คำถาม : อยากทราบความคืบหน้าของการเปิดตลาดสินค้าที่มิใช่สินค้าเกษตรภายใต้ WTO
คำตอบ : การเปิดตลาดสินค้าที่มิใช่สินค้าเกษตร (Non-Agricultural Market Access : NAMA) ได้รับการบรรจุให้เป็นหนึ่งในหัวข้อของการเจรจา WTO รอบโดฮา สาระสำคัญของ NAMA คือ การลดหรือยกเลิกภาษีศุลกากร ภาษีสูง (Tariff Peaks and High Tariffs) และภาษีขั้นบันได (Tariff Escalation) รวมทั้งมาตรการอื่น ๆ ที่มิใช่ภาษีศุลกากร โดยเฉพาะที่ใช้กับสินค้านำเข้าสำคัญจากประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งการเจรจากำหนดให้การลดภาษีครอบคลุมสินค้าทุกรายการ โดยคำนึงถึงความต้องการและผลประโยชน์ของประเทศกำลังพัฒนาและประเทศพัฒนาน้อยที่สุดเป็นสำคัญ รวมถึงการยอมให้ประเทศกำลังพัฒนาและประเทศพัฒนาน้อยที่สุดได้รับสิทธิพิเศษโดยไม่ต้องดำเนินการในระดับที่ทัดเทียมกับประเทศพัฒนาแล้ว (less than full reciprocity)
อย่างไรก็ตาม การเจรจาดังกล่าวเป็นไปอย่างล่าช้า เนื่องจากประเทศสมาชิก WTO ส่วนใหญ่ต้องการรอผลการเจรจาเรื่องสินค้าเกษตรให้ชัดเจนก่อน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2547 สมาชิก WTO มีมติรับรองแผนงานและกรอบการเจรจารอบโดฮา (July Package) ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับ NAMA ดังนี้
* สูตรการลดภาษี ภายใต้กรอบ NAMA มีการเสนอสูตรการลดภาษี 2 สูตร ได้แก่
- สูตร Swiss เป็นการลดภาษีในลักษณะที่สินค้าที่มีอัตราภาษีสูงจะลดอัตราภาษีลงมากกว่าสินค้าที่มีอัตราภาษีต่ำ
- สูตร Girard เป็นการนำค่าเฉลี่ยของอัตราภาษีของประเทศสมาชิกมาร่วมคำนวณในสูตรการลดภาษี ทำให้ไม่ต้องลดอัตราภาษีมากจนเกินไป
* การลดภาษีรายสาขา (Sectoral Approach) เป็นการลดภาษีให้เหลือร้อยละ 0 หรือ ลดลงมาอยู่ในอัตราที่เท่ากัน (Harmonization) ในเบื้องต้นมีการเสนอให้ลดภาษีสินค้ารวม 7 สาขา ได้แก่ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ อัญมณีและเครื่องประดับ ชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ ประมงและผลิตภัณฑ์ประมง เครื่องหนัง และรองเท้า ซึ่งสมาชิก WTO ได้หารือกันเพื่อกำหนดแนวทางการเข้าร่วมลดภาษีรายสาขา โดยแบ่งออกเป็น 3 วิธี ดังนี้
- Mandatory การกำหนดให้สมาชิกทุกประเทศเข้าร่วมลดภาษีรายสาขา (ประเทศพัฒนาแล้วต้องการให้ใช้วิธีนี้)
- Voluntary การให้สมาชิกสมัครใจเข้าร่วมลดภาษีรายสาขา (ประเทศกำลังพัฒนาต้องการให้ใช้วิธีนี้)
- Critical Mass การลดภาษีรายสาขาจะพิจารณาจากปริมาณการค้าของประเทศสมาชิกที่เข้าร่วมในสาขานั้น
อย่างไรก็ตาม ภายใต้ July Package ยังมิได้ข้อสรุปของสาขาที่จะนำมาลดภาษี และวิธีการลดภาษี ดังนั้น ประเทศสมาชิก WTO จึงต้องเจรจากันในรายละเอียดต่อไป
การเจรจาการค้าพหุภาคีในกรอบของ WTO มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปในแต่ละรอบ สำหรับปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจารอบโดฮา ซึ่งเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 2545 โดยมีสถานที่เปิดการประชุมคือ เมืองโดฮา ประเทศกาตาร์
* อุปสรรคทางการค้าที่มิใช่ภาษีศุลกากร (Non-Tariff Barriers : NTBs) ที่ประชุมกำหนดให้มีรูปแบบการเจรจาได้หลายวิธี อาทิ ให้สมาชิก WTO แต่ละประเทศยื่นข้อเสนอ (Request/Offer) การเจรจาเป็นกลุ่มสินค้า (Vertical) การเจรจาตามประเภทของมาตรการ NTBs (Horizontal) โดยให้มีการปฏิบัติที่เป็นพิเศษและแตกต่าง (Special and Differential Treatment : S&D) ในเรื่อง NTBs สำหรับประเทศกำลังพัฒนาด้วย
* การปฏิบัติที่เป็นพิเศษและแตกต่างสำหรับประเทศกำลังพัฒนา (S&D) กำหนดให้ประเทศกำลังพัฒนามีระยะเวลาการลดภาษีที่ยาวนานกว่าและมีการปฏิบัติที่เป็นพิเศษ อาทิยกเว้นจากการผูกพัน (ในกรณีที่ยังมิได้ผูกพัน) หรือไม่ต้องลดภาษีสินค้าบางรายการได้เป็นจำนวนร้อยละ 5 ของรายการสินค้าอุตสาหกรรมและประมง แต่มูลค่านำเข้าของสินค้าที่ยกเว้นจากการผูกพันต้องไม่เกินร้อยละ 5 ของมูลค่านำเข้ารวม
ทั้งนี้ ในการประชุมรัฐมนตรีการค้ากลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation : APEC) เมื่อวันที่ 2-3 มิถุนายน 2548 ณ เกาะเจจู สาธารณรัฐเกาหลีที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ผลักดันการเจรจาเปิดตลาดสินค้าที่มิใช่สินค้าเกษตรภายใต้กรอบ WTO โดยที่ประชุมมีมติให้ใช้สูตร Swiss เป็นแนวทางในการลดภาษี แต่ให้ประเทศกำลังพัฒนา ลดภาษีในอัตราที่น้อยกว่าประเทศพัฒนาแล้ว สำหรับการลดภาษีรายสาขาให้สมาชิกทำโดยสมัครใจและให้หาวิธีที่ได้ผลในการลดอุปสรรคทางการค้าที่มิใช่ภาษีศุลกากร รวมทั้งพิจารณาว่าจะใช้ การปฏิบัติเป็นพิเศษและแตกต่างกับประเทศกำลังพัฒนาและประเทศพัฒนาน้อยที่สุดอย่างไร
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย กุมภาพันธ์ 2549--
-พห-
คำตอบ : การเปิดตลาดสินค้าที่มิใช่สินค้าเกษตร (Non-Agricultural Market Access : NAMA) ได้รับการบรรจุให้เป็นหนึ่งในหัวข้อของการเจรจา WTO รอบโดฮา สาระสำคัญของ NAMA คือ การลดหรือยกเลิกภาษีศุลกากร ภาษีสูง (Tariff Peaks and High Tariffs) และภาษีขั้นบันได (Tariff Escalation) รวมทั้งมาตรการอื่น ๆ ที่มิใช่ภาษีศุลกากร โดยเฉพาะที่ใช้กับสินค้านำเข้าสำคัญจากประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งการเจรจากำหนดให้การลดภาษีครอบคลุมสินค้าทุกรายการ โดยคำนึงถึงความต้องการและผลประโยชน์ของประเทศกำลังพัฒนาและประเทศพัฒนาน้อยที่สุดเป็นสำคัญ รวมถึงการยอมให้ประเทศกำลังพัฒนาและประเทศพัฒนาน้อยที่สุดได้รับสิทธิพิเศษโดยไม่ต้องดำเนินการในระดับที่ทัดเทียมกับประเทศพัฒนาแล้ว (less than full reciprocity)
อย่างไรก็ตาม การเจรจาดังกล่าวเป็นไปอย่างล่าช้า เนื่องจากประเทศสมาชิก WTO ส่วนใหญ่ต้องการรอผลการเจรจาเรื่องสินค้าเกษตรให้ชัดเจนก่อน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2547 สมาชิก WTO มีมติรับรองแผนงานและกรอบการเจรจารอบโดฮา (July Package) ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับ NAMA ดังนี้
* สูตรการลดภาษี ภายใต้กรอบ NAMA มีการเสนอสูตรการลดภาษี 2 สูตร ได้แก่
- สูตร Swiss เป็นการลดภาษีในลักษณะที่สินค้าที่มีอัตราภาษีสูงจะลดอัตราภาษีลงมากกว่าสินค้าที่มีอัตราภาษีต่ำ
- สูตร Girard เป็นการนำค่าเฉลี่ยของอัตราภาษีของประเทศสมาชิกมาร่วมคำนวณในสูตรการลดภาษี ทำให้ไม่ต้องลดอัตราภาษีมากจนเกินไป
* การลดภาษีรายสาขา (Sectoral Approach) เป็นการลดภาษีให้เหลือร้อยละ 0 หรือ ลดลงมาอยู่ในอัตราที่เท่ากัน (Harmonization) ในเบื้องต้นมีการเสนอให้ลดภาษีสินค้ารวม 7 สาขา ได้แก่ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ อัญมณีและเครื่องประดับ ชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ ประมงและผลิตภัณฑ์ประมง เครื่องหนัง และรองเท้า ซึ่งสมาชิก WTO ได้หารือกันเพื่อกำหนดแนวทางการเข้าร่วมลดภาษีรายสาขา โดยแบ่งออกเป็น 3 วิธี ดังนี้
- Mandatory การกำหนดให้สมาชิกทุกประเทศเข้าร่วมลดภาษีรายสาขา (ประเทศพัฒนาแล้วต้องการให้ใช้วิธีนี้)
- Voluntary การให้สมาชิกสมัครใจเข้าร่วมลดภาษีรายสาขา (ประเทศกำลังพัฒนาต้องการให้ใช้วิธีนี้)
- Critical Mass การลดภาษีรายสาขาจะพิจารณาจากปริมาณการค้าของประเทศสมาชิกที่เข้าร่วมในสาขานั้น
อย่างไรก็ตาม ภายใต้ July Package ยังมิได้ข้อสรุปของสาขาที่จะนำมาลดภาษี และวิธีการลดภาษี ดังนั้น ประเทศสมาชิก WTO จึงต้องเจรจากันในรายละเอียดต่อไป
การเจรจาการค้าพหุภาคีในกรอบของ WTO มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปในแต่ละรอบ สำหรับปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจารอบโดฮา ซึ่งเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 2545 โดยมีสถานที่เปิดการประชุมคือ เมืองโดฮา ประเทศกาตาร์
* อุปสรรคทางการค้าที่มิใช่ภาษีศุลกากร (Non-Tariff Barriers : NTBs) ที่ประชุมกำหนดให้มีรูปแบบการเจรจาได้หลายวิธี อาทิ ให้สมาชิก WTO แต่ละประเทศยื่นข้อเสนอ (Request/Offer) การเจรจาเป็นกลุ่มสินค้า (Vertical) การเจรจาตามประเภทของมาตรการ NTBs (Horizontal) โดยให้มีการปฏิบัติที่เป็นพิเศษและแตกต่าง (Special and Differential Treatment : S&D) ในเรื่อง NTBs สำหรับประเทศกำลังพัฒนาด้วย
* การปฏิบัติที่เป็นพิเศษและแตกต่างสำหรับประเทศกำลังพัฒนา (S&D) กำหนดให้ประเทศกำลังพัฒนามีระยะเวลาการลดภาษีที่ยาวนานกว่าและมีการปฏิบัติที่เป็นพิเศษ อาทิยกเว้นจากการผูกพัน (ในกรณีที่ยังมิได้ผูกพัน) หรือไม่ต้องลดภาษีสินค้าบางรายการได้เป็นจำนวนร้อยละ 5 ของรายการสินค้าอุตสาหกรรมและประมง แต่มูลค่านำเข้าของสินค้าที่ยกเว้นจากการผูกพันต้องไม่เกินร้อยละ 5 ของมูลค่านำเข้ารวม
ทั้งนี้ ในการประชุมรัฐมนตรีการค้ากลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation : APEC) เมื่อวันที่ 2-3 มิถุนายน 2548 ณ เกาะเจจู สาธารณรัฐเกาหลีที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ผลักดันการเจรจาเปิดตลาดสินค้าที่มิใช่สินค้าเกษตรภายใต้กรอบ WTO โดยที่ประชุมมีมติให้ใช้สูตร Swiss เป็นแนวทางในการลดภาษี แต่ให้ประเทศกำลังพัฒนา ลดภาษีในอัตราที่น้อยกว่าประเทศพัฒนาแล้ว สำหรับการลดภาษีรายสาขาให้สมาชิกทำโดยสมัครใจและให้หาวิธีที่ได้ผลในการลดอุปสรรคทางการค้าที่มิใช่ภาษีศุลกากร รวมทั้งพิจารณาว่าจะใช้ การปฏิบัติเป็นพิเศษและแตกต่างกับประเทศกำลังพัฒนาและประเทศพัฒนาน้อยที่สุดอย่างไร
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย กุมภาพันธ์ 2549--
-พห-