วันนี้ (6ก.พ.49) เวลา15.00 น. ณ.ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังการประชุมว่า ขณะนี้พ.ต.ท.ทักษิณ มีปัญหาเรื่องความชอบธรรมของการดำรงตำแหน่งนายกฯ ทั้งจากพฤติกรรมและท่าทีต่างๆที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่มีการขายหุ้นในเครือชินวัตร รวมไปถึงปัญหาการใช้สิทธิอันชอบธรรมของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งที่ประชุมจึงมีมติจะเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ185 เพื่อให้เป็นกลไกลของรัฐสภาในการนำเอาประเด็นความชอบธรรมของการดำรงตำแหน่งของนายกฯมาอภิปรายตามกระบวนการที่กำหนดในรัฐธรรมนูญ พร้อมทั้งจะเสนอชื่อผู้นำฝ่ายค้านเป็นนายกฯคนต่อไป แต่เนื่องจากมีการกำหนดให้ใช้เสียง ส.ส.2ใน5 ของสมาชิกสภาทั้งหมดคือ 200 คน ดังนั้นพรรคจะประสานงานเบื้องต้นกับพรรคร่วมฝ่ายค้านโดยจะมีการประชุมกันวันที่9 ก.พ.นี้ และยังเรียกร้องให้ส.ส.ไทยรักไทยมาร่วมมือลงชื่อเพื่อให้สภาหยิบยกปัญหามาถกในรัฐสภา ซึ่งเป็นไปตามระบบและครรลองทุกประการ และเป็นสิ่งที่รัฐบาลได้เรียกร้อง เพราะก่อนหน้านี้นายกฯเคยพูดว่าหากเสียงในการดำเนินการตามสภาไม่ครบในการดำเนินการในเรื่องใด ก็จะเปิดโอกาสให้ส.ส.ไทยรักไทยสามารถมาเข้าชื่อได้
“เราไม่จำกัดวัง ไม่จำกัดกลุ่ม สมาชิกมี500 คนมีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญในการติดตามตรวจสอบและหากเห็นว่ามีพฤติกรรมใดๆที่ไม่สมควรจะไว้วางใจก็สามารถใช้สิทธิ์ตรงนี้ได้ ขณะนี้ยังไม่มีการประสานกับส.ส.กลุ่มใด วันนี้เป็นหน้าที่ของส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่จะเดินหน้าประสานกับทุกพรรคการเมืองต่อไป และวันนี้เราเรียกร้องสำนึกและความเป็นอิสระของการทำหน้าที่เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย อย่าลืมว่าวันนี้ประเด็นที่ลุกลามออกไปไม่ใช่การพูดถึงตัวนายกฯเท่านั้น แต่มักจะมีการกล่าวหานักการเมืองทำนองว่าไม่เป็นอิสระผมคิดว่าช่องนี้จะทำให้นักการเมืองมีโอกาสพิสูจน์ตัวเอง โดยเฉพาะนักการเมืองที่เป็นส.ส.ฝ่ายรัฐบาลว่าการจะหาทางออกในระบบของสภา จะเปิดช่องทางให้สามารถทำได้หรือไม่” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ต่อข้อความว่าหากพรรคไทยรักไทยใช้วิธีการลงมติเพื่อสกัดไม่ให้ ส.ส.มาร่วมลงชื่อกับฝ่ายค้านจะทำอย่างไร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อยากให้ ส.ส.พิจารณาเพราะถือเป็นสิทธิของ ส.ส.ทุกคน อย่างไรก็ตามตนยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ประสงค์จะสร้างปัญหาภายในให้กับพรรคไทยรักไทย แต่ต้องการให้สภามีส่วนพิจารณาปัญหาสำคัญของชาติ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจาก ส.ส.ในรัฐบาล โดยไม่มีการจำกัดวังหรือกลุ่ม ทุกคนที่ต้องการจะพูดในสภาก็ควรจะมาเข้าชื่อกันโดยให้ยึดประโยชน์ของประเทศกับประชาชน
ส่วนประเด็นที่จะอภิปรายนายกฯนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าจะมีการเชื่อมโยงหลายเรื่อง ไม่ใช่เฉพาะเรื่องการขายหุ้นเท่านั้น แต่ยังมีพฤติกรรมต่อเนื่องตลอด5 ปีที่นายกฯใช้กฎหมายต่างๆเพื่อเอื้อประโยชน์ทางธุรกิจให้กับครอบครัว ตั้งแต่คดีการปกปิดทรัพย์สิน รวมถึงการใช้อนำจรัฐเพื่อประโยชน์ต่อมูลค่าทางธุรกิจมามาจบลงที่การขายหุ้นที่ผิดกฎหมาย โดยจะทำให้เห็นภาพชัดเจนในเรื่องความชอบธรรมและจริยธรรมในการบริหารประเทศ ส่วนประเด็นเรื่องการทุจริตต้องขอตรวจสอบหลักฐานก่อน หากพบว่ามีการทุจริตก็จะยื่นถอดถอนต่อไป
เมื่อถามว่าคาดหวังหรือไม่ว่าส.ส.ไทยรักไทยจะมาลงชื่อกับฝ่ายค้านหรือไม่แม้นายกฯจะเปิดทางให้ก็ตาม นายอภิสิทธิ์กล่าวเป็นเรื่องที่น่าสนใจและต้องติดตามดูว่าส.ส.ไทยรักไทยจะเชื่อนายกฯหรือจะรักษาประโยชน์ของประชาชน เพราะสภาพบ้านเมืองมาถึงวันนี้แล้วต้องตั้งคำถามต่อความคิดของส.ส.ทุกคนที่จะออกมา และขณะนี้เป็นเพียงการเริ่มต้นรวบรวมรายชื่อ แต่ถ้าเป็นได้อยากให้เสร็จก่อนเปิดสมัยประชุมสภา(วันที่4 มี.ค.) ส่วนจะมีการทำหนังสือเป็นทางการเพื่อขอความร่วมมือไปยังส.ส.พรรคไทยรักไทยหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าคงต้องรอดูรูปแบบอีกครั้งแต่ที่พูดมาทั้งหมดเป็นภาษาคน ไม่ใช่ภาษาเสือ
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงการชุมนุมเมื่อวันที่4 ก.พ. ว่า สังคมเห็นตรงกันว่าเป็นการชุมนุมที่สงบไม่สร้างปัฐหาใดๆ ซึ่งก็เป็นไปตามสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเคยเตือนนายกฯว่าอย่าปิดกั้นการรับรู้ของประชาชน กระทั่งมีเวทีสัญจรที่สวนลุมพินี ฉะนั้นหากจะมาปิดกั้นการใช้ทีที่ลานพระบรมรูปทรงม้าอีกก็ยิ่งอันตราย ควรเปิดให้เขาแสดงความเห็น นายกฯก็เคยบอกว่าใครอยากไปชุมนุมก็ไปได้เป็นสิทธิ์ของทุกคนแต่กลับมาพูดว่าจะไม่ให้ใช้พื้นที่ ก็เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องไปคิดเอาเองแต่นายกฯคงอาจจะกลัวว่าวันที่11 ก.พ.จะมีคนมากันมาก
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 6 ก.พ. 2549--จบ--
“เราไม่จำกัดวัง ไม่จำกัดกลุ่ม สมาชิกมี500 คนมีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญในการติดตามตรวจสอบและหากเห็นว่ามีพฤติกรรมใดๆที่ไม่สมควรจะไว้วางใจก็สามารถใช้สิทธิ์ตรงนี้ได้ ขณะนี้ยังไม่มีการประสานกับส.ส.กลุ่มใด วันนี้เป็นหน้าที่ของส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่จะเดินหน้าประสานกับทุกพรรคการเมืองต่อไป และวันนี้เราเรียกร้องสำนึกและความเป็นอิสระของการทำหน้าที่เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย อย่าลืมว่าวันนี้ประเด็นที่ลุกลามออกไปไม่ใช่การพูดถึงตัวนายกฯเท่านั้น แต่มักจะมีการกล่าวหานักการเมืองทำนองว่าไม่เป็นอิสระผมคิดว่าช่องนี้จะทำให้นักการเมืองมีโอกาสพิสูจน์ตัวเอง โดยเฉพาะนักการเมืองที่เป็นส.ส.ฝ่ายรัฐบาลว่าการจะหาทางออกในระบบของสภา จะเปิดช่องทางให้สามารถทำได้หรือไม่” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ต่อข้อความว่าหากพรรคไทยรักไทยใช้วิธีการลงมติเพื่อสกัดไม่ให้ ส.ส.มาร่วมลงชื่อกับฝ่ายค้านจะทำอย่างไร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อยากให้ ส.ส.พิจารณาเพราะถือเป็นสิทธิของ ส.ส.ทุกคน อย่างไรก็ตามตนยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ประสงค์จะสร้างปัญหาภายในให้กับพรรคไทยรักไทย แต่ต้องการให้สภามีส่วนพิจารณาปัญหาสำคัญของชาติ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจาก ส.ส.ในรัฐบาล โดยไม่มีการจำกัดวังหรือกลุ่ม ทุกคนที่ต้องการจะพูดในสภาก็ควรจะมาเข้าชื่อกันโดยให้ยึดประโยชน์ของประเทศกับประชาชน
ส่วนประเด็นที่จะอภิปรายนายกฯนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าจะมีการเชื่อมโยงหลายเรื่อง ไม่ใช่เฉพาะเรื่องการขายหุ้นเท่านั้น แต่ยังมีพฤติกรรมต่อเนื่องตลอด5 ปีที่นายกฯใช้กฎหมายต่างๆเพื่อเอื้อประโยชน์ทางธุรกิจให้กับครอบครัว ตั้งแต่คดีการปกปิดทรัพย์สิน รวมถึงการใช้อนำจรัฐเพื่อประโยชน์ต่อมูลค่าทางธุรกิจมามาจบลงที่การขายหุ้นที่ผิดกฎหมาย โดยจะทำให้เห็นภาพชัดเจนในเรื่องความชอบธรรมและจริยธรรมในการบริหารประเทศ ส่วนประเด็นเรื่องการทุจริตต้องขอตรวจสอบหลักฐานก่อน หากพบว่ามีการทุจริตก็จะยื่นถอดถอนต่อไป
เมื่อถามว่าคาดหวังหรือไม่ว่าส.ส.ไทยรักไทยจะมาลงชื่อกับฝ่ายค้านหรือไม่แม้นายกฯจะเปิดทางให้ก็ตาม นายอภิสิทธิ์กล่าวเป็นเรื่องที่น่าสนใจและต้องติดตามดูว่าส.ส.ไทยรักไทยจะเชื่อนายกฯหรือจะรักษาประโยชน์ของประชาชน เพราะสภาพบ้านเมืองมาถึงวันนี้แล้วต้องตั้งคำถามต่อความคิดของส.ส.ทุกคนที่จะออกมา และขณะนี้เป็นเพียงการเริ่มต้นรวบรวมรายชื่อ แต่ถ้าเป็นได้อยากให้เสร็จก่อนเปิดสมัยประชุมสภา(วันที่4 มี.ค.) ส่วนจะมีการทำหนังสือเป็นทางการเพื่อขอความร่วมมือไปยังส.ส.พรรคไทยรักไทยหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าคงต้องรอดูรูปแบบอีกครั้งแต่ที่พูดมาทั้งหมดเป็นภาษาคน ไม่ใช่ภาษาเสือ
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงการชุมนุมเมื่อวันที่4 ก.พ. ว่า สังคมเห็นตรงกันว่าเป็นการชุมนุมที่สงบไม่สร้างปัฐหาใดๆ ซึ่งก็เป็นไปตามสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเคยเตือนนายกฯว่าอย่าปิดกั้นการรับรู้ของประชาชน กระทั่งมีเวทีสัญจรที่สวนลุมพินี ฉะนั้นหากจะมาปิดกั้นการใช้ทีที่ลานพระบรมรูปทรงม้าอีกก็ยิ่งอันตราย ควรเปิดให้เขาแสดงความเห็น นายกฯก็เคยบอกว่าใครอยากไปชุมนุมก็ไปได้เป็นสิทธิ์ของทุกคนแต่กลับมาพูดว่าจะไม่ให้ใช้พื้นที่ ก็เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องไปคิดเอาเองแต่นายกฯคงอาจจะกลัวว่าวันที่11 ก.พ.จะมีคนมากันมาก
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 6 ก.พ. 2549--จบ--