กรุงเทพ--5 ก.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
ระหว่าง 10-11 กันยายน 2549 พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดจะเดินทางเข้าร่วมการประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป (ASEM) ครั้งที่ 6 ณ กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ ซึ่งมีนาย Matti Vanhanen นายกรัฐมนตรีฟินแลนด์เป็นเจ้าภาพ โดยจะเป็นวาระที่ ASEM มีอายุครบ 10 ปีนับตั้งแต่การประชุมครั้งแรกในกรุงเทพฯ เมื่อ 1-2 มีนาคม 2539
การประชุมครั้งนี้มีหัวข้อหลัก (theme) คือ “10 Years of ASEM: Global Challenges — Joint Responses” โดยผู้นำจากประเทศเอเชียและยุโรปจะร่วมกันหารือใน 6 หัวข้อเกี่ยวกับ
1) การเสริมสร้างระบบพหุภาคีและการจัดการภัยคุกคามด้านความมั่นคง ซึ่งจะครอบคลุมประเด็นต่างๆ อาทิ บทบาทของสหประชาชาติและการปฏิรูปองค์กร การป้องกันและต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญกรรมข้ามชาติ การป้องกันการแพร่กระจายของอาวุธร้ายแรง การป้องกันและต่อต้านโรคเอดส์และโรคติดต่อ การจัดการภัยพิบัติ
2) การพัฒนาอย่างยั่งยืน (รวมถึงประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมและความมั่นคงทางพลังงาน)
3) การหารือระหว่างวัฒนธรรมและอารยธรรม ซึ่งครอบคลุมถึงเรื่องการส่งเสริมความร่วมมือในด้านการศึกษา วิทยศาสตร์และวัฒนธรรม การแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนและการส่งเสริมความร่วมมือในภาคประชาสังคม
4) โลกาภิวัตน์และขีดความสามารถ ซึ่งครอบคลุมเรื่องการส่งเสริมการค้าและการลงทุน การสนับสนุนกิจกรรมของภาคเอกชน การผลักดันการเจรจารอบโดฮา และความร่วมมือที่เกี่ยวข้องในกรอบ ASEM
5) พัฒนาการของสถานการณ์ในภูมิภาค
6) อนาคตของ ASEM ที่ประชุมจะรับรองเอกสารสำคัญๆ รวม 3 ฉบับ ได้แก่ 1) แถลงการณ์ของประธาน (Chairman’s Statement) ซึ่งจะกล่าวถึงประเด็นต่างๆ ตามหัวข้อการหารือของที่ประชุม 2) ปฏิญญาว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Declaration on Climate Change) ซึ่งจะกล่าวถึงบทบาทของ ASEM
ในการจัดการกับปัญหาดังกล่าว และ 3) ปฏิญญาว่าด้วยอนาคตของ ASEM (Declaration on Future of ASEM) ซึ่งเป็นเอกสารในโอกาสครบรอบ 10 ปีของ ASEM โดยเน้นการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างเอเชียและยุโรปภายในกรอบ ASEM ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นในด้านต่างๆ รวมถึงการปรับปรุงโครงสร้างการทำงานของ ASEM ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
ไทยให้ความสำคัญต่อการประชุมเอเชีย-ยุโรปและประสงค์ที่จะเห็น ASEM เป็นทั้งเวทีหารือและเวทีความร่วมมือระหว่างสองภูมิภาค ที่จะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศสมาชิกให้เป็นรูปธรรมและแน่นแฟ้น โดยเป็นทั้งเวทีแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ ที่อยู่ในความสนใจของประเทศที่เข้าร่วมทั้งในระดับผู้นำ รัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่อาวุโส และเวทีส่งเสริมความร่วมมือในด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ การร่วมแก้ไขปัญหาข้ามชาติต่างๆ และการส่งเสริมการติดต่อระหว่างประชาชน ซึ่งจะเป็นการสร้างพื้นฐานความเข้าใจระหว่างประชาชนของทั้งสองภูมิภาคอย่างแท้จริง
ที่ผ่านมา ไทยได้เข้าร่วมกิจกรรมระดับประชาชนต่างๆ ของ ASEM อาทิ การจัดแข่งขันกีฬาเยาวชนเอเชีย-ยุโรป (ASEM Youth Games) เมื่อเดือนมิถุนายน 2548 การเข้าร่วมเป็น contributing partners ของโครงการ ASEM DUO Fellowship Programme ซึ่งเป็นโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาและอาจารย์ในระดับอุดมศึกษา และการเป็นประเทศผู้ร่วมอุปถัมภ์การประชุม ASEM Interfaith Dialogue
ปัจจุบัน ASEM มีสมาชิก 38 ประเทศและ 1 องค์กร ได้แก่ ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป 25 ประเทศ (ออสเตรีย เบลเยี่ยม ไซปรัส สาธารณรัฐเช็ก เดนมาร์ก เอสดตเนีย ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี กรีซ ฮังการี ไอร์แลนด์ อิตาลี ลัตเวีย ลิทัวเนีย ลักเซมเบิร์ก มอลตา เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ โปรตุเกส สาธารณรัฐสโลวัก สโลวีเนีย สเปน สวีเดน สหราชอาณาจักร) ประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ (บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย เวียดนาม) จีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี และคณะกรรมาธิการยุโรป ทั้งนี้ ไทยเป็นเจ้าภาพการประชุม ASEM ครั้งแรกเมื่อ 1-2 มีนาคม 2539
โดยครั้งนั้นมีประมุขและหัวหน้ารัฐบาลของประเทศยุโรป 15 ประเทศและประเทศเอเชีย 10 ประเทศ รวมทั้งคณะกรรมาธิการยุโรปเข้าร่วม
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
ระหว่าง 10-11 กันยายน 2549 พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดจะเดินทางเข้าร่วมการประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป (ASEM) ครั้งที่ 6 ณ กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ ซึ่งมีนาย Matti Vanhanen นายกรัฐมนตรีฟินแลนด์เป็นเจ้าภาพ โดยจะเป็นวาระที่ ASEM มีอายุครบ 10 ปีนับตั้งแต่การประชุมครั้งแรกในกรุงเทพฯ เมื่อ 1-2 มีนาคม 2539
การประชุมครั้งนี้มีหัวข้อหลัก (theme) คือ “10 Years of ASEM: Global Challenges — Joint Responses” โดยผู้นำจากประเทศเอเชียและยุโรปจะร่วมกันหารือใน 6 หัวข้อเกี่ยวกับ
1) การเสริมสร้างระบบพหุภาคีและการจัดการภัยคุกคามด้านความมั่นคง ซึ่งจะครอบคลุมประเด็นต่างๆ อาทิ บทบาทของสหประชาชาติและการปฏิรูปองค์กร การป้องกันและต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญกรรมข้ามชาติ การป้องกันการแพร่กระจายของอาวุธร้ายแรง การป้องกันและต่อต้านโรคเอดส์และโรคติดต่อ การจัดการภัยพิบัติ
2) การพัฒนาอย่างยั่งยืน (รวมถึงประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมและความมั่นคงทางพลังงาน)
3) การหารือระหว่างวัฒนธรรมและอารยธรรม ซึ่งครอบคลุมถึงเรื่องการส่งเสริมความร่วมมือในด้านการศึกษา วิทยศาสตร์และวัฒนธรรม การแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนและการส่งเสริมความร่วมมือในภาคประชาสังคม
4) โลกาภิวัตน์และขีดความสามารถ ซึ่งครอบคลุมเรื่องการส่งเสริมการค้าและการลงทุน การสนับสนุนกิจกรรมของภาคเอกชน การผลักดันการเจรจารอบโดฮา และความร่วมมือที่เกี่ยวข้องในกรอบ ASEM
5) พัฒนาการของสถานการณ์ในภูมิภาค
6) อนาคตของ ASEM ที่ประชุมจะรับรองเอกสารสำคัญๆ รวม 3 ฉบับ ได้แก่ 1) แถลงการณ์ของประธาน (Chairman’s Statement) ซึ่งจะกล่าวถึงประเด็นต่างๆ ตามหัวข้อการหารือของที่ประชุม 2) ปฏิญญาว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Declaration on Climate Change) ซึ่งจะกล่าวถึงบทบาทของ ASEM
ในการจัดการกับปัญหาดังกล่าว และ 3) ปฏิญญาว่าด้วยอนาคตของ ASEM (Declaration on Future of ASEM) ซึ่งเป็นเอกสารในโอกาสครบรอบ 10 ปีของ ASEM โดยเน้นการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างเอเชียและยุโรปภายในกรอบ ASEM ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นในด้านต่างๆ รวมถึงการปรับปรุงโครงสร้างการทำงานของ ASEM ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
ไทยให้ความสำคัญต่อการประชุมเอเชีย-ยุโรปและประสงค์ที่จะเห็น ASEM เป็นทั้งเวทีหารือและเวทีความร่วมมือระหว่างสองภูมิภาค ที่จะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศสมาชิกให้เป็นรูปธรรมและแน่นแฟ้น โดยเป็นทั้งเวทีแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ ที่อยู่ในความสนใจของประเทศที่เข้าร่วมทั้งในระดับผู้นำ รัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่อาวุโส และเวทีส่งเสริมความร่วมมือในด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ การร่วมแก้ไขปัญหาข้ามชาติต่างๆ และการส่งเสริมการติดต่อระหว่างประชาชน ซึ่งจะเป็นการสร้างพื้นฐานความเข้าใจระหว่างประชาชนของทั้งสองภูมิภาคอย่างแท้จริง
ที่ผ่านมา ไทยได้เข้าร่วมกิจกรรมระดับประชาชนต่างๆ ของ ASEM อาทิ การจัดแข่งขันกีฬาเยาวชนเอเชีย-ยุโรป (ASEM Youth Games) เมื่อเดือนมิถุนายน 2548 การเข้าร่วมเป็น contributing partners ของโครงการ ASEM DUO Fellowship Programme ซึ่งเป็นโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาและอาจารย์ในระดับอุดมศึกษา และการเป็นประเทศผู้ร่วมอุปถัมภ์การประชุม ASEM Interfaith Dialogue
ปัจจุบัน ASEM มีสมาชิก 38 ประเทศและ 1 องค์กร ได้แก่ ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป 25 ประเทศ (ออสเตรีย เบลเยี่ยม ไซปรัส สาธารณรัฐเช็ก เดนมาร์ก เอสดตเนีย ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี กรีซ ฮังการี ไอร์แลนด์ อิตาลี ลัตเวีย ลิทัวเนีย ลักเซมเบิร์ก มอลตา เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ โปรตุเกส สาธารณรัฐสโลวัก สโลวีเนีย สเปน สวีเดน สหราชอาณาจักร) ประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ (บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย เวียดนาม) จีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี และคณะกรรมาธิการยุโรป ทั้งนี้ ไทยเป็นเจ้าภาพการประชุม ASEM ครั้งแรกเมื่อ 1-2 มีนาคม 2539
โดยครั้งนั้นมีประมุขและหัวหน้ารัฐบาลของประเทศยุโรป 15 ประเทศและประเทศเอเชีย 10 ประเทศ รวมทั้งคณะกรรมาธิการยุโรปเข้าร่วม
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-