เวลา 09.00น. วันนี้ ( 9ส.ค.)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ทางวิทยุในรายการข่าวยามเช้าถึงกรณีที่ ส.ส.ภาคใต้ของพรรคประชาธิปัตย์เข้าพบกับนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือเกี่ยวกับปัญหาสถานการณ์ภาคใต้ว่าเป็นเรื่องที่พรรคมีความห่วงใยมาก โดยเฉพาะปัญหากรณีการหนีภัยข้ามแดนของ131 คนไทย เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องจัดการด้วยความรอบคอบและเร่งด่วน เพื่อไม่ให้ปัญหานี้ลุกลามออกไป เป็นปัญหาระหว่างประเทศ ทั้งๆที่เป็นเรื่องภายในของไทย แต่อย่างไรก็ตามการแก้ปัญหายังต้องอาศัยความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน เหมือนกับที่ประเทศเพื่อนบ้านอื่น ๆ พึงจะปฎิบัติต่อกันคือร่วมมือกันแก้ไขปัญหาภายในประเทศของกันและกัน และสิ่งที่น่าเป็นห่วงอีกเรื่องคือความเป็นเอกภาพ ความชัดเจนของแนวทางของรัฐบาล เพราะว่าที่ผ่านมาการให้ข่าวของรัฐบาลไม่ตรงกัน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การเข้าพบนายกฯครั้งนี้ ยังได้หารือถึงข้อเท็จจริงต่าง ๆ ในพื้นที่ ทั้งนี้พรรคเห็นว่านายกฯมีข้อมูล ทั้งจากกลไกของทางราชการ ทั้งด้านการข่าว ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ แต่พรรคเชื่อว่ายังมีข้อเท็จจริงหลายเรื่องที่รัฐบาลยังไม่มี คือข้อมูลที่ประชาชนทั่วไปสัมผัสอยู่ และไม่กล้าที่จะไปหาทางข้าราชการ เพราะไม่แน่ใจว่าสิ่งเหล่านี้จะถูกรายงานไปถึงท่านนายกหรือไม่ แต่ความรุนแรงของปัญหาในบางพื้นที่ อยู่ในสถานการณ์ซึ่งรัฐบาลต้องเร่งเข้าไปแก้ไขและที่สำคัญช่องว่าง หรือความแตกแยก ที่เกิดขึ้นน่าจะแก้ไขได้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวังไม่ว่าเรื่องของการดูแลรายการวิทยุ การแสดงความคิดเห็นหรือแนวทางต่าง ๆที่ทำให้เกิดความแตกแยกโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือปัญหาของการเยียวยา
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า การเข้าพบนายกฯของส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวานนี้(8 ก.ย.) ว่าพรรคได้เสนอถึงเรื่องการเยียวยาว่าจากทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนก็ตามจะต้องได้รับการดูแลชดเชยช่วยเหลือจากทางราชการอย่างเท่าเทียมกัน อีกเรื่องคือปัญหาการข่มขู่จากเจ้าหน้าที่ เพราะว่ามีการไปพูดถึงเรื่องการขึ้นบัญชีคน ซึ่งตรงนี้แม้นายกและรัฐบาลปฎิเสธว่าไม่มีแนวทางทำแบบนึ้แน่นอน แต่พรรคเห็นว่าทุกฝ่ายควรช่วยกันอธิบาย เพราะประชาชนในพื้นที่จะยังอยู่ในความหวาดกลัว ซึ่งเรื่องการข่มขู่อาจจะมีฝ่ายใดไปแอบอ้าง และอีกฝ่ายไปสร้างสถานการณ์ให้เกิดความหวาดกลัว เพราะฉะนั้นอะไรก็ตามที่เป็นเงื่อนไข ที่ภาครัฐสามารถที่จะดูแลควบคุมได้ จะต้องไม่ไปทำให้เป็นเหยื่อของทางฝ่ายผู้ไม่หวังดี ในการที่จะหยิบยกไปเพื่อที่จะไปทำให้เกิดช่องว่างระหว่างภาครัฐกับประชาชน ทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนกตกใจหรือความหวาดกลัวต่าง ๆ
‘การเยียวยานี้คนมักจะมองด้านเดียว อันนี้ก็พูดกันตรง ๆ ก็คือว่า เวลาประชาชนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องเป็นผู้บริสุทธ์และถูกฝ่ายผู้ก่อการร้ายหรือก่อความไม่สงบกระทำ คนเหล่านี้กลับไม่ได้รับการดูแลในเรื่องการเยียวยา มันก็เลยไปเกิดความรู้สึกที่รุนแรง ตรงนี้ก็ต้องแก้เพราะจริง ๆ แล้วระเบียบเรื่องการเยียวยายังไม่ได้มีการทำความเข้าใจในแง่ของการที่จะให้ผู้ได้รับความเสียหาย’ นายอภิสิทธิ์กล่าว
อย่างไรก็ตามพรรคจะยังต้องติดตามดูต่อไปว่าข้อห่วงใยปัญหาต่าง ๆ ที่ได้สะท้อนไป ได้รับการคลี่คลายแก้ไขไปมากน้อยแค่ไหน ซึ่งพรรคหวังว่าเหตุการณ์การพบปะกันอย่างน้อยก็จะช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีในแง่ของการที่จะให้ทุกฝ่ายมองว่าจริง ๆ ขณะนี้ปัญหานี้รุนแรงมาก และเป็นอะไรที่แต่ละฝ่ายต้องช่วยกันทำได้เพื่อช่วยคลี่คลายปัญหานี้ ‘ผมคิดว่าถ้าประชาชนในพื้นที่มีตัวแทนที่เป็นเสียงสะท้อนในบางแง่มุมที่รัฐบาลไม่ทราบ แล้วรัฐบาลรู้จักที่จะรับฟังจะช่วยแก้ปัญหาได้เพราะว่าหัวใจจริง ๆผมเน้นไม่รู้กี่ร้อยครั้งแล้วว่า คือการลดช่องว่างให้ประชาชนมีความรู้สึกว่าปลอดภัยมีความรู้สึกว่าเป็นธรรม ตรงนั้นจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 9 ก.ย. 2548--จบ--
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การเข้าพบนายกฯครั้งนี้ ยังได้หารือถึงข้อเท็จจริงต่าง ๆ ในพื้นที่ ทั้งนี้พรรคเห็นว่านายกฯมีข้อมูล ทั้งจากกลไกของทางราชการ ทั้งด้านการข่าว ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ แต่พรรคเชื่อว่ายังมีข้อเท็จจริงหลายเรื่องที่รัฐบาลยังไม่มี คือข้อมูลที่ประชาชนทั่วไปสัมผัสอยู่ และไม่กล้าที่จะไปหาทางข้าราชการ เพราะไม่แน่ใจว่าสิ่งเหล่านี้จะถูกรายงานไปถึงท่านนายกหรือไม่ แต่ความรุนแรงของปัญหาในบางพื้นที่ อยู่ในสถานการณ์ซึ่งรัฐบาลต้องเร่งเข้าไปแก้ไขและที่สำคัญช่องว่าง หรือความแตกแยก ที่เกิดขึ้นน่าจะแก้ไขได้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวังไม่ว่าเรื่องของการดูแลรายการวิทยุ การแสดงความคิดเห็นหรือแนวทางต่าง ๆที่ทำให้เกิดความแตกแยกโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือปัญหาของการเยียวยา
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า การเข้าพบนายกฯของส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวานนี้(8 ก.ย.) ว่าพรรคได้เสนอถึงเรื่องการเยียวยาว่าจากทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนก็ตามจะต้องได้รับการดูแลชดเชยช่วยเหลือจากทางราชการอย่างเท่าเทียมกัน อีกเรื่องคือปัญหาการข่มขู่จากเจ้าหน้าที่ เพราะว่ามีการไปพูดถึงเรื่องการขึ้นบัญชีคน ซึ่งตรงนี้แม้นายกและรัฐบาลปฎิเสธว่าไม่มีแนวทางทำแบบนึ้แน่นอน แต่พรรคเห็นว่าทุกฝ่ายควรช่วยกันอธิบาย เพราะประชาชนในพื้นที่จะยังอยู่ในความหวาดกลัว ซึ่งเรื่องการข่มขู่อาจจะมีฝ่ายใดไปแอบอ้าง และอีกฝ่ายไปสร้างสถานการณ์ให้เกิดความหวาดกลัว เพราะฉะนั้นอะไรก็ตามที่เป็นเงื่อนไข ที่ภาครัฐสามารถที่จะดูแลควบคุมได้ จะต้องไม่ไปทำให้เป็นเหยื่อของทางฝ่ายผู้ไม่หวังดี ในการที่จะหยิบยกไปเพื่อที่จะไปทำให้เกิดช่องว่างระหว่างภาครัฐกับประชาชน ทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนกตกใจหรือความหวาดกลัวต่าง ๆ
‘การเยียวยานี้คนมักจะมองด้านเดียว อันนี้ก็พูดกันตรง ๆ ก็คือว่า เวลาประชาชนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องเป็นผู้บริสุทธ์และถูกฝ่ายผู้ก่อการร้ายหรือก่อความไม่สงบกระทำ คนเหล่านี้กลับไม่ได้รับการดูแลในเรื่องการเยียวยา มันก็เลยไปเกิดความรู้สึกที่รุนแรง ตรงนี้ก็ต้องแก้เพราะจริง ๆ แล้วระเบียบเรื่องการเยียวยายังไม่ได้มีการทำความเข้าใจในแง่ของการที่จะให้ผู้ได้รับความเสียหาย’ นายอภิสิทธิ์กล่าว
อย่างไรก็ตามพรรคจะยังต้องติดตามดูต่อไปว่าข้อห่วงใยปัญหาต่าง ๆ ที่ได้สะท้อนไป ได้รับการคลี่คลายแก้ไขไปมากน้อยแค่ไหน ซึ่งพรรคหวังว่าเหตุการณ์การพบปะกันอย่างน้อยก็จะช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีในแง่ของการที่จะให้ทุกฝ่ายมองว่าจริง ๆ ขณะนี้ปัญหานี้รุนแรงมาก และเป็นอะไรที่แต่ละฝ่ายต้องช่วยกันทำได้เพื่อช่วยคลี่คลายปัญหานี้ ‘ผมคิดว่าถ้าประชาชนในพื้นที่มีตัวแทนที่เป็นเสียงสะท้อนในบางแง่มุมที่รัฐบาลไม่ทราบ แล้วรัฐบาลรู้จักที่จะรับฟังจะช่วยแก้ปัญหาได้เพราะว่าหัวใจจริง ๆผมเน้นไม่รู้กี่ร้อยครั้งแล้วว่า คือการลดช่องว่างให้ประชาชนมีความรู้สึกว่าปลอดภัยมีความรู้สึกว่าเป็นธรรม ตรงนั้นจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 9 ก.ย. 2548--จบ--