กรุงเทพ--10 ก.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2549 ในโอกาสการเยือนนิวซีแลนด์อย่างเป็นทางการของ ดร. กันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อฉลองการครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ไทย-นิวซีแลนด์ ระหว่างวันที่ 6-8 กรกฎาคม 2549 ดร.กันตธีร์ฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เข้าพบนาย Phil Goff รัฐมนตรีการค้า รัฐมนตรีกลาโหม และรัฐมนตรีเจรจาการค้านิวซีแลนด์ และภายหลังการหารือ นาย Phil Goff ได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำ ดร.กันตธีร์ฯ และคณะ โดยทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทวิภาคีอย่างกว้างขวาง ในโอกาสนี้ ดร.กันตธีร์ฯ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับผลการหารือกับนาย Phil Goff สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1.การฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี: ดร.กันตธีร์ฯ ได้แจ้งให้ฝ่ายนิวซีแลนด์ทราบเกี่ยวกับการเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี โดยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงดำเนินพระราชกรณียกิจในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ แก้ปัญหายาเสพติดและปัญหาความแห้งแล้ง อันสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของพระองค์ท่านในการแก้ปัญหาและพัฒนาความเป็นอยู่ของสังคมไทย ซึ่งฝ่ายนิวซีแลนด์แสดงความชื่นชมในพระปรีชาสามารถของพระเจ้าอยู่หัว
2.โครงการ Working Holiday Scheme: ฝ่ายไทยขอเพิ่มโควต้าผู้ร่วมโครงการฝ่ายไทยเป็นมากกว่า 100 คน เนื่องจากเป็นที่นิยมในบรรดาเยาวชนไทย ในขณะที่ฝ่ายนิวซีแลนด์ยังเข้าร่วมโครงการไม่มากนัก ทั้งนี้อาจเป็นเพราะข้อจำกัดทางภาษา
3. การทบทวนการระงับใช้ความตกลงยกเว้นการตรวจลงตรา: เดิมไทยและนิวซีแลนด์มีการยกเว้นการตรวจลงตราระหว่างกัน แต่ต่อมาฝ่ายนิวซีแลนด์ระงับใช้ความตกลงฯ นี้เป็นการชั่วคราว เนื่องจากมักมีกรณีคนไทยที่เดินทางไปนิวซีแลนด์และขอลี้ภัยอยู่ในนิวซีแลนด์ ซึ่งทำให้นิวซีแลนด์ต้องเสียงบประมาณในการพิจารณากรณีลี้ภัยเหล่านี้ตามกรอบของ UNHCR อย่างไรก็ดี ดร.กันตธีร์ฯ ได้ขอให้ฝ่ายนิวซีแลนด์พิจารณาทบทวนเรื่องนี้โดยอาจเริ่มที่หนังสือเดินทางทูตก่อน
4.การค้าภายใต้ความตกลงว่าด้วยหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น (CEP): ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่า ภายหลังจากที่ CEP มีผลใช้บังคับเมื่อ 1 กรกฎาคม 2548 ทำให้การค้าสองฝ่ายเพิ่มขึ้นร้อยละ 37 คิดเป็นมูลค่า 775 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่มูลค่าการส่งออกของไทยไปนิวซีแลนด์เพิ่มขึ้นร้อยละ 51
5. สถานการณ์การเมืองในไทย: ดร.กันตธีร์ฯ ได้ชี้แจงว่า สถานการณ์ทางการเมืองในไทยเป็นไปอย่างสงบ ไม่มีความรุนแรง รัฐบาลแก้ปัญหาตามรัฐธรรมนูญ และเป็นไปตามกติการะบอบประชาธิปไตย ไทยยังคงมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ จึงขอให้ฝ่ายนิวซีแลนด์มั่นใจที่จะดำเนินความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับไทยต่อไป
6. สถานการณ์ในภาคใต้ของไทย: ฝ่ายนิวซีแลนด์รู้สึกเป็นห่วงต่อเหตุการณ์ลอบวางระเบิดในภาคใต้ของไทย ซึ่ง ดร. กันตธีร์ฯ แจ้งว่า รัฐบาลมีนโยบายแก้ปัญหาแบบครบวงจร ยอมรับความแตกต่างทางศาสนาและวัฒนธรรมเพื่อสร้างพลังการพัฒนา ทั้งนี้ ต้องใช้การศึกษา และการสร้างโอกาสการทำงานให้ประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน ในเรื่องนี้ OIC เห็นว่า พวกที่ใช้ความรุนแรงไม่ใช่เป็นชาวมุสลิม เพราะชาวมุสลิมเป็นผู้รักสันติ และมองสายกลาง OIC ต้องการให้ชาวมุสลิมสายกลางที่แท้จริงออกมาช่วยแก้ปัญหาการก่อการร้ายในเวทีโลก
7.สถานการณ์ในติมอร์ เลสเต: ฝ่ายนิวซีแลนด์ขอให้ไทยพิจารณาส่งตำรวจเข้าไปช่วยรักษาความสงบเรียบร้อยในติมอร์ เลสเต ร่วมกับนิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย โปรตุเกส และมาเลเซีย ซึ่ง ดร.กันตธีร์ฯ กล่าวว่า อินโดนีเซียเคยร้องขอไทยในเรื่องนี้เช่นกัน แต่ไทยยังไม่ได้รับการร้องขอจากติมอร์ เลสเต อย่างไรก็ดี ดร.กันตธีร์ฯ รับจะนำกลับไปพิจารณา และกล่าวว่า ไทยเคยมีบทบาทในการส่งทหารไปรักษาความสงบเรียบร้อยในที่ต่างๆ รวมทั้งที่อาเจห์ ซึ่งได้แสดงความสนใจที่จะนำโครงการพระราชดำริ การปลูกพืชทดแทนยาเสพติดมาปรับใช้แก้ปัญหายาเสพติดของตัวเอง นอกจากนั้น ก็มีหลายประเทศที่แสดงความสนใจในเรื่องนี้ เช่น อุซเบกิสถาน ทาจิกิสถาน โคลอมเบีย และเปรู
8.ปัญหาพม่า: รัฐมนตรี Goff แจ้งว่า นิวซีแลนด์ต้องการเห็นการปรองดองในชาติเกิดขึ้นในพม่า มีความเป็นประชาธิปไตย และให้มีการปล่อยตัวนางออง ซาน ซู จี ดร.กันตธีร์ฯ ย้ำว่า ไทยและอาเซียนมีท่าทีตรงกันในการให้มีช่องทางการติดต่อกับพม่าเพื่อให้พม่าได้รับรู้ท่าที/ความรู้สึกของประชาคมโลก ซึ่งฝ่ายนิวซีแลนด์ก็เห็นด้วยกับการที่ต้องรักษาช่องทางการติดต่อกับพม่าไว้เพื่อกระตุ้นให้พม่าเดินไปในทิศทางที่นำไปสู่การปรองดองแห่งชาติ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2549 ในโอกาสการเยือนนิวซีแลนด์อย่างเป็นทางการของ ดร. กันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อฉลองการครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ไทย-นิวซีแลนด์ ระหว่างวันที่ 6-8 กรกฎาคม 2549 ดร.กันตธีร์ฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เข้าพบนาย Phil Goff รัฐมนตรีการค้า รัฐมนตรีกลาโหม และรัฐมนตรีเจรจาการค้านิวซีแลนด์ และภายหลังการหารือ นาย Phil Goff ได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำ ดร.กันตธีร์ฯ และคณะ โดยทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทวิภาคีอย่างกว้างขวาง ในโอกาสนี้ ดร.กันตธีร์ฯ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับผลการหารือกับนาย Phil Goff สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1.การฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี: ดร.กันตธีร์ฯ ได้แจ้งให้ฝ่ายนิวซีแลนด์ทราบเกี่ยวกับการเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี โดยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงดำเนินพระราชกรณียกิจในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ แก้ปัญหายาเสพติดและปัญหาความแห้งแล้ง อันสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของพระองค์ท่านในการแก้ปัญหาและพัฒนาความเป็นอยู่ของสังคมไทย ซึ่งฝ่ายนิวซีแลนด์แสดงความชื่นชมในพระปรีชาสามารถของพระเจ้าอยู่หัว
2.โครงการ Working Holiday Scheme: ฝ่ายไทยขอเพิ่มโควต้าผู้ร่วมโครงการฝ่ายไทยเป็นมากกว่า 100 คน เนื่องจากเป็นที่นิยมในบรรดาเยาวชนไทย ในขณะที่ฝ่ายนิวซีแลนด์ยังเข้าร่วมโครงการไม่มากนัก ทั้งนี้อาจเป็นเพราะข้อจำกัดทางภาษา
3. การทบทวนการระงับใช้ความตกลงยกเว้นการตรวจลงตรา: เดิมไทยและนิวซีแลนด์มีการยกเว้นการตรวจลงตราระหว่างกัน แต่ต่อมาฝ่ายนิวซีแลนด์ระงับใช้ความตกลงฯ นี้เป็นการชั่วคราว เนื่องจากมักมีกรณีคนไทยที่เดินทางไปนิวซีแลนด์และขอลี้ภัยอยู่ในนิวซีแลนด์ ซึ่งทำให้นิวซีแลนด์ต้องเสียงบประมาณในการพิจารณากรณีลี้ภัยเหล่านี้ตามกรอบของ UNHCR อย่างไรก็ดี ดร.กันตธีร์ฯ ได้ขอให้ฝ่ายนิวซีแลนด์พิจารณาทบทวนเรื่องนี้โดยอาจเริ่มที่หนังสือเดินทางทูตก่อน
4.การค้าภายใต้ความตกลงว่าด้วยหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น (CEP): ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่า ภายหลังจากที่ CEP มีผลใช้บังคับเมื่อ 1 กรกฎาคม 2548 ทำให้การค้าสองฝ่ายเพิ่มขึ้นร้อยละ 37 คิดเป็นมูลค่า 775 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่มูลค่าการส่งออกของไทยไปนิวซีแลนด์เพิ่มขึ้นร้อยละ 51
5. สถานการณ์การเมืองในไทย: ดร.กันตธีร์ฯ ได้ชี้แจงว่า สถานการณ์ทางการเมืองในไทยเป็นไปอย่างสงบ ไม่มีความรุนแรง รัฐบาลแก้ปัญหาตามรัฐธรรมนูญ และเป็นไปตามกติการะบอบประชาธิปไตย ไทยยังคงมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ จึงขอให้ฝ่ายนิวซีแลนด์มั่นใจที่จะดำเนินความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับไทยต่อไป
6. สถานการณ์ในภาคใต้ของไทย: ฝ่ายนิวซีแลนด์รู้สึกเป็นห่วงต่อเหตุการณ์ลอบวางระเบิดในภาคใต้ของไทย ซึ่ง ดร. กันตธีร์ฯ แจ้งว่า รัฐบาลมีนโยบายแก้ปัญหาแบบครบวงจร ยอมรับความแตกต่างทางศาสนาและวัฒนธรรมเพื่อสร้างพลังการพัฒนา ทั้งนี้ ต้องใช้การศึกษา และการสร้างโอกาสการทำงานให้ประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน ในเรื่องนี้ OIC เห็นว่า พวกที่ใช้ความรุนแรงไม่ใช่เป็นชาวมุสลิม เพราะชาวมุสลิมเป็นผู้รักสันติ และมองสายกลาง OIC ต้องการให้ชาวมุสลิมสายกลางที่แท้จริงออกมาช่วยแก้ปัญหาการก่อการร้ายในเวทีโลก
7.สถานการณ์ในติมอร์ เลสเต: ฝ่ายนิวซีแลนด์ขอให้ไทยพิจารณาส่งตำรวจเข้าไปช่วยรักษาความสงบเรียบร้อยในติมอร์ เลสเต ร่วมกับนิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย โปรตุเกส และมาเลเซีย ซึ่ง ดร.กันตธีร์ฯ กล่าวว่า อินโดนีเซียเคยร้องขอไทยในเรื่องนี้เช่นกัน แต่ไทยยังไม่ได้รับการร้องขอจากติมอร์ เลสเต อย่างไรก็ดี ดร.กันตธีร์ฯ รับจะนำกลับไปพิจารณา และกล่าวว่า ไทยเคยมีบทบาทในการส่งทหารไปรักษาความสงบเรียบร้อยในที่ต่างๆ รวมทั้งที่อาเจห์ ซึ่งได้แสดงความสนใจที่จะนำโครงการพระราชดำริ การปลูกพืชทดแทนยาเสพติดมาปรับใช้แก้ปัญหายาเสพติดของตัวเอง นอกจากนั้น ก็มีหลายประเทศที่แสดงความสนใจในเรื่องนี้ เช่น อุซเบกิสถาน ทาจิกิสถาน โคลอมเบีย และเปรู
8.ปัญหาพม่า: รัฐมนตรี Goff แจ้งว่า นิวซีแลนด์ต้องการเห็นการปรองดองในชาติเกิดขึ้นในพม่า มีความเป็นประชาธิปไตย และให้มีการปล่อยตัวนางออง ซาน ซู จี ดร.กันตธีร์ฯ ย้ำว่า ไทยและอาเซียนมีท่าทีตรงกันในการให้มีช่องทางการติดต่อกับพม่าเพื่อให้พม่าได้รับรู้ท่าที/ความรู้สึกของประชาคมโลก ซึ่งฝ่ายนิวซีแลนด์ก็เห็นด้วยกับการที่ต้องรักษาช่องทางการติดต่อกับพม่าไว้เพื่อกระตุ้นให้พม่าเดินไปในทิศทางที่นำไปสู่การปรองดองแห่งชาติ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-