที่ผ่านมาในขณะที่กลุ่มผู้ประกอบการเห็นสอดคล้องกันว่า สาเหตุที่ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นลดลงไปนั้นส่วนหนึ่งมาจากที่หลายพื้นที่ของประเทศประสบปัญหาน้ำท่วม ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง รวมทั้งทำให้การขนส่งสินค้าลำบากมากขึ้น นอกจากนี้ ยังประสบปัญหาต้นทุนวัตถุดิบที่มีราคาแพง การขาดแคลนแรงงาน รวมถึงปัญหาใหญ่ในเรื่องการแข็งค่าของเงินบาทอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมปีนี้ ที่คาดว่าเงินบาทมีการแข็งค่ามากที่สุด
อย่างไรก็ตามปัญหาการแข็งค่าของเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่องนั้น ทำให้ผู้ประกอบการประสบปัญหาการแข่งขันด้านราคามากขึ้น โดยส่งออกจะลดลง หรือติดลบในบางสาขา เช่นกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และชิ้นส่วน เหล็ก เฟอร์นิเจอร์ โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรม รองเท้า ที่จะเสียเปรียบในการแข่งขันอาจส่งผลต่อการขยายธุรกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายนี้
ประเด็นวิเคราะห์:
จากผลกระทบดังกล่าว เห็นควรที่ภาครัฐจะต้องเร่งการทำงานในเชิงรุกให้มากขึ้น เช่น เร่งแก้ไขปัญหาอัตราแลกเปลี่ยนให้มีเสถียรภาพมากขึ้น รวมทั้งดูแลราคาวัตถุดิบไม่ให้มีความผันผวนมากเกินไป เพราะเวลานี้เงินบาทตกอยู่ในสถานการณ์ที่แข็งค่ายิ่งขึ้น ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการแล้ว
ที่มา: http://www.depthai.go.th