กรุงเทพ--8 ธ.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงดิลีว่า เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2549 นายวิวัฒน์ กุลธรเธียร เอกอัครราชทูตฯ ได้เข้าร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามในเอกสารโครงการลงทุนร่วมไทย-ติมอร์ตะวันออกว่าด้วยการผลิตไฟฟ้าจากวัสดุเหลือใช้ (Thai-Timor-Leste Joint Venture Agreement on Biomass Gasification Power Supply) ระหว่าง ศ.ดร. ยุวัฒน์ วุฒิเมธี รองประธานบริษัท KYTBW กับนาย Jose Teixeiro รัฐมนตรีแร่ธาตุและพลังงานติมอร์ฯ
โครงการฯ เป็นโครงการลงทุนร่วมที่มิใช่น้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในติมอร์ฯ มีมูลค่า 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นการลงทุนจากฝ่ายไทย 72 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ร้อยละ 90) และการลงทุนของติมอร์ฯ 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ร้อยละ 10) เพื่อผลิตไฟฟ้า 10 Megawatts (สำรองอีก 10 Megawatts) ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนติมอร์ฯ 100,000 ครอบครัว ทั้งนี้ ในเบื้องต้นโครงการฯ จะใช้เชื้อเพลิงถ่านหินอัดแข็งจากอินโดนีเซียและออสเตรเลีย และในขั้นตอนต่อไปจะใช้เชื้อเพลิงจากวัสดุเหลือใช้หรือเชื้อเพลิงชีวภาพของติมอร์ฯ อาทิ วัสดุจากต้นไม้ เศษวัสดุ ฟางข้าว เปลือกข้าว เปลือกกาแฟ วัชพืช และมูลสัตว์ โครงการฯ นอกจากจะช่วยให้ประชาชนติมอร์ฯ มีไฟฟ้าใช้โดยไม่ขาดแคลน อีกทั้งยังทำให้ติมอร์ฯ มีไฟฟ้าใช้ในราคาถูกลง มีความต่อเนื่องและเชื่อถือได้ (cheap, sustainable and reliable) และเป็นผลดีต่อสภาพแวดล้อมของประเทศด้วย
ทั้งนี้ การผลิตกระแสไฟฟ้า (Biomass Gasification Power) ของบริษัท KYTBW เป็นเครื่องที่ประกอบในประเทศไทย โดยชิ้นส่วนผลิตทั้งในไทยและนำเข้าจากอังกฤษและญี่ปุ่น นอกจากนี้ บริษัท KYTBW ยังจะส่งเครื่องกำเนิดไฟฟ้ามาช่วยติมอร์ฯ เป็นกรณีฉุกเฉิน เนื่องจากมักเกิดปัญหาไฟฟ้าดับเป็นประจำเป็นการเร่งด่วนไปก่อนด้วย
การลงทุนร่วมในโครงการฯ ของไทยถือเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ที่จะก่อให้เกิดโอกาส อันดีที่บริษัทเอกชนไทยจะเข้าไปมีบทบาทในโครงการผลิตไฟฟ้าของติมอร์ฯ ซึ่งยังต้องมีการพัฒนาและเพิ่มกำลังการผลิตต่อไปในอนาคต และยังเป็นการสร้างคะแนนนิยมให้ไทยในติมอร์ฯ ได้เป็นอย่างดี
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงดิลีว่า เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2549 นายวิวัฒน์ กุลธรเธียร เอกอัครราชทูตฯ ได้เข้าร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามในเอกสารโครงการลงทุนร่วมไทย-ติมอร์ตะวันออกว่าด้วยการผลิตไฟฟ้าจากวัสดุเหลือใช้ (Thai-Timor-Leste Joint Venture Agreement on Biomass Gasification Power Supply) ระหว่าง ศ.ดร. ยุวัฒน์ วุฒิเมธี รองประธานบริษัท KYTBW กับนาย Jose Teixeiro รัฐมนตรีแร่ธาตุและพลังงานติมอร์ฯ
โครงการฯ เป็นโครงการลงทุนร่วมที่มิใช่น้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในติมอร์ฯ มีมูลค่า 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นการลงทุนจากฝ่ายไทย 72 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ร้อยละ 90) และการลงทุนของติมอร์ฯ 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ร้อยละ 10) เพื่อผลิตไฟฟ้า 10 Megawatts (สำรองอีก 10 Megawatts) ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนติมอร์ฯ 100,000 ครอบครัว ทั้งนี้ ในเบื้องต้นโครงการฯ จะใช้เชื้อเพลิงถ่านหินอัดแข็งจากอินโดนีเซียและออสเตรเลีย และในขั้นตอนต่อไปจะใช้เชื้อเพลิงจากวัสดุเหลือใช้หรือเชื้อเพลิงชีวภาพของติมอร์ฯ อาทิ วัสดุจากต้นไม้ เศษวัสดุ ฟางข้าว เปลือกข้าว เปลือกกาแฟ วัชพืช และมูลสัตว์ โครงการฯ นอกจากจะช่วยให้ประชาชนติมอร์ฯ มีไฟฟ้าใช้โดยไม่ขาดแคลน อีกทั้งยังทำให้ติมอร์ฯ มีไฟฟ้าใช้ในราคาถูกลง มีความต่อเนื่องและเชื่อถือได้ (cheap, sustainable and reliable) และเป็นผลดีต่อสภาพแวดล้อมของประเทศด้วย
ทั้งนี้ การผลิตกระแสไฟฟ้า (Biomass Gasification Power) ของบริษัท KYTBW เป็นเครื่องที่ประกอบในประเทศไทย โดยชิ้นส่วนผลิตทั้งในไทยและนำเข้าจากอังกฤษและญี่ปุ่น นอกจากนี้ บริษัท KYTBW ยังจะส่งเครื่องกำเนิดไฟฟ้ามาช่วยติมอร์ฯ เป็นกรณีฉุกเฉิน เนื่องจากมักเกิดปัญหาไฟฟ้าดับเป็นประจำเป็นการเร่งด่วนไปก่อนด้วย
การลงทุนร่วมในโครงการฯ ของไทยถือเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ที่จะก่อให้เกิดโอกาส อันดีที่บริษัทเอกชนไทยจะเข้าไปมีบทบาทในโครงการผลิตไฟฟ้าของติมอร์ฯ ซึ่งยังต้องมีการพัฒนาและเพิ่มกำลังการผลิตต่อไปในอนาคต และยังเป็นการสร้างคะแนนนิยมให้ไทยในติมอร์ฯ ได้เป็นอย่างดี
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-