เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้วิเคราะห์ไว้ว่า การคัดเลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการคัดเลือกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ หากได้บุคคลที่ไม่เหมาะสม เพราะได้มาในลักษณะพวกพ้องก็จะกลายเป็นลูกตุ้มถ่วงความเชื่อมั่นของรัฐบาล และ คมช.ให้ตกต่ำลงไปอีก
มาถึงวันนี้ในขณะที่ลูกตุ้มถ่วงดังกล่าวยังมาไม่ถึงก็ปรากฏลูกตุ้มถ่วงลูกใหม่ใหญ่กว่า และหนักกว่าได้มาถึงก่อนแล้ว คือหวยบนดิน มรดกบาปจากรัฐบาลทักษิณ ซึ่งขณะนี้ก็ยังเป็นข่าวเกรียวกราวและเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันเป็นอันมาก
ความจริงเรื่องหวยบนดินเคยเกรียวกราว และเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันมาแล้ว เมื่อประมาณช่วงปลายปี 2546 ในเวลาที่รัฐบาลทักษิณ เริ่มลงมือดำเนินการ โดยให้เหตุผลว่า ทำเป็นหวยบนดินให้ถูกกฎหมาย เพื่อปราบหวยใต้ดินให้หมดสิ้นไป และเพื่อขจัดอิทธิพลนายทุนหวยในท้องถิ่นท่ามกลางเสียงคัดค้านของบุคคลหลายวงการ
คณะกรรมาธิการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนสภาผู้แทนราษฎรบอกว่าทำไม่ได้ เพราะไม่มีกฎหมายรองรับ รัฐบาลทักษิณก็บอกว่าทำได้
นักวิชาการโดยมหาวิทยาลัยเอกชนบางแห่ง จัดให้มีการเสวนากันและบอกว่า หวยเป็นกิจกรรมที่ทำร้ายคนจน เพราะในทางเศรษฐศาสตร์การคลัง หวยและลอตเตอรี่คือภาษีคนจนทั้งแนวคิดที่ว่ารวยเพราะถูกหวย ไม่ใช่การทำงานเป็นการค้านกับหลักเศรษฐศาสตร์ การหมกมุ่นในเรื่องหวย จะทำให้คนไทยทำงานน้อยลง รัฐบาลทักษิณ ก็ไม่ฟังเสียง
บอกกันถึงขนาดว่า จากการทำสำรวจในขณะนั้น พบว่าประชาชนใช้เงินในการซื้อหวย โดยเฉลี่ยคนละงวดละ 300 บาท หากมีคนเล่น 2 ล้านคน ทำให้สูญเสียเงิน 1,200 ล้านบาท / เดือน หรือประมาณ 15,000 ล้านบาท / ปี รัฐบาลทักษิณ ก็ไม่ฟังอยู่ดี
ผมเองก็เคยค้านด้วยเหตุผลคล้ายๆกัน นายกฯทักษิณกลับย้อนถามเสียอีกว่า ต้องการช่วยเหลือเจ้ามือหวยใต้ดินในท้องถิ่นหรืออย่างไร
แล้วหวยบนดินของรัฐบาลทักษิณก็ดำเนินการเรื่อยมา เมื่อเห็นมีคนค้านกันมากๆ นายกฯทักษิณก็ประกาศคืนกำไรให้เป็นทุนการศึกษาแก่นักเรียนและนักศึกษาเสียอีก ก็มีคนค้านอีก รวมทั้งตัวผมด้วย บอกว่าการให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียน นักศึกษา เป็นเรื่องดี แต่อยากให้กองสลาก ส่งเป็นรายได้ให้กระทรวงการคลังเสียก่อน แล้วกระทรวงการคลังค่อยจัดสรรให้เป็นทุนการศึกษาโดยรวม อย่างนี้จะดูดีกว่า เพราะจะไม่รู้สึกว่าเป็นทุนจากหวย จากการพนัน ซึ่งดูไม่ดี นายกฯทักษิณก็ไม่ฟังเสียงอีกเหมือนเคย
หวยบนดินของรัฐบาลทักษิณ ได้ดำเนินมาด้วยการโฆษณาอย่างอึกทึกครึกโครมไม่แพ้การทำโปรโมชั่นของค่ายโทรศัพท์มือถือ มีการถ่ายทอดสดการออกรางวัลทางโทรทัศน์ มีรางวัลแจ็คพอต อีกต่างหาก และมีการทำข่าวผู้ถูกรางวัลทางหน้าหนังสือพิมพ์ หวยบนดินก็ขายดีเป็นพิเศษ ดีขึ้นจนนักวิชาการบางคนที่เคยทำวิจัยเรื่องหวยใต้ดิน และเสนอให้นำหวยใต้ดินมาทำเป็นหวยบนดิน ต้องออกมาแสดงความเห็นว่า รู้สึกผิดหวังกับการดำเนินการของภาครัฐ เพราะเป้าหมายเดิม ไม่ต้องการให้คนเล่นหวยเพิ่ม แต่เป็นการนำเอาธุรกิจใต้ดินที่คาดว่าจะมียอดวงเงินถึง 3 — 4 แสนล้านบาท / ปี มีผู้เกี่ยวข้องกว่า 20 ล้านคน มาทำให้ถูกกฎหมาย แต่ในขณะนี้กลับพบว่า มีผู้เล่นหวยเพิ่มมากขึ้น โดยที่หวยใต้ดินก็ยังมีอยู่ แต่มีหวยบนดินมาเป็นตัวเสริมเพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าเดือนละ 1,000 ล้านบาท ด้วยสาเหตุที่นายกฯทักษิณออกมาประชาสัมพันธ์เรื่องหวยบนดินเสียเอง
แต่นายกฯทักษิณ เจ้าของนโยบายเรื่องนี้ในขณะนั้น ก็ยังสบายๆไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรด้วย ก็จะไปทุกข์ร้อนทำไม เพราะโดยเฉลี่ยแล้วในแต่ละงวด กองสลากมีกำไรประมาณ 400 ล้านบาท ซึ่งถ้าหากนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2546 ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นโครงการนี้มา จนถึงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2549 อันเป็นงวดสุดท้าย นับได้เป็น 80 งวด ลองเอา 400 ล้านบาท คูณด้วย 80 ดูเถอะครับ ยอดเงินทั้งหมดเป็นเท่าไหร่ และที่สำคัญก็คือว่า นายกรัฐมนตรี มีอำนาจอย่างเต็มที่ที่จะอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินก้อนนี้ได้ ซึ่งก็เห็นชัดเจนกันอยู่แล้วว่า ในเวลาที่นายกฯทักษิณออก ครม.สัญจร หรือทัวร์นกขมิ้นไปตามต่างจังหวัด บุรุษหนึ่งซึ่งทำหน้าที่เป็นถุงเงิน เดินเคียงข้างนายกฯทักษิณอยู่เสมอก็คือ พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงษ์ ตำรวจด้วยกัน ซึ่งย้ายมาดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ในยุครัฐบาลทักษิณ และทั้งก็ยังมีข้อมูลว่า ในยุคของผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลคนนี้ กองสลากได้จ่ายเงินที่เป็นรายได้มาจากการขายหวยบนดินให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้นสังกัดเดิมของตนเอง ถึงกว่า 2,000 ล้านบาท นัยว่าส่วนหนึ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการปราบปรามหวยใต้ดิน ทั้งๆที่คนที่ชอบเล่นหวยใต้ดินก็คงจะรู้ดีว่า หวยใต้ดินก็ยังมีขายกันอยู่
อาจเป็นไปตามคำพังเพยของคนโบราณที่ว่า “เมื่อน้ำมาปลากินมด เมื่อน้ำลดมดกินปลา ” ก็เป็นได้เพราะมาบัดนี้ คณะกรรมการกฤษฎีกาคณะพิเศษ ได้ตอบข้อหารือของกระทรวงการคลังในปัญหาข้อกฏหมายเกี่ยวกับการออกสลากพิเศษ แบบเลขท้าย 3 ตัว 2 ตัว ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลว่าหวยบนดินที่รัฐบาลทักษิณทำไว้ผิดกฏหมาย จะอ้างว่าทำโดยอาศัยมติคณะรัฐมนตรีกำหนดก็ไม่ได้ เพราะมติคณะรัฐมนตรีไม่ใช่กฏหมาย ลบล้างกฏหมายไม่ได้ จึงต้องแก้ไขปรับปรุงหรือยกเลิกเสีย ซึ่งความจริงก็เป็นเรื่อวงที่คณะกรรมาธิการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนของสภาผู้แทนราษฎรเขาเคยเตือนไว้แล้ว แต่รัฐบาลทักษิณไม่ยอมฟัง
เมื่อคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะพิเศษ มีมติว่า ผิดกฏหมายทำไม่ได้และมติคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลทักษิณก็ ฝ่าฝืนกฏหมาย ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีของรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา จึงได้มีมติให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลทักษิณเดิม เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2546 เสีย พร้อมๆกับได้มีมติเห็นชอบในการแก้ไข พระราชบัญญัติสำนักงานสลากินแบ่งรัฐบาล พ.ศ.2517 เพื่อให้การออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว 2 ตัว หรือหวยบนดินของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ทำได้โดยชอบด้วยกฏหมาย โดยจะเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้พิจารณาต่อไป และให้มีบทเฉพาะกาลให้ส่งเงินที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้รับจากการจำหน่ายหวยบนดินที่ดำเนินการมาแล้วและยังคงเหลืออยู่เป็นรายได้แผ่นดินทั้งหมด พร้อมๆกับให้มีการวางมาตรการไม่ให้เป็นการยุยงงส่งเสริมให้ประชาชนนิยมเล่นหวยมากขึ้นอีก เช่น การห้ามโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ห้ามการถ่ายทอดสดการออกหวย หรือนำเอาผู้ถูกหวยมาออกข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์ต่อไปอีก
การนำเอาเงินรายได้ที่เหลืออยู่ส่งเป็นรายได้แผ่นดินเป็นเรื่องดี การวางมาตรการมิให้ยั่วยุให้ผู้คน นิยมชมชอบการเล่นหวย ก็เป็นเรื่องถูกต้อง
แต่การปรับปรุงก้ไขพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ.2517 เพื่อให้การออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว 2 ตัว หรือหวยบนดิน ให้ทำได้โดยชอบด้วยกฏหมายนั้นไม่ดี และไม่ถูกต้องแน่
ผมเข้าใจในเหตุผล ความคิดอ่านของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังว่า การมารับตำแหน่งในช่วงที่ฐานะการคลังมีปัญหา เพราะนโยบายประชานิยมของรัฐบาลทักษิณ สร้างภาระหนี้สินไว้มากมาย รายได้ใดที่มีพอจะช่วยแก้ปัญหาให้ได้ ก็ย่อมจะต้องสนใจเป็นธรรมดา แต่เรื่องนี้ไม่ธรรมดา สำหรับรัฐบาลนี้ และหากเดินหน้าต่อไปก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่
ที่ผมบอกว่า เรื่องนี้ไม่ธรรมดาของรัฐบาลนี้ และหากเดินหน้าต่อไปก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้นั้น ก็เพราะว่า
1. รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่เกิดขึ้นภายหลังจากการยึดอำนาจรัฐบาลก่อน โดยอ้างเหตุของความขัดแย้ง แตกแยกการขาดคุณธรรมและจริยธรรมในสังคม การทุจริตคอรัปชั่นที่แพร่หลายอย่างกว้างขวางและการขาดหลักนิติธรรม
เหตุเหล่านี้ล้วนเป็นเหตุ ที่จำต้องช่วยกันกำจัดเสียทั้งสิ้น จึงไม่ควรจะมีขึ้นใหม่ในรัฐบาลนี้ การทำสิ่งผิดกฏหมายให้ถูกกฏหมาย จึงไม่ใช่เรื่องที่ควรแก่การสนับสนุนส่งเสริม จะบอกว่าทำหวยบนดินให้ถูกกฏหมาย เพื่อปราบหวยใต้ดิน ก็เห็นๆกันอยู่แล้วว่า ในที่สุดก็มีทั้งบนดินและใต้ดินเปรอะกันไปหมด ที่สำคัญก็คือว่า ถ้าใช้หลักคิดง่ายๆว่าสิ่งผิดกฏหมายใดที่มนุษย์ ละ เลิกไม่ค่อยได้ แล้วใช้วิธีแก้ไข โดยการทำให้ถูกกฏหมายเสียอีกหน่อย ถ้ามีการค้าประเวณี ซึ่งผิดกฏหมายอยู่แล้วมากๆเข้า ประเทศไทยของเรามิต้องจัดดำเนินการให้มีการจดทะเบียนการค้าประเวณีกันอีกหรือ
2. ข้อเท็จจริงในสังคม ซึ่งดูจะเป็นที่ยอมรับกันอยู่ทั่วไปแล้วก็คือว่า การกระทำอันเป็นการผิดกฏหมายและเป็นข้อห้ามกระทำในสังคม เมื่อใดก็ตามที่ข้อห้ามดังกล่าวได้รับการยอมรับให้กระทำได้ โดยชอบด้วยกฏหมาย เมื่อนั้นก็จะมีการกระทำที่เพิ่มมากขึ้น แพร่หลายยิ่งขึ้นในทันที เพราะมีความรู้สึกว่าสังคมยอมรับแล้ว กรณีหวยบนดินของรัฐบาลทักษิณก็เป็นตัวอย่างให้เป็นอยู่แล้ว ถึงขนาดหนักวิชาการที่ทำวิจัยเรื่องนี้ต้องยอมรับว่า มีคนเล่นหวยเพิ่มมากขึ้นจริงๆ และด้วยความนิยมชมชอบเสียด้วย จึงไม่ควรจะแปลกใจว่า หากมีการทำโพลหาคำตอบ ก็อาจจะได้คำตอบว่า เห็นด้วย กับการทำหวยให้ถูกกฏหมาย
ปัญหาจึงมีว่า แล้วรัฐบาลนี้ซึ่งชูเศรษฐกิจพอเพียงเป็นธงนำยังจะพอใจในคำตอบนี้ และมีความพึงพอใจที่ได้เห็นผู้คนในประเทศของเรา หมกหมุ่นอยู่กับการเล่นหวย หวังสร้างอนาคตให้ร่ำรวยอยู่กับหวยกระนั้นหรือ
3. ด้วยเหตุที่การยึดอำนาจ ได้กล่าวอ้างถึงเหตุการทุจริตคอรัปชั่นที่แพร่หลายอย่างกว้างขวางและมีการแต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบการดำเนินการอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ขึ้นมาตรวจสอบการดำเนินการดังกล่าว เพื่อหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ และหาผู้รับผิดชอบ ซึ่งดูจะเป็นเรื่องหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่ทำให้ผู้คนที่รักความเป็นธรรมในประเทศพอจะมีความหวังอยู่บ้าง
เรื่องหวยบนดินของรัฐบาลทักษิณฯ ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ได้มีการกล่าวหาต่อ คตส.แล้ว และมีการแต่งตั้งผู้รับผิดชอบที่จะพิจารณาดำเนินการแล้วด้วย
หากรัฐบาลเสนอพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ.2517 ให้การออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว 2 ตัว คือ หวยบนดิน สามารถทำได้โดยชอบด้วยกฏหมายแล้วผลที่เกิดขึ้นก็จะเป็นไปตามหลักในประมวลกฏหมายอาญาที่ว่า
“ถ้าตามบทบัญญัติของกฏหมายที่บัญญัติในภายหลัง การกระทำเช่นนั้น ไม่เป็นความผิดอีกต่อไปให้ผู้ที่ได้กระทำความผิดนั้น พ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิด และถ้าได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษแล้วก็ให้ถือว่า ผู้นั้นไม่เคยต้องคำพิพากษา ว่าได้กระทำความผิดนั้น ถ้าได้รับโทษอยู่ก็ให้การลงโทษนั้นสิ้นสุดลง”
ก็เท่ากับนิรโทษกรรมให้แก่ผู้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดที่เกี่ยวกับหวยบนดินในรัฐบาลทักษิณเลยทีเดียว การเร่งรัดการตรวจสอบโดย คตส. ในเรื่องนี้ก็เป็นอันต้องระงับลง ใช่หรือไม่แล้วจะยอมกันได้หรือ แต่ที่อันตรายที่สุดสำหรับรัฐบาลก็คือว่า อาจทำให้เข้าใจได้ว่านี่หมายถึง การสมยอมกับรัฐบาลทักษิณไปเสียแล้ว แล้วอย่างนี้ความเชื่อมั่นที่มีต่อรัฐบาลนี้ ต่อนายกรัฐมนตรีฯ พล.อ.สุรยุทธ์ ก็คงจะมีอันต้องลดลงไปอีกอย่างแน่นอน เพราะหวยบนดินเป็นตัวถ่วงความเชื่อมั่นเข้าให้แล้ว
ผมจึงอยากเห็นท่านนายกรัฐมนตรีฯ พล.อ.สุรยุทธ์ มีความรัดกุมมากกว่านี้ เรื่องจัดระเบียบหวยก็ต้องจัด แต่จัดแล้ว ทำให้ขาเชียร์ เสียความเชื่อมั่น เพราะไปเข้าทางอีกข้างหนึ่ง คงไม่ดีแน่ ยังมีงานใหญ่ที่ท้าทายให้ต้องทำอีกมากมายนัก รับฟังเสียงทักท้วงรอบด้านเสียก่อนก็น่าจะดี.
***********************
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 24 พ.ย. 2549--จบ--
มาถึงวันนี้ในขณะที่ลูกตุ้มถ่วงดังกล่าวยังมาไม่ถึงก็ปรากฏลูกตุ้มถ่วงลูกใหม่ใหญ่กว่า และหนักกว่าได้มาถึงก่อนแล้ว คือหวยบนดิน มรดกบาปจากรัฐบาลทักษิณ ซึ่งขณะนี้ก็ยังเป็นข่าวเกรียวกราวและเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันเป็นอันมาก
ความจริงเรื่องหวยบนดินเคยเกรียวกราว และเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันมาแล้ว เมื่อประมาณช่วงปลายปี 2546 ในเวลาที่รัฐบาลทักษิณ เริ่มลงมือดำเนินการ โดยให้เหตุผลว่า ทำเป็นหวยบนดินให้ถูกกฎหมาย เพื่อปราบหวยใต้ดินให้หมดสิ้นไป และเพื่อขจัดอิทธิพลนายทุนหวยในท้องถิ่นท่ามกลางเสียงคัดค้านของบุคคลหลายวงการ
คณะกรรมาธิการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนสภาผู้แทนราษฎรบอกว่าทำไม่ได้ เพราะไม่มีกฎหมายรองรับ รัฐบาลทักษิณก็บอกว่าทำได้
นักวิชาการโดยมหาวิทยาลัยเอกชนบางแห่ง จัดให้มีการเสวนากันและบอกว่า หวยเป็นกิจกรรมที่ทำร้ายคนจน เพราะในทางเศรษฐศาสตร์การคลัง หวยและลอตเตอรี่คือภาษีคนจนทั้งแนวคิดที่ว่ารวยเพราะถูกหวย ไม่ใช่การทำงานเป็นการค้านกับหลักเศรษฐศาสตร์ การหมกมุ่นในเรื่องหวย จะทำให้คนไทยทำงานน้อยลง รัฐบาลทักษิณ ก็ไม่ฟังเสียง
บอกกันถึงขนาดว่า จากการทำสำรวจในขณะนั้น พบว่าประชาชนใช้เงินในการซื้อหวย โดยเฉลี่ยคนละงวดละ 300 บาท หากมีคนเล่น 2 ล้านคน ทำให้สูญเสียเงิน 1,200 ล้านบาท / เดือน หรือประมาณ 15,000 ล้านบาท / ปี รัฐบาลทักษิณ ก็ไม่ฟังอยู่ดี
ผมเองก็เคยค้านด้วยเหตุผลคล้ายๆกัน นายกฯทักษิณกลับย้อนถามเสียอีกว่า ต้องการช่วยเหลือเจ้ามือหวยใต้ดินในท้องถิ่นหรืออย่างไร
แล้วหวยบนดินของรัฐบาลทักษิณก็ดำเนินการเรื่อยมา เมื่อเห็นมีคนค้านกันมากๆ นายกฯทักษิณก็ประกาศคืนกำไรให้เป็นทุนการศึกษาแก่นักเรียนและนักศึกษาเสียอีก ก็มีคนค้านอีก รวมทั้งตัวผมด้วย บอกว่าการให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียน นักศึกษา เป็นเรื่องดี แต่อยากให้กองสลาก ส่งเป็นรายได้ให้กระทรวงการคลังเสียก่อน แล้วกระทรวงการคลังค่อยจัดสรรให้เป็นทุนการศึกษาโดยรวม อย่างนี้จะดูดีกว่า เพราะจะไม่รู้สึกว่าเป็นทุนจากหวย จากการพนัน ซึ่งดูไม่ดี นายกฯทักษิณก็ไม่ฟังเสียงอีกเหมือนเคย
หวยบนดินของรัฐบาลทักษิณ ได้ดำเนินมาด้วยการโฆษณาอย่างอึกทึกครึกโครมไม่แพ้การทำโปรโมชั่นของค่ายโทรศัพท์มือถือ มีการถ่ายทอดสดการออกรางวัลทางโทรทัศน์ มีรางวัลแจ็คพอต อีกต่างหาก และมีการทำข่าวผู้ถูกรางวัลทางหน้าหนังสือพิมพ์ หวยบนดินก็ขายดีเป็นพิเศษ ดีขึ้นจนนักวิชาการบางคนที่เคยทำวิจัยเรื่องหวยใต้ดิน และเสนอให้นำหวยใต้ดินมาทำเป็นหวยบนดิน ต้องออกมาแสดงความเห็นว่า รู้สึกผิดหวังกับการดำเนินการของภาครัฐ เพราะเป้าหมายเดิม ไม่ต้องการให้คนเล่นหวยเพิ่ม แต่เป็นการนำเอาธุรกิจใต้ดินที่คาดว่าจะมียอดวงเงินถึง 3 — 4 แสนล้านบาท / ปี มีผู้เกี่ยวข้องกว่า 20 ล้านคน มาทำให้ถูกกฎหมาย แต่ในขณะนี้กลับพบว่า มีผู้เล่นหวยเพิ่มมากขึ้น โดยที่หวยใต้ดินก็ยังมีอยู่ แต่มีหวยบนดินมาเป็นตัวเสริมเพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าเดือนละ 1,000 ล้านบาท ด้วยสาเหตุที่นายกฯทักษิณออกมาประชาสัมพันธ์เรื่องหวยบนดินเสียเอง
แต่นายกฯทักษิณ เจ้าของนโยบายเรื่องนี้ในขณะนั้น ก็ยังสบายๆไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรด้วย ก็จะไปทุกข์ร้อนทำไม เพราะโดยเฉลี่ยแล้วในแต่ละงวด กองสลากมีกำไรประมาณ 400 ล้านบาท ซึ่งถ้าหากนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2546 ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นโครงการนี้มา จนถึงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2549 อันเป็นงวดสุดท้าย นับได้เป็น 80 งวด ลองเอา 400 ล้านบาท คูณด้วย 80 ดูเถอะครับ ยอดเงินทั้งหมดเป็นเท่าไหร่ และที่สำคัญก็คือว่า นายกรัฐมนตรี มีอำนาจอย่างเต็มที่ที่จะอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินก้อนนี้ได้ ซึ่งก็เห็นชัดเจนกันอยู่แล้วว่า ในเวลาที่นายกฯทักษิณออก ครม.สัญจร หรือทัวร์นกขมิ้นไปตามต่างจังหวัด บุรุษหนึ่งซึ่งทำหน้าที่เป็นถุงเงิน เดินเคียงข้างนายกฯทักษิณอยู่เสมอก็คือ พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงษ์ ตำรวจด้วยกัน ซึ่งย้ายมาดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ในยุครัฐบาลทักษิณ และทั้งก็ยังมีข้อมูลว่า ในยุคของผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลคนนี้ กองสลากได้จ่ายเงินที่เป็นรายได้มาจากการขายหวยบนดินให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้นสังกัดเดิมของตนเอง ถึงกว่า 2,000 ล้านบาท นัยว่าส่วนหนึ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการปราบปรามหวยใต้ดิน ทั้งๆที่คนที่ชอบเล่นหวยใต้ดินก็คงจะรู้ดีว่า หวยใต้ดินก็ยังมีขายกันอยู่
อาจเป็นไปตามคำพังเพยของคนโบราณที่ว่า “เมื่อน้ำมาปลากินมด เมื่อน้ำลดมดกินปลา ” ก็เป็นได้เพราะมาบัดนี้ คณะกรรมการกฤษฎีกาคณะพิเศษ ได้ตอบข้อหารือของกระทรวงการคลังในปัญหาข้อกฏหมายเกี่ยวกับการออกสลากพิเศษ แบบเลขท้าย 3 ตัว 2 ตัว ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลว่าหวยบนดินที่รัฐบาลทักษิณทำไว้ผิดกฏหมาย จะอ้างว่าทำโดยอาศัยมติคณะรัฐมนตรีกำหนดก็ไม่ได้ เพราะมติคณะรัฐมนตรีไม่ใช่กฏหมาย ลบล้างกฏหมายไม่ได้ จึงต้องแก้ไขปรับปรุงหรือยกเลิกเสีย ซึ่งความจริงก็เป็นเรื่อวงที่คณะกรรมาธิการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนของสภาผู้แทนราษฎรเขาเคยเตือนไว้แล้ว แต่รัฐบาลทักษิณไม่ยอมฟัง
เมื่อคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะพิเศษ มีมติว่า ผิดกฏหมายทำไม่ได้และมติคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลทักษิณก็ ฝ่าฝืนกฏหมาย ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีของรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา จึงได้มีมติให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลทักษิณเดิม เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2546 เสีย พร้อมๆกับได้มีมติเห็นชอบในการแก้ไข พระราชบัญญัติสำนักงานสลากินแบ่งรัฐบาล พ.ศ.2517 เพื่อให้การออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว 2 ตัว หรือหวยบนดินของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ทำได้โดยชอบด้วยกฏหมาย โดยจะเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้พิจารณาต่อไป และให้มีบทเฉพาะกาลให้ส่งเงินที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้รับจากการจำหน่ายหวยบนดินที่ดำเนินการมาแล้วและยังคงเหลืออยู่เป็นรายได้แผ่นดินทั้งหมด พร้อมๆกับให้มีการวางมาตรการไม่ให้เป็นการยุยงงส่งเสริมให้ประชาชนนิยมเล่นหวยมากขึ้นอีก เช่น การห้ามโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ห้ามการถ่ายทอดสดการออกหวย หรือนำเอาผู้ถูกหวยมาออกข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์ต่อไปอีก
การนำเอาเงินรายได้ที่เหลืออยู่ส่งเป็นรายได้แผ่นดินเป็นเรื่องดี การวางมาตรการมิให้ยั่วยุให้ผู้คน นิยมชมชอบการเล่นหวย ก็เป็นเรื่องถูกต้อง
แต่การปรับปรุงก้ไขพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ.2517 เพื่อให้การออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว 2 ตัว หรือหวยบนดิน ให้ทำได้โดยชอบด้วยกฏหมายนั้นไม่ดี และไม่ถูกต้องแน่
ผมเข้าใจในเหตุผล ความคิดอ่านของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังว่า การมารับตำแหน่งในช่วงที่ฐานะการคลังมีปัญหา เพราะนโยบายประชานิยมของรัฐบาลทักษิณ สร้างภาระหนี้สินไว้มากมาย รายได้ใดที่มีพอจะช่วยแก้ปัญหาให้ได้ ก็ย่อมจะต้องสนใจเป็นธรรมดา แต่เรื่องนี้ไม่ธรรมดา สำหรับรัฐบาลนี้ และหากเดินหน้าต่อไปก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่
ที่ผมบอกว่า เรื่องนี้ไม่ธรรมดาของรัฐบาลนี้ และหากเดินหน้าต่อไปก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้นั้น ก็เพราะว่า
1. รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่เกิดขึ้นภายหลังจากการยึดอำนาจรัฐบาลก่อน โดยอ้างเหตุของความขัดแย้ง แตกแยกการขาดคุณธรรมและจริยธรรมในสังคม การทุจริตคอรัปชั่นที่แพร่หลายอย่างกว้างขวางและการขาดหลักนิติธรรม
เหตุเหล่านี้ล้วนเป็นเหตุ ที่จำต้องช่วยกันกำจัดเสียทั้งสิ้น จึงไม่ควรจะมีขึ้นใหม่ในรัฐบาลนี้ การทำสิ่งผิดกฏหมายให้ถูกกฏหมาย จึงไม่ใช่เรื่องที่ควรแก่การสนับสนุนส่งเสริม จะบอกว่าทำหวยบนดินให้ถูกกฏหมาย เพื่อปราบหวยใต้ดิน ก็เห็นๆกันอยู่แล้วว่า ในที่สุดก็มีทั้งบนดินและใต้ดินเปรอะกันไปหมด ที่สำคัญก็คือว่า ถ้าใช้หลักคิดง่ายๆว่าสิ่งผิดกฏหมายใดที่มนุษย์ ละ เลิกไม่ค่อยได้ แล้วใช้วิธีแก้ไข โดยการทำให้ถูกกฏหมายเสียอีกหน่อย ถ้ามีการค้าประเวณี ซึ่งผิดกฏหมายอยู่แล้วมากๆเข้า ประเทศไทยของเรามิต้องจัดดำเนินการให้มีการจดทะเบียนการค้าประเวณีกันอีกหรือ
2. ข้อเท็จจริงในสังคม ซึ่งดูจะเป็นที่ยอมรับกันอยู่ทั่วไปแล้วก็คือว่า การกระทำอันเป็นการผิดกฏหมายและเป็นข้อห้ามกระทำในสังคม เมื่อใดก็ตามที่ข้อห้ามดังกล่าวได้รับการยอมรับให้กระทำได้ โดยชอบด้วยกฏหมาย เมื่อนั้นก็จะมีการกระทำที่เพิ่มมากขึ้น แพร่หลายยิ่งขึ้นในทันที เพราะมีความรู้สึกว่าสังคมยอมรับแล้ว กรณีหวยบนดินของรัฐบาลทักษิณก็เป็นตัวอย่างให้เป็นอยู่แล้ว ถึงขนาดหนักวิชาการที่ทำวิจัยเรื่องนี้ต้องยอมรับว่า มีคนเล่นหวยเพิ่มมากขึ้นจริงๆ และด้วยความนิยมชมชอบเสียด้วย จึงไม่ควรจะแปลกใจว่า หากมีการทำโพลหาคำตอบ ก็อาจจะได้คำตอบว่า เห็นด้วย กับการทำหวยให้ถูกกฏหมาย
ปัญหาจึงมีว่า แล้วรัฐบาลนี้ซึ่งชูเศรษฐกิจพอเพียงเป็นธงนำยังจะพอใจในคำตอบนี้ และมีความพึงพอใจที่ได้เห็นผู้คนในประเทศของเรา หมกหมุ่นอยู่กับการเล่นหวย หวังสร้างอนาคตให้ร่ำรวยอยู่กับหวยกระนั้นหรือ
3. ด้วยเหตุที่การยึดอำนาจ ได้กล่าวอ้างถึงเหตุการทุจริตคอรัปชั่นที่แพร่หลายอย่างกว้างขวางและมีการแต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบการดำเนินการอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ขึ้นมาตรวจสอบการดำเนินการดังกล่าว เพื่อหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ และหาผู้รับผิดชอบ ซึ่งดูจะเป็นเรื่องหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่ทำให้ผู้คนที่รักความเป็นธรรมในประเทศพอจะมีความหวังอยู่บ้าง
เรื่องหวยบนดินของรัฐบาลทักษิณฯ ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ได้มีการกล่าวหาต่อ คตส.แล้ว และมีการแต่งตั้งผู้รับผิดชอบที่จะพิจารณาดำเนินการแล้วด้วย
หากรัฐบาลเสนอพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ.2517 ให้การออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว 2 ตัว คือ หวยบนดิน สามารถทำได้โดยชอบด้วยกฏหมายแล้วผลที่เกิดขึ้นก็จะเป็นไปตามหลักในประมวลกฏหมายอาญาที่ว่า
“ถ้าตามบทบัญญัติของกฏหมายที่บัญญัติในภายหลัง การกระทำเช่นนั้น ไม่เป็นความผิดอีกต่อไปให้ผู้ที่ได้กระทำความผิดนั้น พ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิด และถ้าได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษแล้วก็ให้ถือว่า ผู้นั้นไม่เคยต้องคำพิพากษา ว่าได้กระทำความผิดนั้น ถ้าได้รับโทษอยู่ก็ให้การลงโทษนั้นสิ้นสุดลง”
ก็เท่ากับนิรโทษกรรมให้แก่ผู้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดที่เกี่ยวกับหวยบนดินในรัฐบาลทักษิณเลยทีเดียว การเร่งรัดการตรวจสอบโดย คตส. ในเรื่องนี้ก็เป็นอันต้องระงับลง ใช่หรือไม่แล้วจะยอมกันได้หรือ แต่ที่อันตรายที่สุดสำหรับรัฐบาลก็คือว่า อาจทำให้เข้าใจได้ว่านี่หมายถึง การสมยอมกับรัฐบาลทักษิณไปเสียแล้ว แล้วอย่างนี้ความเชื่อมั่นที่มีต่อรัฐบาลนี้ ต่อนายกรัฐมนตรีฯ พล.อ.สุรยุทธ์ ก็คงจะมีอันต้องลดลงไปอีกอย่างแน่นอน เพราะหวยบนดินเป็นตัวถ่วงความเชื่อมั่นเข้าให้แล้ว
ผมจึงอยากเห็นท่านนายกรัฐมนตรีฯ พล.อ.สุรยุทธ์ มีความรัดกุมมากกว่านี้ เรื่องจัดระเบียบหวยก็ต้องจัด แต่จัดแล้ว ทำให้ขาเชียร์ เสียความเชื่อมั่น เพราะไปเข้าทางอีกข้างหนึ่ง คงไม่ดีแน่ ยังมีงานใหญ่ที่ท้าทายให้ต้องทำอีกมากมายนัก รับฟังเสียงทักท้วงรอบด้านเสียก่อนก็น่าจะดี.
***********************
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 24 พ.ย. 2549--จบ--