วันนี้ (19 สค.49) นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และประธานตรวจสอบการทุจจริตของพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงคณะกรรมการทำงานตรวจสอบการทุจริตของพรรคประชาธิปัตย์ได้ติดตามสืบสวนสอบสวนการแจ้งเบาะแสผ่านตู้ ปณ. 222 กรณีการจัดซื้อจัดจ้างงานบริการรถเข็นกระเป๋าในสนามบินสุวรรณภูมิระยะเวลาสัญญา 7 ปี วงเงิน 534 ล้านบาท ปรากฏว่าได้พบหลักฐานส่อการกระทำผิดเข้าข่ายการทุจริตและทำให้ทางราชการเสียหาย โดยเฉพาะการสืบสวนจนพบ ว่าการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีพิเศษดังกล่าวของบริษัทท่าอากาศยานไทยนั้น มีราคาสูงเกินกว่าความเป็นจริงเกือบ 200 ล้านบาท โดยที่ได้มีการพบว่าราคาของการประมูลครั้งนี้ที่ทำสัญญาไป 534 ล้านบาท โดยเป็นการซื้อรถเข็นกระเป๋าขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ จำนวน 9,034 คัน รวมทั้งค่าจ้างแรงงานบริการจัดเก็บรถเข็นกระเป๋าระยะเวลา 7 ปี ในวงเงิน 534 ล้านบาทที่ทาง ทอท.ได้ทำสัญญากับบริษัทไทยแอร์พอร์ตกราวด์เซอวิส (TAG) นั้นคณะกรรมการได้ตรวจพบว่ามูลค่าของโครงการดังกล่าวนั้นอยู่ที่วงเงินเพียง 337 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งมีส่วนต่างถึงเกือบ 200 ล้านบาท และได้สืบสวนพบบันทึกข้อตกลงโครงการให้บริการรถเข็นกระเป๋าผู้โดยสารที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระหว่างบริษัท TAG กับบริษัทที่เกี่ยวข้อง เป็นสัญญาในการที่จะร่วมเข้าสู่การประมูลครั้งนี้
โดยในหนังสือนี้ระบุชัดเจน ว่าราคารวมของค่ารถทั้งหมดซึ่งเป็นรถ ที่มีมาตรฐานระดับอินเตอร์ในการใช้งานที่ตามสนามบินนานาชาติ จะมีราคารวมกันทั้งรถขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ 9,034 คันนั้นเป็นวงเงิน 131 ล้านบาท ส่วนค่าให้บริการในการจ้างแรงงานตลอด 7 ปี ตามข้อกำหนดของ TOR ของ ทอท.ในข้อตกลงดังกล่าวนั้น จะมีการใช้งบประมาณในการจ้างปีละ 29,436,000 ล้านบาทหรือเป็นค่าแรงรวมทั้งสิ้น 7 ปี 206 ล้านบาท สัญญาข้อตกลงดังกล่าวได้รวมยอดของต้นทุนการประมูลในครั้งนี้ ซึ่งบริษัทที่เกี่ยวข้องมีผลกำไรบวกไปแล้วเป็นจำนวน 337 ล้านบาท
นายอลงกรณ์เห็นว่า ตรงนี้เป็นประเด็นที่สำคัญมากที่ส่อให้เห็นว่าการกำหนดราคากลางและการทำสัญญาของ ทอท.นั้นส่อว่าทำให้ทางราชการเสียหายเกือบ 200 ล้านบาท นอกจากนั้นแล้วยังได้พบว่าแม้ว่าประกาศของ ทอท. ว่าเป็นว่าเป็นการประมูลด้วยระบบ อิเลคทรอนิค งานจ้างผู้ให้บริการรถเข็นกระเป๋า ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ลงวันที่ 2 มีนาคม 2549 นั้น แต่ปรากฏว่าเมื่อดำเนินการไม่ได้มีการประมูลโดยวิธี อิเลคทรอนิค หรือ อีออคชั่นแต่อย่างใด แต่กลับเป็นการใช้วิธีพิเศษ ประการต่อมาคือในขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างดังกล่าวนั้นส่อพิรุธ หลายประการ ประกอบด้วย
1.การล้มการประมูลครั้งแรก โดยมีการแก้ไขสเปก เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับบางบริษัท โดยเฉพาะประเด็นที่มีการแก้ไขว่า โรงงานที่จะผลิตรถเข็นกระเป๋านั้นจะต้องเป็นโรงงานซึ่งเคยขายและส่งออกใช้งานในสนามบินนานาชาติ ได้ถูกตัดข้อความนี้ไป และรถเข็นกระเป๋าซึ่งกำหนดใน TOR เดิมว่าจะต้องเป็นรถเข็นกระเป๋าที่มีคุณลักษณะที่ใช้งานอยู่ในสนามบินนานาชาติ โดยทั่วไปก็มีการแก้ไขเป็นรถเข็นที่ใช้ บนบันไดเลื่อนได้ การแก้ไขดังกล่าวนั้นส่อว่าเป็นการเอื้อให้กับบางบริษัทโดยตรง ประการสำคัญเมื่อมีการลดสเปก จากรถเข็นในระดับสากล มาเป็นรถเข็นกระเป๋า แบบในซุปเปอร์มาร์เก็ต แต่ไม่ได้มีการลดวงเงินงบประมาณแต่อย่างใดทั้งที่มีการกำหนดคุณภาพ มาตราฐานที่ต่ำลงมา สุดท้ายคือมีเพียงบริษัทเดียวที่ผ่านคุณสมบัติทางเทคนิค ไม่มีการแข่งขันทางด้านราคาแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นจากหลักฐานและพยานที่ได้สืบสวนสอบสวนมาส่อว่าการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีพิเศษของ ทอท.ในเรื่องของการบริการรถเข็นกระเป๋าสนามบินสุวรรณภูมินั้นเข้าข่ายการกระทำผิด พระราชบัญญัติว่าด้วยการเสนองานต่อรัฐ พ.ศ.2542 รวมถึงพระราชบัญญัติ ป.ป.ช.และประมวลกฏหมายอาญาเพราะ ทอท.นั้นเป็นรัฐวิสาหกิจ คณะกรรมการในการกำหนดการจัดซื้อจัดจ้างครั้งนี้รวมถึงผู้บริหารที่เกี่ยวข้องจะต้องถูกสอบสวน
ดังนั้นในวันจันทร์ที่ 21 สิงหาคม นี้คณะทำงานจะได้ไปยื่นหลักฐานเอกสารทั้งหมด รวมทั้งประเด็นที่เกี่ยวข้อง ส่อว่ามีการทุจริตต่อสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินต่อไป
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 19 ส.ค. 2549--จบ--
โดยในหนังสือนี้ระบุชัดเจน ว่าราคารวมของค่ารถทั้งหมดซึ่งเป็นรถ ที่มีมาตรฐานระดับอินเตอร์ในการใช้งานที่ตามสนามบินนานาชาติ จะมีราคารวมกันทั้งรถขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ 9,034 คันนั้นเป็นวงเงิน 131 ล้านบาท ส่วนค่าให้บริการในการจ้างแรงงานตลอด 7 ปี ตามข้อกำหนดของ TOR ของ ทอท.ในข้อตกลงดังกล่าวนั้น จะมีการใช้งบประมาณในการจ้างปีละ 29,436,000 ล้านบาทหรือเป็นค่าแรงรวมทั้งสิ้น 7 ปี 206 ล้านบาท สัญญาข้อตกลงดังกล่าวได้รวมยอดของต้นทุนการประมูลในครั้งนี้ ซึ่งบริษัทที่เกี่ยวข้องมีผลกำไรบวกไปแล้วเป็นจำนวน 337 ล้านบาท
นายอลงกรณ์เห็นว่า ตรงนี้เป็นประเด็นที่สำคัญมากที่ส่อให้เห็นว่าการกำหนดราคากลางและการทำสัญญาของ ทอท.นั้นส่อว่าทำให้ทางราชการเสียหายเกือบ 200 ล้านบาท นอกจากนั้นแล้วยังได้พบว่าแม้ว่าประกาศของ ทอท. ว่าเป็นว่าเป็นการประมูลด้วยระบบ อิเลคทรอนิค งานจ้างผู้ให้บริการรถเข็นกระเป๋า ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ลงวันที่ 2 มีนาคม 2549 นั้น แต่ปรากฏว่าเมื่อดำเนินการไม่ได้มีการประมูลโดยวิธี อิเลคทรอนิค หรือ อีออคชั่นแต่อย่างใด แต่กลับเป็นการใช้วิธีพิเศษ ประการต่อมาคือในขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างดังกล่าวนั้นส่อพิรุธ หลายประการ ประกอบด้วย
1.การล้มการประมูลครั้งแรก โดยมีการแก้ไขสเปก เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับบางบริษัท โดยเฉพาะประเด็นที่มีการแก้ไขว่า โรงงานที่จะผลิตรถเข็นกระเป๋านั้นจะต้องเป็นโรงงานซึ่งเคยขายและส่งออกใช้งานในสนามบินนานาชาติ ได้ถูกตัดข้อความนี้ไป และรถเข็นกระเป๋าซึ่งกำหนดใน TOR เดิมว่าจะต้องเป็นรถเข็นกระเป๋าที่มีคุณลักษณะที่ใช้งานอยู่ในสนามบินนานาชาติ โดยทั่วไปก็มีการแก้ไขเป็นรถเข็นที่ใช้ บนบันไดเลื่อนได้ การแก้ไขดังกล่าวนั้นส่อว่าเป็นการเอื้อให้กับบางบริษัทโดยตรง ประการสำคัญเมื่อมีการลดสเปก จากรถเข็นในระดับสากล มาเป็นรถเข็นกระเป๋า แบบในซุปเปอร์มาร์เก็ต แต่ไม่ได้มีการลดวงเงินงบประมาณแต่อย่างใดทั้งที่มีการกำหนดคุณภาพ มาตราฐานที่ต่ำลงมา สุดท้ายคือมีเพียงบริษัทเดียวที่ผ่านคุณสมบัติทางเทคนิค ไม่มีการแข่งขันทางด้านราคาแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นจากหลักฐานและพยานที่ได้สืบสวนสอบสวนมาส่อว่าการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีพิเศษของ ทอท.ในเรื่องของการบริการรถเข็นกระเป๋าสนามบินสุวรรณภูมินั้นเข้าข่ายการกระทำผิด พระราชบัญญัติว่าด้วยการเสนองานต่อรัฐ พ.ศ.2542 รวมถึงพระราชบัญญัติ ป.ป.ช.และประมวลกฏหมายอาญาเพราะ ทอท.นั้นเป็นรัฐวิสาหกิจ คณะกรรมการในการกำหนดการจัดซื้อจัดจ้างครั้งนี้รวมถึงผู้บริหารที่เกี่ยวข้องจะต้องถูกสอบสวน
ดังนั้นในวันจันทร์ที่ 21 สิงหาคม นี้คณะทำงานจะได้ไปยื่นหลักฐานเอกสารทั้งหมด รวมทั้งประเด็นที่เกี่ยวข้อง ส่อว่ามีการทุจริตต่อสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินต่อไป
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 19 ส.ค. 2549--จบ--