นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะประธานคณะทำงานตรวจสอบการทุจริตให้สัมภาษณ์ที่พรรคประชาธิปัตย์วันนี้(4 พ.ย.)ว่าเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการจัดการการคอร์รัปชั่นในระบอบทักษิณ คตส.ควรแต่งตั้งคณะอนุกรรมการใหม่อีก 2 ชุดเพื่อตรวจสอบหาผู้กระทำผิดการทุจริตเชิงนโยบายและการคอรัปชั่นในโครงการสนามบินสุวรรณภูมิ เนื่องจากการทุจริตเชิงนโยบายมีความสลับซับซ้อนแตกต่างไปจากการทุจริตโดยทั่วไปจึงต้องมีคณะทำงานเป็นการเฉพาะทำหน้าที่สืบสวนสอบสวนหาผู้กระทำผิดทั้งทางอาญาและทางแพ่งโดยคณะอนุกรรมการชุดดังกล่าวมีหน้าที่ตรวจสอบลักษณะความผิด, การประเมินความเสียหายของรัฐ,การระบุผู้กระทำความผิดและลงโทษทั้งทางแพ่งและอาญาซึ่งผู้ร่วมกระทำความผิดในการทุจริตเชิงนโยบายจะมีลักษณะเฉพาะเป็นการสมรู้ร่วมคิดในการกระทำความผิดแบบ 3 ประสานประกอบด้วย 1. ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้แก่นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และรัฐมนตรี 2. เจ้าหน้าที่ของรัฐ ตั้งแต่ บอร์ดรัฐวิสาหกิจ , ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ ปลัดกระทรวง อธิบดี คณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้าง ฯลฯและ 3. บุคคลและนิติบุคคลทั้งไทยและต่างประเทศ
นายอลงกรณ์กล่าวว่า การคอร์รัปชั่นประเภทนี้ต้องอาศัยกฏหมายหลายฉบับพร้อมกันในการจัดการกับผู้กระทำความผิดประเภทนี้จึงจะจัดการสำเร็จ ได้แก่ พรบ.ความผิดว่าด้วยการเสนองานต่อหน่วยงานของรัฐ , พรบ.ปปช. , พรบ.สตง., พรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน , พรบ.ความผิดว่าด้วยการละเมิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐ , ประมวลกฏหมายแพ่งฯ. ประมวลกฏหมายอาญา ม. 157 และ ม.143 ว่าด้วยสินบนคนกลาง เป็นต้น หากไม่ใช้เครื่องมือทางกฏหมายอย่างครบถ้วนก็ยากที่จะจัดการเอาผิดกับโจรสวมสูทพวกนี้ได้
นายอลงกรณ์ย้ำว่า ระบอบทักษิณเป็นต้นตำรับของการทุจริตเชิงนโยบายและมีความฉลาดในการโกงโดยการคอรัปชั่นประเภทนี้ต้องใช้หลักกฏหมายอาญาและหลักกฏหมายความผิดนักการเมืองประกอบกันจึงจะลงโทษได้ ตัวอย่างเช่น การลดค่าต๋งของไอทีวี ทำให้รัฐเสียประโยชน์ 17,000 ล้าน, การยกเว้นภาษีให้บริษัทดาวเทียมไอพีสตาร์โดยบีโอไอทำให้รัฐขาดประโยชน์ 16,000 ล้าน, การอนุมัติโครงการให้พม่ากู้ 4,000 ล้าน, การออกพรก.แปลงสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิตในกิจการโทรศัพท์มือถือและการลดภาษีการนำเข้าโทรศัพท์มือถือจาก 10 % เหลือ 0 % และการอนุมัติเปลี่ยนโครงการจากการซื้อเป็นการเช่าระบบซอฟต์แวร์สำเร็จรูปของกฟภ.วงเงิน 3,192 ล้านทำให้บริษัทในเครือและเครือญาติของครอบครัวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรได้ประโยชน์โดยตรงจนได้ฉายาจากสื่อมวลชนและฝ่ายต่างๆ ว่าเป็นลักษณะโกงทั้งโคตร
“สำหรับการคอร์รัปชั่นในโครงการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิมูลค่าไม่ต่ำกว่า 120,000 ล้านที่รัฐลงทุนโดยตรงรวมกับ 30,000 ล้านที่รัฐวิสาหกิจลงทุนถือเป็นการฉ้อราษฎร์บังหลวงที่มีความอื้อฉาวที่สุดและเกี่ยวพันเงินของแผ่นดินมากที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศไทย ดังนั้นจะต้องมีคณะอนุกรรมการดูแลตรวจสอบเป็นพิเศษ คตส.จึงควรปรับรูปแบบคณะอนุกรรมการและตั้งชุดใหม่เพิ่มเติมอย่างน้อย 2 ชุดเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการตรวงจสอบและหาผู้กระทำความผิด”
นอกจากนี้นายอลงกรณ์ ยังกล่าวถึงกรณี ที่คณะกรรมการนโยบายข้าว (กนข.) กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ได้มีการออกหลักเกณฑ์โครงการจำนำข้าวเปลือกนาปี 2549/2550 ที่เริ่มวันที่ 1 พฤศจิกายน ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2550 ที่ราคาข้าวทุกชนิดลดต่ำลงจากเดิมเฉลี่ยแล้วทุกชนิดราวร้อยละ 10 รวมทั้งเรื่องที่ให้เกษตรกรผู้มีสิทธิจำนำข้าว จะต้องมีหนังสือรับรองการเป็นเกษตรกรจากกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และมีข้าราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับรองข้อมูลในหนังสือรับรองเกษตรกรด้วยว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศซึ่งโครงการรับจำนำข้าวในปี 2549/2550 ที่เริ่มเมื่อวันที่1 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยมี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน กนข.นั้น ควรมีการปรับสูตรการกำหนดราคารับจำนำข้าว เพราะมาตรการที่ กบข.กำหนดราคารับจำนำข้าวเจ้า ความชื้นร้อยละ15 ในราคาตันละ 6,000บาท นั้นถือว่าน่าจะต่ำกว่าความเป็นจริง และทำให้ชาวนาไม่ได้ราคาเท่าที่ควร เนื่องจากสถานการณ์ปัญหาน้ำท่วมได้กระทบต่อพื้นที่ปลูกข้าวในภาคกลางเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งส่งผลต่อการผลิตข้าวในปี 2549/2550 โดยตรงอย่างรุนแรง ทำให้การผลิตข้าวในปีการผลิตนี้ไม่น่าจะถึง 27ล้านตัน ต่อปีได้ โดยคาดการณ์ว่าข้าวน่าจะมีการขาดแคลนและน่าจะส่งผลให้ราคาที่ออกมาสูงขึ้น
นายอลงกรณ์ กล่าวต่อไปว่า ดังนั้นสมมติฐานในการกำหนดราคาข้าว โดยใช้เกณฑ์การพิจารณา3ปีจึงไม่น่าที่จะให้ได้ จึงสมควรที่จะมีการทบทวนด้วยว่าอย่างน้อยข้าวเจ้าความชื้นร้อยละ15ไม่ควรต่ำกว่าตันละ7,000บาท ซึ่งราคานี้เชื่อว่าไม่น่าจะมีผลกระทบในการส่งออกปีหน้า รวมทั้งขอให้กระทรวงพาณิชย์ และ กนข.ได้เร่งรัดระบายข้าวที่ค้างสต๊อก ที่มีอยู่เกือบ4 ล้านตันที่ตกค้างอยู่จากการบริหารงานที่ผิดพลาดของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จนกระทบการส่งออก จนทำให้ประเทศไทยเสียแชมป์ส่งออกข้าวให้กับเวียดนาม รวมทั้งกำหนดยุทธศาสตร์การส่งออกข้าวด้วยกลไกลใหม่ นอกจากการส่งออกเมล็ดข้าว มาเป็นการแปรรูปด้วย
“ผมเชื่อว่า สถานการณ์ขณะนี้เป็นสถานการณ์ที่เร่งด่วน และขอให้ กนข.เห็นแก่เกษตรกรในภาคกลางที่ประสบปัญหาน้ำท่วมจนเสียพื้นที่เพาะปลูกไปกว่าร้อยละ50 ซึ่งนโยบายการช่วยเหลือในการจำนำข้าวปี2549/2550 ได้เริ่มแล้วแต่ยังไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงรวมทั้งในอนาคตในการพยุงราคาข้าว ขอให้มีการพิจาณาใหม่เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่แก่ชาวนาไทย เพื่อเป็นการซับน้ำตาชาวนาด้วย”นายอลงกรณ์ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 4 พ.ย. 2549--จบ--
นายอลงกรณ์กล่าวว่า การคอร์รัปชั่นประเภทนี้ต้องอาศัยกฏหมายหลายฉบับพร้อมกันในการจัดการกับผู้กระทำความผิดประเภทนี้จึงจะจัดการสำเร็จ ได้แก่ พรบ.ความผิดว่าด้วยการเสนองานต่อหน่วยงานของรัฐ , พรบ.ปปช. , พรบ.สตง., พรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน , พรบ.ความผิดว่าด้วยการละเมิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐ , ประมวลกฏหมายแพ่งฯ. ประมวลกฏหมายอาญา ม. 157 และ ม.143 ว่าด้วยสินบนคนกลาง เป็นต้น หากไม่ใช้เครื่องมือทางกฏหมายอย่างครบถ้วนก็ยากที่จะจัดการเอาผิดกับโจรสวมสูทพวกนี้ได้
นายอลงกรณ์ย้ำว่า ระบอบทักษิณเป็นต้นตำรับของการทุจริตเชิงนโยบายและมีความฉลาดในการโกงโดยการคอรัปชั่นประเภทนี้ต้องใช้หลักกฏหมายอาญาและหลักกฏหมายความผิดนักการเมืองประกอบกันจึงจะลงโทษได้ ตัวอย่างเช่น การลดค่าต๋งของไอทีวี ทำให้รัฐเสียประโยชน์ 17,000 ล้าน, การยกเว้นภาษีให้บริษัทดาวเทียมไอพีสตาร์โดยบีโอไอทำให้รัฐขาดประโยชน์ 16,000 ล้าน, การอนุมัติโครงการให้พม่ากู้ 4,000 ล้าน, การออกพรก.แปลงสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิตในกิจการโทรศัพท์มือถือและการลดภาษีการนำเข้าโทรศัพท์มือถือจาก 10 % เหลือ 0 % และการอนุมัติเปลี่ยนโครงการจากการซื้อเป็นการเช่าระบบซอฟต์แวร์สำเร็จรูปของกฟภ.วงเงิน 3,192 ล้านทำให้บริษัทในเครือและเครือญาติของครอบครัวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรได้ประโยชน์โดยตรงจนได้ฉายาจากสื่อมวลชนและฝ่ายต่างๆ ว่าเป็นลักษณะโกงทั้งโคตร
“สำหรับการคอร์รัปชั่นในโครงการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิมูลค่าไม่ต่ำกว่า 120,000 ล้านที่รัฐลงทุนโดยตรงรวมกับ 30,000 ล้านที่รัฐวิสาหกิจลงทุนถือเป็นการฉ้อราษฎร์บังหลวงที่มีความอื้อฉาวที่สุดและเกี่ยวพันเงินของแผ่นดินมากที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศไทย ดังนั้นจะต้องมีคณะอนุกรรมการดูแลตรวจสอบเป็นพิเศษ คตส.จึงควรปรับรูปแบบคณะอนุกรรมการและตั้งชุดใหม่เพิ่มเติมอย่างน้อย 2 ชุดเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการตรวงจสอบและหาผู้กระทำความผิด”
นอกจากนี้นายอลงกรณ์ ยังกล่าวถึงกรณี ที่คณะกรรมการนโยบายข้าว (กนข.) กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ได้มีการออกหลักเกณฑ์โครงการจำนำข้าวเปลือกนาปี 2549/2550 ที่เริ่มวันที่ 1 พฤศจิกายน ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2550 ที่ราคาข้าวทุกชนิดลดต่ำลงจากเดิมเฉลี่ยแล้วทุกชนิดราวร้อยละ 10 รวมทั้งเรื่องที่ให้เกษตรกรผู้มีสิทธิจำนำข้าว จะต้องมีหนังสือรับรองการเป็นเกษตรกรจากกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และมีข้าราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับรองข้อมูลในหนังสือรับรองเกษตรกรด้วยว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศซึ่งโครงการรับจำนำข้าวในปี 2549/2550 ที่เริ่มเมื่อวันที่1 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยมี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน กนข.นั้น ควรมีการปรับสูตรการกำหนดราคารับจำนำข้าว เพราะมาตรการที่ กบข.กำหนดราคารับจำนำข้าวเจ้า ความชื้นร้อยละ15 ในราคาตันละ 6,000บาท นั้นถือว่าน่าจะต่ำกว่าความเป็นจริง และทำให้ชาวนาไม่ได้ราคาเท่าที่ควร เนื่องจากสถานการณ์ปัญหาน้ำท่วมได้กระทบต่อพื้นที่ปลูกข้าวในภาคกลางเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งส่งผลต่อการผลิตข้าวในปี 2549/2550 โดยตรงอย่างรุนแรง ทำให้การผลิตข้าวในปีการผลิตนี้ไม่น่าจะถึง 27ล้านตัน ต่อปีได้ โดยคาดการณ์ว่าข้าวน่าจะมีการขาดแคลนและน่าจะส่งผลให้ราคาที่ออกมาสูงขึ้น
นายอลงกรณ์ กล่าวต่อไปว่า ดังนั้นสมมติฐานในการกำหนดราคาข้าว โดยใช้เกณฑ์การพิจารณา3ปีจึงไม่น่าที่จะให้ได้ จึงสมควรที่จะมีการทบทวนด้วยว่าอย่างน้อยข้าวเจ้าความชื้นร้อยละ15ไม่ควรต่ำกว่าตันละ7,000บาท ซึ่งราคานี้เชื่อว่าไม่น่าจะมีผลกระทบในการส่งออกปีหน้า รวมทั้งขอให้กระทรวงพาณิชย์ และ กนข.ได้เร่งรัดระบายข้าวที่ค้างสต๊อก ที่มีอยู่เกือบ4 ล้านตันที่ตกค้างอยู่จากการบริหารงานที่ผิดพลาดของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จนกระทบการส่งออก จนทำให้ประเทศไทยเสียแชมป์ส่งออกข้าวให้กับเวียดนาม รวมทั้งกำหนดยุทธศาสตร์การส่งออกข้าวด้วยกลไกลใหม่ นอกจากการส่งออกเมล็ดข้าว มาเป็นการแปรรูปด้วย
“ผมเชื่อว่า สถานการณ์ขณะนี้เป็นสถานการณ์ที่เร่งด่วน และขอให้ กนข.เห็นแก่เกษตรกรในภาคกลางที่ประสบปัญหาน้ำท่วมจนเสียพื้นที่เพาะปลูกไปกว่าร้อยละ50 ซึ่งนโยบายการช่วยเหลือในการจำนำข้าวปี2549/2550 ได้เริ่มแล้วแต่ยังไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงรวมทั้งในอนาคตในการพยุงราคาข้าว ขอให้มีการพิจาณาใหม่เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่แก่ชาวนาไทย เพื่อเป็นการซับน้ำตาชาวนาด้วย”นายอลงกรณ์ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 4 พ.ย. 2549--จบ--