กรุงเทพ--26 ต.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันพุธที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2549 เวลา 10.30 น. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายจาง จิ่วหวน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้เข้าเยี่ยมคารวะนายนิตย์ พิบูลสงคราม รัฐมนตรีว่าการกระทรวง การต่างประเทศ ในโอกาสที่เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี
ในโอกาสนี้ เอกอัครราชทูตจีนได้นำความปรารถนาดีจากนายหลี่ จ้าวชิง รัฐมนตรีต่างประเทศจีน มาแจ้งแก่รัฐมนตรีต่างประเทศไทยด้วย และยืนยันว่า จีนเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเมื่อวันที่ 19 กันยายน เป็นเรื่องภายในของไทย ซึ่งจีนจะไม่แทรกแซง รัฐบาลจีนยินดีที่จะร่วมทำงานกับรัฐบาลไทยต่อไปเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน และจะยังคงให้ความร่วมมือกับไทยต่อไปตามโครงการความร่วมมือที่มีอยู่แล้ว
หลังจากการเยี่ยมคารวะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวต่อสื่อมวลชนว่า จีนและไทยมีความสัมพันธ์กันอย่างดียิ่งในทุกด้าน ขณะนี้ทั้งสองประเทศกำลังอยู่ระหว่างยกร่างแผนปฏิบัติการร่วมไทย-จีน อันจะมีทั้งหมด 15 หัวข้อ ครอบคลุมทุกสาขาความร่วมมือ รวมทั้งโครงการความช่วยเหลือต่างๆ ที่ประเทศจีนให้กับไทย รวมทั้งโครงการความร่วมมือที่สืบเนื่องจากความช่วยเหลือที่จีนได้ให้กับไทยกรณีธรณีพิบัติภัย (สึนามิ) เมื่อปลายปี 2547
นอกจากนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศและเอกอัครราชทูตจีนยังได้หารือกันเกี่ยวกับการที่นายกรัฐมนตรีสุรยุทธ์ จุลานนท์ มีกำหนดจะเดินทางไปยังนครหนานหนิง เขตปกครองตนเองกวางสีของประเทศจีน ระหว่างวันที่ 30-31 ตุลาคมนี้ เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-จีนสมัยพิเศษ เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 15 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-จีน โดยรัฐมนตรีต่างประเทศจะติดตามไปด้วย
รัฐมนตรีนิตย์ฯ เผยว่า ในการประชุมสุดยอดครั้งนี้จะมีการออกแถลงการณ์ร่วมระดับผู้นำอาเซียนและจีน ซึ่งจะถือเป็นแผนที่หรือ Road map ของการดำเนินความร่วมมือระหว่างอาเซียนและจีนในหลากหลายสาขาต่อไปด้วย ทั้งนี้ มณฑลกวางสีถือเป็นมณฑลใหญ่เทียบเท่ากับประเทศประเทศหนึ่งได้ เนื่องจากมีประชากรกว่า 50 ล้านคน และในระบบของจีน กวางสีก็เป็นเขตปกครองตนเอง (autonomous region) ที่มีความสำคัญอย่างมาก เพราะรัฐบาลกลางของจีนได้มอบหมายให้เป็นด่านหน้าหรือประตูสู่อาเซียน และการที่นายกรัฐมนตรีไทยได้มีโอกาสไปประชุมที่จีนในครั้งนี้ก็จะหาโอกาสหารือทวิภาคีกับผู้นำจีนและผู้นำประเทศอื่นๆ ด้วย เพื่ออธิบายถึงสถานการณ์ทางการเมืองของไทยในปัจจุบันให้นานาประเทศได้รับทราบ
นายนิตย์ฯ กล่าวว่า สำหรับการชี้แจงต่อจีนนั้น ไม่น่าวิตกเนื่องจากผู้นำของจีนมีความเข้าใจสถานการณ์ในประเทศไทยเป็นอย่างดี รู้ถึงการคลี่คลายและพลังผลักดันสภาพการณ์ต่างๆ ทางการเมืองของไทย และเอกอัครราชทูตจาง จิ่วหวน ก็ได้ย้ำกับตนว่า จีนพร้อมที่จะสนับสนุนและให้กำลังใจประเทศไทยเพื่อให้สามารถกลับไปสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
ต่อข้อถามเกี่ยวกับมาตรการคว่ำบาตรของไทยต่อเกาหลีเหนือนั้น นายนิตย์ฯ กล่าวว่า คงไม่มีปัญหาใดๆ ในหลักการ เนื่องจากประเทศไทยเป็นสมาชิกสหประชาชาติอยู่ และจะปฏิบัติตามข้อมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ตามมาตรา 25 ของกฏบัตรสหประชาชาติ) กระทรวงการต่างประเทศได้รายงานเรื่องนี้ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน และคณะรัฐมนตรีก็ได้มีมติแล้ว ขณะนี้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องของไทยกำลังหารือกันอยู่เพื่อหาข้อสรุปในทางปฏิบัติ ว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้างในรายละเอียด เพื่อให้เป็นไปตามข้อมติสหประชาชาติดังกล่าว ซึ่งมีหลายด้านและเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน และ กระทรวงการต่างประเทศจะทำหน้าที่เป็นผู้เรียกประชุมหน่วยราชการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ น่าจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับขั้นตอนการปฏิบัติในเรื่องนี้ได้ภายใน 30 วัน
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
เมื่อวันพุธที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2549 เวลา 10.30 น. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายจาง จิ่วหวน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้เข้าเยี่ยมคารวะนายนิตย์ พิบูลสงคราม รัฐมนตรีว่าการกระทรวง การต่างประเทศ ในโอกาสที่เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี
ในโอกาสนี้ เอกอัครราชทูตจีนได้นำความปรารถนาดีจากนายหลี่ จ้าวชิง รัฐมนตรีต่างประเทศจีน มาแจ้งแก่รัฐมนตรีต่างประเทศไทยด้วย และยืนยันว่า จีนเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเมื่อวันที่ 19 กันยายน เป็นเรื่องภายในของไทย ซึ่งจีนจะไม่แทรกแซง รัฐบาลจีนยินดีที่จะร่วมทำงานกับรัฐบาลไทยต่อไปเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน และจะยังคงให้ความร่วมมือกับไทยต่อไปตามโครงการความร่วมมือที่มีอยู่แล้ว
หลังจากการเยี่ยมคารวะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวต่อสื่อมวลชนว่า จีนและไทยมีความสัมพันธ์กันอย่างดียิ่งในทุกด้าน ขณะนี้ทั้งสองประเทศกำลังอยู่ระหว่างยกร่างแผนปฏิบัติการร่วมไทย-จีน อันจะมีทั้งหมด 15 หัวข้อ ครอบคลุมทุกสาขาความร่วมมือ รวมทั้งโครงการความช่วยเหลือต่างๆ ที่ประเทศจีนให้กับไทย รวมทั้งโครงการความร่วมมือที่สืบเนื่องจากความช่วยเหลือที่จีนได้ให้กับไทยกรณีธรณีพิบัติภัย (สึนามิ) เมื่อปลายปี 2547
นอกจากนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศและเอกอัครราชทูตจีนยังได้หารือกันเกี่ยวกับการที่นายกรัฐมนตรีสุรยุทธ์ จุลานนท์ มีกำหนดจะเดินทางไปยังนครหนานหนิง เขตปกครองตนเองกวางสีของประเทศจีน ระหว่างวันที่ 30-31 ตุลาคมนี้ เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-จีนสมัยพิเศษ เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 15 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-จีน โดยรัฐมนตรีต่างประเทศจะติดตามไปด้วย
รัฐมนตรีนิตย์ฯ เผยว่า ในการประชุมสุดยอดครั้งนี้จะมีการออกแถลงการณ์ร่วมระดับผู้นำอาเซียนและจีน ซึ่งจะถือเป็นแผนที่หรือ Road map ของการดำเนินความร่วมมือระหว่างอาเซียนและจีนในหลากหลายสาขาต่อไปด้วย ทั้งนี้ มณฑลกวางสีถือเป็นมณฑลใหญ่เทียบเท่ากับประเทศประเทศหนึ่งได้ เนื่องจากมีประชากรกว่า 50 ล้านคน และในระบบของจีน กวางสีก็เป็นเขตปกครองตนเอง (autonomous region) ที่มีความสำคัญอย่างมาก เพราะรัฐบาลกลางของจีนได้มอบหมายให้เป็นด่านหน้าหรือประตูสู่อาเซียน และการที่นายกรัฐมนตรีไทยได้มีโอกาสไปประชุมที่จีนในครั้งนี้ก็จะหาโอกาสหารือทวิภาคีกับผู้นำจีนและผู้นำประเทศอื่นๆ ด้วย เพื่ออธิบายถึงสถานการณ์ทางการเมืองของไทยในปัจจุบันให้นานาประเทศได้รับทราบ
นายนิตย์ฯ กล่าวว่า สำหรับการชี้แจงต่อจีนนั้น ไม่น่าวิตกเนื่องจากผู้นำของจีนมีความเข้าใจสถานการณ์ในประเทศไทยเป็นอย่างดี รู้ถึงการคลี่คลายและพลังผลักดันสภาพการณ์ต่างๆ ทางการเมืองของไทย และเอกอัครราชทูตจาง จิ่วหวน ก็ได้ย้ำกับตนว่า จีนพร้อมที่จะสนับสนุนและให้กำลังใจประเทศไทยเพื่อให้สามารถกลับไปสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
ต่อข้อถามเกี่ยวกับมาตรการคว่ำบาตรของไทยต่อเกาหลีเหนือนั้น นายนิตย์ฯ กล่าวว่า คงไม่มีปัญหาใดๆ ในหลักการ เนื่องจากประเทศไทยเป็นสมาชิกสหประชาชาติอยู่ และจะปฏิบัติตามข้อมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ตามมาตรา 25 ของกฏบัตรสหประชาชาติ) กระทรวงการต่างประเทศได้รายงานเรื่องนี้ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน และคณะรัฐมนตรีก็ได้มีมติแล้ว ขณะนี้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องของไทยกำลังหารือกันอยู่เพื่อหาข้อสรุปในทางปฏิบัติ ว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้างในรายละเอียด เพื่อให้เป็นไปตามข้อมติสหประชาชาติดังกล่าว ซึ่งมีหลายด้านและเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน และ กระทรวงการต่างประเทศจะทำหน้าที่เป็นผู้เรียกประชุมหน่วยราชการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ น่าจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับขั้นตอนการปฏิบัติในเรื่องนี้ได้ภายใน 30 วัน
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-