คำถาม : ผู้ส่งออกเฟอร์นิเจอร์ของไทยควรปรับตัวอย่างไรเพื่อรับมือกับการชะลอตัวของตลาดส่งออกหลัก
คำตอบ ปัจจุบันการส่งออกเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนของไทยไปตลาดส่งออกหลัก เช่น สหรัฐอเมริกา EU และญี่ปุ่น (มีมูลค่าส่งออกรวมกันสูงถึงร้อยละ 80 ของมูลค่าส่งออกเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนทั้งหมด) เริ่มชะลอตัวลง เนื่องจากการแข่งขันที่ค่อนข้างรุนแรงจากประเทศคู่แข่ง อาทิ จีน และเวียดนาม ซึ่งมีความได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิตที่อยู่ในระดับต่ำ จากสถานการณ์ดังกล่าว นอกจากผู้ส่งออกต้องปรับปรุงคุณภาพและพัฒนาการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดหลักแล้ว ควรเน้นส่งออกไปตลาดใหม่ โดยเฉพาะตลาดตะวันออกกลาง เช่น ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงในการรองรับเฟอร์นิเจอร์ส่งออกจากไทย เนื่องจากประชากรมีกำลังซื้อสูงด้วยรายได้เฉลี่ยเกือบ 17,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อปี อีกทั้งภาคก่อสร้างของประเทศดังกล่าวขยายตัวมาก ทำให้ความต้องการใช้เฟอร์นิเจอร์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ รายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับตลาดเฟอร์นิเจอร์ของซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีดังนี้
* ซาอุดีอาระเบีย
- ขนาดและลักษณะตลาด ซาอุดีอาระเบียเป็นตลาดเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง ด้วยยอดจำหน่ายราว 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ขณะที่มีผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ในประเทศเพียง 150 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ผลิตขนาดเล็ก ทำให้ต้องพึ่งพาเฟอร์นิเจอร์นำเข้าในสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 70 ของยอดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ในประเทศ ทั้งนี้ เป็นที่คาดว่าความต้องการใช้เฟอร์นิเจอร์ในบ้านของซาอุดีอาระเบียจะเพิ่มขึ้นมากในระยะข้างหน้า เนื่องจากปัจจุบันประชากรของซาอุดีอาระเบียที่มีอายุต่ำกว่า 21 ปี มีถึงครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งประเทศ ทำให้การก่อสร้างที่พักอาศัยใหม่มีแนวโน้มขยายตัวสูง
- รสนิยม เฟอร์นิเจอร์ที่จำหน่ายในซาอุดีอาระเบียเป็นเฟอร์นิเจอร์สำหรับใช้ในบ้านร้อยละ 65 อีกร้อยละ 35 เป็นเฟอร์นิเจอร์ใช้ในสำนักงาน ทั้งนี้ เฟอร์นิเจอร์ที่จำหน่ายในตลาดระดับล่างส่วนใหญ่เป็นเฟอร์นิเจอร์หนัง และเฟอร์นิเจอร์เหล็ก ซึ่งผลิตโดยผู้ผลิตในประเทศ ขณะที่ตลาดระดับกลางถึงระดับบนส่วนใหญ่นิยมเฟอร์นิเจอร์ไม้นำเข้า ทั้งนี้ เฟอร์นิเจอร์ที่ส่งออกไปซาอุดีอาระเบียไม่ควรมีลักษณะคล้ายรูปคนหรือรูปสัตว์ เนื่องจากขัดกับหลักศาสนา
- คู่แข่ง แหล่งนำเข้าเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนสำคัญของซาอุดีอาระเบีย คือ อิตาลี ครองส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 25 รองลงมา คือ ฝรั่งเศส มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 6 สเปน ร้อยละ 5 ขณะที่ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ มาเลเซีย และไทย มีส่วนแบ่งตลาดรวมกันราวร้อยละ 10
- อัตราภาษี ซาอุดีอาระเบียเรียกเก็บภาษีนำเข้าเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนในอัตราร้อยละ 5
* สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
- ขนาดและลักษณะตลาด แม้ตลาดเฟอร์นิเจอร์ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มีขนาดเล็กกว่าตลาดซาอุดีอาระเบีย แต่มีอัตราขยายตัวเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 30 ต่อปี (สูงที่สุดในตะวันออกกลาง) ตามการขยายตัวของการก่อสร้าง โดยเฉพาะอาคารที่พักอาศัย สำนักงาน และโรงแรม ทั้งนี้ เฟอร์นิเจอร์ที่จำหน่ายในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กว่าร้อยละ 95 เป็นเฟอร์นิเจอร์นำเข้า อีกร้อยละ 5 เป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ผลิตในประเทศ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มีเพียง 216 ราย เน้นผลิตเพื่อจำหน่ายในตลาดระดับล่างถึงระดับกลาง นอกจากนี้ การที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็น
ศูนย์กลางการกระจายสินค้าสำคัญแห่งหนึ่งของโลก ส่งผลให้เฟอร์นิเจอร์ที่นำเข้ามาส่วนหนึ่งถูกส่งออกต่อไปต่างประเทศ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1) ประเทศในแถบแอฟริกา อาทิ อัลจีเรีย ลิเบีย แองโกลา เคนยา คองโก และแกมเบีย 2) กลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช อาทิ อาเซอร์ไบจาน ยูเครน และอาร์เมเนีย และ 3) ประเทศในตะวันออกกลางและเอเชีย อาทิ อิรัก อิหร่าน เยเมน และอัฟกานิสถาน
- รสนิยม เฟอร์นิเจอร์ที่จำหน่ายในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ราวร้อยละ 80 เป็นเฟอร์นิเจอร์สำหรับใช้ในบ้าน ที่เหลือร้อยละ 20 เป็นเฟอร์นิเจอร์ใช้ในสำนักงาน ทั้งนี้ เฟอร์นิเจอร์ที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมาก คือ เฟอร์นิเจอร์ไม้ นอกจากนี้ เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากต้นกก และผักตบชวา ได้รับความนิยมมากขึ้นเป็นลำดับ โดยนิยมซื้อไว้ใช้ในกิจการสปา และร้านอาหารในโรงแรม
- คู่แข่ง อิตาลี เป็นแหล่งนำเข้าเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนสำคัญอันดับ 1 ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ครองส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 28 รองลงมา คือ สหรัฐฯ มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 11 มาเลเซีย ร้อยละ 10 ขณะที่ไทยมีส่วนแบ่งตลาดประมาณร้อยละ 2
- อัตราภาษี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เรียกเก็บภาษีนำเข้าเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนในอัตราร้อยละ 5
- ช่องทางการจัดจำหน่าย ผู้นำเข้าเฟอร์นิเจอร์ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นทั้งผู้ค้าส่ง และผู้ค้าปลีก ส่วนใหญ่มีร้านจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์เป็นของตนเองในรัฐต่าง ๆ สำหรับผู้นำเข้าที่อยู่ในเขต Jebel ali Free Zone ส่วนใหญ่มักนำเข้าเฟอร์นิเจอร์เพื่อส่งออกต่อไปยังประเทศอื่น ๆ
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย กันยายน 2549--
-พห-
คำตอบ ปัจจุบันการส่งออกเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนของไทยไปตลาดส่งออกหลัก เช่น สหรัฐอเมริกา EU และญี่ปุ่น (มีมูลค่าส่งออกรวมกันสูงถึงร้อยละ 80 ของมูลค่าส่งออกเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนทั้งหมด) เริ่มชะลอตัวลง เนื่องจากการแข่งขันที่ค่อนข้างรุนแรงจากประเทศคู่แข่ง อาทิ จีน และเวียดนาม ซึ่งมีความได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิตที่อยู่ในระดับต่ำ จากสถานการณ์ดังกล่าว นอกจากผู้ส่งออกต้องปรับปรุงคุณภาพและพัฒนาการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดหลักแล้ว ควรเน้นส่งออกไปตลาดใหม่ โดยเฉพาะตลาดตะวันออกกลาง เช่น ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงในการรองรับเฟอร์นิเจอร์ส่งออกจากไทย เนื่องจากประชากรมีกำลังซื้อสูงด้วยรายได้เฉลี่ยเกือบ 17,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อปี อีกทั้งภาคก่อสร้างของประเทศดังกล่าวขยายตัวมาก ทำให้ความต้องการใช้เฟอร์นิเจอร์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ รายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับตลาดเฟอร์นิเจอร์ของซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีดังนี้
* ซาอุดีอาระเบีย
- ขนาดและลักษณะตลาด ซาอุดีอาระเบียเป็นตลาดเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง ด้วยยอดจำหน่ายราว 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ขณะที่มีผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ในประเทศเพียง 150 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ผลิตขนาดเล็ก ทำให้ต้องพึ่งพาเฟอร์นิเจอร์นำเข้าในสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 70 ของยอดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ในประเทศ ทั้งนี้ เป็นที่คาดว่าความต้องการใช้เฟอร์นิเจอร์ในบ้านของซาอุดีอาระเบียจะเพิ่มขึ้นมากในระยะข้างหน้า เนื่องจากปัจจุบันประชากรของซาอุดีอาระเบียที่มีอายุต่ำกว่า 21 ปี มีถึงครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งประเทศ ทำให้การก่อสร้างที่พักอาศัยใหม่มีแนวโน้มขยายตัวสูง
- รสนิยม เฟอร์นิเจอร์ที่จำหน่ายในซาอุดีอาระเบียเป็นเฟอร์นิเจอร์สำหรับใช้ในบ้านร้อยละ 65 อีกร้อยละ 35 เป็นเฟอร์นิเจอร์ใช้ในสำนักงาน ทั้งนี้ เฟอร์นิเจอร์ที่จำหน่ายในตลาดระดับล่างส่วนใหญ่เป็นเฟอร์นิเจอร์หนัง และเฟอร์นิเจอร์เหล็ก ซึ่งผลิตโดยผู้ผลิตในประเทศ ขณะที่ตลาดระดับกลางถึงระดับบนส่วนใหญ่นิยมเฟอร์นิเจอร์ไม้นำเข้า ทั้งนี้ เฟอร์นิเจอร์ที่ส่งออกไปซาอุดีอาระเบียไม่ควรมีลักษณะคล้ายรูปคนหรือรูปสัตว์ เนื่องจากขัดกับหลักศาสนา
- คู่แข่ง แหล่งนำเข้าเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนสำคัญของซาอุดีอาระเบีย คือ อิตาลี ครองส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 25 รองลงมา คือ ฝรั่งเศส มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 6 สเปน ร้อยละ 5 ขณะที่ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ มาเลเซีย และไทย มีส่วนแบ่งตลาดรวมกันราวร้อยละ 10
- อัตราภาษี ซาอุดีอาระเบียเรียกเก็บภาษีนำเข้าเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนในอัตราร้อยละ 5
* สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
- ขนาดและลักษณะตลาด แม้ตลาดเฟอร์นิเจอร์ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มีขนาดเล็กกว่าตลาดซาอุดีอาระเบีย แต่มีอัตราขยายตัวเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 30 ต่อปี (สูงที่สุดในตะวันออกกลาง) ตามการขยายตัวของการก่อสร้าง โดยเฉพาะอาคารที่พักอาศัย สำนักงาน และโรงแรม ทั้งนี้ เฟอร์นิเจอร์ที่จำหน่ายในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กว่าร้อยละ 95 เป็นเฟอร์นิเจอร์นำเข้า อีกร้อยละ 5 เป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ผลิตในประเทศ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มีเพียง 216 ราย เน้นผลิตเพื่อจำหน่ายในตลาดระดับล่างถึงระดับกลาง นอกจากนี้ การที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็น
ศูนย์กลางการกระจายสินค้าสำคัญแห่งหนึ่งของโลก ส่งผลให้เฟอร์นิเจอร์ที่นำเข้ามาส่วนหนึ่งถูกส่งออกต่อไปต่างประเทศ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1) ประเทศในแถบแอฟริกา อาทิ อัลจีเรีย ลิเบีย แองโกลา เคนยา คองโก และแกมเบีย 2) กลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช อาทิ อาเซอร์ไบจาน ยูเครน และอาร์เมเนีย และ 3) ประเทศในตะวันออกกลางและเอเชีย อาทิ อิรัก อิหร่าน เยเมน และอัฟกานิสถาน
- รสนิยม เฟอร์นิเจอร์ที่จำหน่ายในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ราวร้อยละ 80 เป็นเฟอร์นิเจอร์สำหรับใช้ในบ้าน ที่เหลือร้อยละ 20 เป็นเฟอร์นิเจอร์ใช้ในสำนักงาน ทั้งนี้ เฟอร์นิเจอร์ที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมาก คือ เฟอร์นิเจอร์ไม้ นอกจากนี้ เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากต้นกก และผักตบชวา ได้รับความนิยมมากขึ้นเป็นลำดับ โดยนิยมซื้อไว้ใช้ในกิจการสปา และร้านอาหารในโรงแรม
- คู่แข่ง อิตาลี เป็นแหล่งนำเข้าเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนสำคัญอันดับ 1 ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ครองส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 28 รองลงมา คือ สหรัฐฯ มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 11 มาเลเซีย ร้อยละ 10 ขณะที่ไทยมีส่วนแบ่งตลาดประมาณร้อยละ 2
- อัตราภาษี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เรียกเก็บภาษีนำเข้าเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนในอัตราร้อยละ 5
- ช่องทางการจัดจำหน่าย ผู้นำเข้าเฟอร์นิเจอร์ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นทั้งผู้ค้าส่ง และผู้ค้าปลีก ส่วนใหญ่มีร้านจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์เป็นของตนเองในรัฐต่าง ๆ สำหรับผู้นำเข้าที่อยู่ในเขต Jebel ali Free Zone ส่วนใหญ่มักนำเข้าเฟอร์นิเจอร์เพื่อส่งออกต่อไปยังประเทศอื่น ๆ
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย กันยายน 2549--
-พห-