ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.ส่งสัญญาณเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงทิศทางค่าเงินบาทว่า
มีโอกาสแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง แต่จะอยู่ที่ระดับเท่าไรนั้นขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัย ได้แก่ 1)ค่าเงินดอลลาร์ที่มีทิศทางอ่อนค่าเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่
ชะลอตัว 2)ค่าเงินในภูมิภาค โดยเฉพาะทิศทางเงินหยวน และ 3)ทิศทางของราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของเงินบาทอีกด้านหนึ่งถือว่า
เป็นประโยชน์ต่อการลงทุน โดยเฉพาะโครงการเมกะโปรเจกต์ที่ไทยกำลังเดินหน้าอยู่ ซึ่งจะช่วยทำให้การนำเข้าวัตถุดิบมีต้นทุนถูกลง นอกจากนี้
การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดจะช่วยลดการแข็งค่าของเงินบาทได้บ้าง โดยเห็นว่าการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยไม่ควรเกิน 3% ของจีดีพี ทั้งนี้
ค่าเงินบาทนับจากต้นปีจนถึงปัจจุบันแข็งค่าขึ้นแล้วประมาณ 13% และในช่วง 1-2 วันจากนี้ก็ยังมีเงินทุนไหลเข้าอยู่ ซึ่ง ธปท.ยังคงติดตามแนวโน้ม
ของค่าเงินอย่างใกล้ชิด (โลกวันนี้, ไทยโพสต์, กรุงเทพธุรกิจ)
2. ธปท.คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 50 ขยายตัวที่ระดับ 4.5-5.5% ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวปาฐกถา
พิเศษหัวข้อ “มองเศรษฐกิจไทยในปี 50” ว่า ในปี 50 ธปท.มองว่าปัญหาเศรษฐกิจที่สำคัญของไทยมี 5 ประการ ได้แก่ 1)ปัญหาช่องว่างการออม
โดยเฉพาะการออมให้เพียงพอกับการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานที่จะเพิ่มขึ้น ซึ่งหากพิจารณาช่องว่างระหว่างการออมกับการลงทุนในปี 44-49
อยู่ที่ 4.4% แต่ครึ่งแรกของปี 49 ลดลงเหลือเพียง 1.8% นับเป็นระดับที่น่าเป็นห่วง 2) ปัญหาเรื่องประสิทธิภาพการใช้น้ำมัน โดยในปี 47
มีมูลค่าสูงถึงวันละ 6.1 ล.ดอลลาร์ สรอ. 3) ปัญหาความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยเฉพาะปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่มีคุณภาพ
ซึ่งในปี 49 ลำดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศลดลงที่อันดับ 38 จากปีก่อนอยู่ที่อันดับ 32 4) ปัญหาการจัดการทรัพยากรที่เริ่ม
ขาดแคลน โดยเฉพาะทรัพยากรน้ำที่ลดลงเกือบเท่าตัว และ 5) ปัญหาการกระจายรายได้และการกระจุกตัวของความยากจน อย่างไรก็ตาม ธปท.
เชื่อว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 50 จะอยู่ที่ 4.5-5.5% อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 1.5-2.5% ท่ามกลางปัจจัยลบคือ เศรษฐกิจสหรัฐฯ
ชะลอตัว ปัญหาค่าเงินหยวน การแข็งค่าของเงินบาท และปัญหาราคาน้ำมัน (ข่าวสด)
3. ธปท.ระบุกระบวนการปล่อยสินเชื่อของเอสเอ็มอีแบงก์ต้องใช้เวลาตรวจสอบต่อไป ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
กล่าวถึงการตรวจสอบปัญหาใน ธ.พัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) ว่า ที่ผ่านมา ธปท.เคยตรวจสอบ
กระบวนการปล่อยสินเชื่อของเอสเอ็มอีแบงก์แล้ว และพบว่าเอ็นพีแอลของธนาคารเพิ่มขึ้นเป็นปริมาณมากในระยะเวลารวดเร็ว และมีการปล่อย
สินเชื่อที่ไม่ตรงไปตรงมาในหลายรูปแบบ และแม้ว่าจะส่งผลการตรวจสอบให้ ก.คลังแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้สรุปรายละเอียดทั้งหมด เนื่องจากต้องใช้
เวลาตรวจสอบต่อไป และหาก ก.คลังต้องการข้อมูลเพิ่มเติมในการตรวจสอบ ธปท.ก็พร้อมให้ความร่วมมือ (กรุงเทพธุรกิจ)
4. ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ SMEs ในเดือน ต.ค.49 ปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกภาคธุรกิจ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจ
ขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการภาคการค้าและบริการ
(Trade & Service Sentiment Index : TSSI) ประจำเดือน ต.ค.49 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ SMEs เมื่อเทียบกับเดือน
ก.ย.ที่ผ่านมา ปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกภาคธุรกิจ โดยภาคการค้าและบริการเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 45.5 จาก 41.0 ภาคการค้าส่งและค้าปลีกอยู่ที่ระดับ
44.3 จาก 40.6 ส่วนภาคบริการอยู่ที่ระดับ 47.2 จาก 41.5 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศ และความเชื่อมั่นต่อธุรกิจ
ตนเองของ SMEs ปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ระดับ 43.6 และ 43.1 จากระดับ 32.7 และ 34.6 ตามลำดับ สำหรับสาขาธุรกิจที่มีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น
สูงสุดคือ การขนส่ง โดยดัชนีอยู่ที่ระดับ 51.3 นับเป็นธุรกิจเดียวที่มีค่าดัชนีเกินกว่า 50 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า พบว่า
ดัชนีภาคการค้าและบริการ ภาคค้าส่งและค้าปลีก และภาคบริการ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับเดียวกันคือ 53.6 จากระดับ 48.6 48.1 และ
49.3 ตามลำดับ ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบปี 49 ที่ทุกสาขาธุรกิจมีตัวเลขดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับเกินกว่า 50 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการ
มีความเชื่อมั่นในการประกอบธุรกิจในอนาคตดีขึ้นกว่าปัจจุบัน (ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้)
5. คาดว่าการส่งออกของไทยในปี 50 จะขยายตัว 10-12.5% ชะลอลงจากปี 49 รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงประมาณการการ
ส่งออกของไทยในปี 50 ว่า คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 10-12.5% โดย ก.พาณิชย์กำหนดเป้าหมายที่จะผลักดันการส่งออกให้ได้ถึง 12.5% หรือ
คิดเป็นมูลค่ารวม 145,220 ล.ดอลลาร์ สรอ. ส่วนการส่งออกในปี 49 คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 16% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ
129,000 ล.ดอลลาร์ สรอ. สำหรับสาเหตุสำคัญที่ทำให้การส่งออกปี 50 ปรับลดลงจากปีนี้ เนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกจะปรับตัวลดลง
จาก 5.1% เป็น 4.9% จากการปรับลดลงของเศรษฐกิจคู่ค้าที่สำคัญ เช่น สหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจจะปรับลดลงจาก 5% เป็น
2.9% ประกอบกับอัตราการเติบโตของมูลค่าการค้าโลกในปีหน้าที่คาดว่าจะปรับลดลงจาก 8.9% เหลือ 7.6% สำหรับประเด็นการที่เงินบาท
แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย เห็นได้จากตัวเลขการส่งออกในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ที่ยังขยายตัวได้สูงถึง
16% (กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน, ข่าวสด)
6. เอดีบีปรับเพิ่มอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปี 49 และ 50 ที่ระดับ 4.5% ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี)
เผยแพร่รายงานจับตาเศรษฐกิจเอเชียฉบับล่าสุด ระบุประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวกับข้องกับภูมิภาค โดยได้คาดการณ์เศรษฐกิจไทยว่าจะขยายตัว
4.5% ทั้งในปี 49 และ 50 ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มจากคาดการณ์ก่อนหน้านี้ในเดือน ก.ย.ที่ระดับ 4.2% และ 4.0% ตามลำดับ (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ธ.กลางยุโรปขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25 เป็นร้อยละ 3.5 ต่อปีตามที่คาดไว้ รายงานจากแฟรงค์เฟริท์ เมื่อ
7 ธ.ค.49 ธ.กลางยุโรปหรือ ECB ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25 เป็นร้อยละ 3.5 ต่อปีซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดในรอบ 5 ปีใน
การประชุมในวันที่ 7 ธ.ค.49 เป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้ เพื่อลดแรงกดดันเงินเฟ้อในช่วงที่เศรษฐกิจของ Euro zone กำลังขยายตัว แต่การที่
ECB จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปในต้นปี 50 หรือไม่ นักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่าขึ้นอยู่กับผลกระทบของการขึ้นอัตราภาษีที่เรียกเก็บจากผู้บริโภค
อีกร้อยละ 3.0 ของเยอรมนีในปี 50 และการที่เศรษฐกิจ สรอ.ที่ชะลอตัวลงรวมทั้งค่าเงินยูโรที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้เศรษฐกิจ
ของ Euro zone ในไตรมาสที่ 3 ปี 49 ขยายตัวในอัตราร้อยละ 2.7 ต่อปี สูงกว่าแนวโน้มระยะยาว ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อในเดือน พ.ย.49
อยู่ที่ร้อยละ 1.8 ซึ่งแม้ว่าจะต่ำกว่าเพดานร้อยละ 2.0 ที่ ECB กำหนดไว้แต่ยังสูงกว่าเดือนก่อนและคาดว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีจะสูงกว่าร้อยละ 2.0 ทั้งในปี 49 และปี 50 (รอยเตอร์)
2. ธ.กลางอังกฤษคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 5.0 ต่อปี รายงานจากลอนดอน เมื่อ 7 ธ.ค.49 ธ.กลางอังกฤษคง
อัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 5.0 ต่อปี ตรงกับผลสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์ แต่แนวโน้มที่ ธ.กลางอังกฤษจะขึ้น
อัตราดอกเบี้ยอีกหรือไม่ขึ้นอยู่กับอัตราค่าจ้างในต้นปี 50 ว่าจะสูงขึ้นมากน้อยเพียงใด ทั้งนี้ตัวเลขทางเศรษฐกิจในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมายัง
ส่งสัญญาณที่สับสน โดยตลาดบ้านและภาคบริการยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ราคาบ้านเมื่อเทียบต่อปีในเดือน พ.ย.49 เพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุด
ในรอบ 20 เดือน เช่นเดียวกับภาคบริการที่ขยายตัวในอัตราสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมการผลิตและการใช้จ่ายของผู้
บริโภคกลับชะลอตัวลง โดยผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือน ต.ค.49 หดตัวเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี เช่นเดียวกับอัตราการขยายตัวของยอด
ค้าปลีกในเดือน พ.ย.49 ที่อยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค.49 แต่อย่างไรก็ดี ธ.กลางอังกฤษยังมองว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะขยายตัว
ต่อไปและคาดว่าเศรษฐกิจในปี 50 จะขยายตัวในอัตราร้อยละ 3.0 ต่อปี (รอยเตอร์)
3. จีดีพีของญี่ปุ่นในไตรมาส 3 ปี 49 ขยายตัวร้อยละ 0.2 และ 0.8 เทียบต่อไตรมาสและเทียบต่อปีตามลำดับ รายงานจาก
โตเกียว เมื่อ 8 พ.ย.49 รัฐบาลญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์ในประเทศที่แท้จริง (จีดีพี) ของญี่ปุ่นในไตรมาส 3 ปี 49 ขยายตัวร้อยละ 0.2
จากไตรมาสก่อนหน้า ลดลงจากที่ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัวร้อยละ 0.5 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัวร้อยละ
0.3 และหากเทียบต่อปี ขยายตัวร้อยละ 0.8 เทียบกับที่รายงานเบื้องต้นก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัวร้อยละ 2.0 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
ว่าจะขยายตัวร้อยละ 1.1 (รอยเตอร์)
4. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของเกาหลีใต้ในเดือน พ.ย.49 เพิ่มสูงสุดในรอบ 8 เดือนที่ระดับ 99.0 รายงานจากโซล เมื่อ
7 ธ.ค.49 สำนักงานสถิติเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของเกาหลีใต้ (ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดความรู้สึกของผู้บริโภคเกี่ยวกับ
ความคาดหวังทางเศรษฐกิจ และการใช้จ่ายส่วนบุคคลในรอบ 6 เดือนข้างหน้า) ในเดือน พ.ย.49 เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 และสูงสุด
ในรอบ 8 เดือน ที่ระดับ 99.0 จากระดับ 97.7 ในเดือน ต.ค.49 อย่างไรก็ตาม แม้ดัชนีดังกล่าวจะเพิ่มสูงขึ้นแต่ยังคงต่ำกว่าระดับ 100
อันแสดงว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคาดการณ์ว่าภาวะเศรษฐกิจและการจับจ่ายใช้สอยในอนาคตยังไม่ดีนัก ทั้งนี้ สำนักงานสถิติเฝ้าติดตามตัวเลข
ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นตัวเลขบ่งชี้ความต้องการในประเทศ ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) เกาหลีใต้
(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 8 ธ.ค. 49 7 ธ.ค.
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 35.609 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 35.4439/35.7296 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.12313 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 745.54/14.97 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,600/10,700 10,550/10,650 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 58.1 58.28 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 2 ธ.ค. 49 ** ปรับลดลิตรละ 50 สตางค์ เมื่อ 7 ธ.ค.49 26.09*/23.74** 26.09*/24.24 27.24/24.69 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.ส่งสัญญาณเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงทิศทางค่าเงินบาทว่า
มีโอกาสแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง แต่จะอยู่ที่ระดับเท่าไรนั้นขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัย ได้แก่ 1)ค่าเงินดอลลาร์ที่มีทิศทางอ่อนค่าเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่
ชะลอตัว 2)ค่าเงินในภูมิภาค โดยเฉพาะทิศทางเงินหยวน และ 3)ทิศทางของราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของเงินบาทอีกด้านหนึ่งถือว่า
เป็นประโยชน์ต่อการลงทุน โดยเฉพาะโครงการเมกะโปรเจกต์ที่ไทยกำลังเดินหน้าอยู่ ซึ่งจะช่วยทำให้การนำเข้าวัตถุดิบมีต้นทุนถูกลง นอกจากนี้
การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดจะช่วยลดการแข็งค่าของเงินบาทได้บ้าง โดยเห็นว่าการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยไม่ควรเกิน 3% ของจีดีพี ทั้งนี้
ค่าเงินบาทนับจากต้นปีจนถึงปัจจุบันแข็งค่าขึ้นแล้วประมาณ 13% และในช่วง 1-2 วันจากนี้ก็ยังมีเงินทุนไหลเข้าอยู่ ซึ่ง ธปท.ยังคงติดตามแนวโน้ม
ของค่าเงินอย่างใกล้ชิด (โลกวันนี้, ไทยโพสต์, กรุงเทพธุรกิจ)
2. ธปท.คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 50 ขยายตัวที่ระดับ 4.5-5.5% ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวปาฐกถา
พิเศษหัวข้อ “มองเศรษฐกิจไทยในปี 50” ว่า ในปี 50 ธปท.มองว่าปัญหาเศรษฐกิจที่สำคัญของไทยมี 5 ประการ ได้แก่ 1)ปัญหาช่องว่างการออม
โดยเฉพาะการออมให้เพียงพอกับการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานที่จะเพิ่มขึ้น ซึ่งหากพิจารณาช่องว่างระหว่างการออมกับการลงทุนในปี 44-49
อยู่ที่ 4.4% แต่ครึ่งแรกของปี 49 ลดลงเหลือเพียง 1.8% นับเป็นระดับที่น่าเป็นห่วง 2) ปัญหาเรื่องประสิทธิภาพการใช้น้ำมัน โดยในปี 47
มีมูลค่าสูงถึงวันละ 6.1 ล.ดอลลาร์ สรอ. 3) ปัญหาความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยเฉพาะปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่มีคุณภาพ
ซึ่งในปี 49 ลำดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศลดลงที่อันดับ 38 จากปีก่อนอยู่ที่อันดับ 32 4) ปัญหาการจัดการทรัพยากรที่เริ่ม
ขาดแคลน โดยเฉพาะทรัพยากรน้ำที่ลดลงเกือบเท่าตัว และ 5) ปัญหาการกระจายรายได้และการกระจุกตัวของความยากจน อย่างไรก็ตาม ธปท.
เชื่อว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 50 จะอยู่ที่ 4.5-5.5% อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 1.5-2.5% ท่ามกลางปัจจัยลบคือ เศรษฐกิจสหรัฐฯ
ชะลอตัว ปัญหาค่าเงินหยวน การแข็งค่าของเงินบาท และปัญหาราคาน้ำมัน (ข่าวสด)
3. ธปท.ระบุกระบวนการปล่อยสินเชื่อของเอสเอ็มอีแบงก์ต้องใช้เวลาตรวจสอบต่อไป ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
กล่าวถึงการตรวจสอบปัญหาใน ธ.พัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) ว่า ที่ผ่านมา ธปท.เคยตรวจสอบ
กระบวนการปล่อยสินเชื่อของเอสเอ็มอีแบงก์แล้ว และพบว่าเอ็นพีแอลของธนาคารเพิ่มขึ้นเป็นปริมาณมากในระยะเวลารวดเร็ว และมีการปล่อย
สินเชื่อที่ไม่ตรงไปตรงมาในหลายรูปแบบ และแม้ว่าจะส่งผลการตรวจสอบให้ ก.คลังแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้สรุปรายละเอียดทั้งหมด เนื่องจากต้องใช้
เวลาตรวจสอบต่อไป และหาก ก.คลังต้องการข้อมูลเพิ่มเติมในการตรวจสอบ ธปท.ก็พร้อมให้ความร่วมมือ (กรุงเทพธุรกิจ)
4. ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ SMEs ในเดือน ต.ค.49 ปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกภาคธุรกิจ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจ
ขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการภาคการค้าและบริการ
(Trade & Service Sentiment Index : TSSI) ประจำเดือน ต.ค.49 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ SMEs เมื่อเทียบกับเดือน
ก.ย.ที่ผ่านมา ปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกภาคธุรกิจ โดยภาคการค้าและบริการเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 45.5 จาก 41.0 ภาคการค้าส่งและค้าปลีกอยู่ที่ระดับ
44.3 จาก 40.6 ส่วนภาคบริการอยู่ที่ระดับ 47.2 จาก 41.5 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศ และความเชื่อมั่นต่อธุรกิจ
ตนเองของ SMEs ปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ระดับ 43.6 และ 43.1 จากระดับ 32.7 และ 34.6 ตามลำดับ สำหรับสาขาธุรกิจที่มีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น
สูงสุดคือ การขนส่ง โดยดัชนีอยู่ที่ระดับ 51.3 นับเป็นธุรกิจเดียวที่มีค่าดัชนีเกินกว่า 50 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า พบว่า
ดัชนีภาคการค้าและบริการ ภาคค้าส่งและค้าปลีก และภาคบริการ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับเดียวกันคือ 53.6 จากระดับ 48.6 48.1 และ
49.3 ตามลำดับ ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบปี 49 ที่ทุกสาขาธุรกิจมีตัวเลขดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับเกินกว่า 50 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการ
มีความเชื่อมั่นในการประกอบธุรกิจในอนาคตดีขึ้นกว่าปัจจุบัน (ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้)
5. คาดว่าการส่งออกของไทยในปี 50 จะขยายตัว 10-12.5% ชะลอลงจากปี 49 รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงประมาณการการ
ส่งออกของไทยในปี 50 ว่า คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 10-12.5% โดย ก.พาณิชย์กำหนดเป้าหมายที่จะผลักดันการส่งออกให้ได้ถึง 12.5% หรือ
คิดเป็นมูลค่ารวม 145,220 ล.ดอลลาร์ สรอ. ส่วนการส่งออกในปี 49 คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 16% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ
129,000 ล.ดอลลาร์ สรอ. สำหรับสาเหตุสำคัญที่ทำให้การส่งออกปี 50 ปรับลดลงจากปีนี้ เนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกจะปรับตัวลดลง
จาก 5.1% เป็น 4.9% จากการปรับลดลงของเศรษฐกิจคู่ค้าที่สำคัญ เช่น สหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจจะปรับลดลงจาก 5% เป็น
2.9% ประกอบกับอัตราการเติบโตของมูลค่าการค้าโลกในปีหน้าที่คาดว่าจะปรับลดลงจาก 8.9% เหลือ 7.6% สำหรับประเด็นการที่เงินบาท
แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย เห็นได้จากตัวเลขการส่งออกในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ที่ยังขยายตัวได้สูงถึง
16% (กรุงเทพธุรกิจ, โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน, ข่าวสด)
6. เอดีบีปรับเพิ่มอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปี 49 และ 50 ที่ระดับ 4.5% ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี)
เผยแพร่รายงานจับตาเศรษฐกิจเอเชียฉบับล่าสุด ระบุประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวกับข้องกับภูมิภาค โดยได้คาดการณ์เศรษฐกิจไทยว่าจะขยายตัว
4.5% ทั้งในปี 49 และ 50 ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มจากคาดการณ์ก่อนหน้านี้ในเดือน ก.ย.ที่ระดับ 4.2% และ 4.0% ตามลำดับ (กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ธ.กลางยุโรปขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25 เป็นร้อยละ 3.5 ต่อปีตามที่คาดไว้ รายงานจากแฟรงค์เฟริท์ เมื่อ
7 ธ.ค.49 ธ.กลางยุโรปหรือ ECB ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25 เป็นร้อยละ 3.5 ต่อปีซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดในรอบ 5 ปีใน
การประชุมในวันที่ 7 ธ.ค.49 เป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้ เพื่อลดแรงกดดันเงินเฟ้อในช่วงที่เศรษฐกิจของ Euro zone กำลังขยายตัว แต่การที่
ECB จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปในต้นปี 50 หรือไม่ นักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่าขึ้นอยู่กับผลกระทบของการขึ้นอัตราภาษีที่เรียกเก็บจากผู้บริโภค
อีกร้อยละ 3.0 ของเยอรมนีในปี 50 และการที่เศรษฐกิจ สรอ.ที่ชะลอตัวลงรวมทั้งค่าเงินยูโรที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้เศรษฐกิจ
ของ Euro zone ในไตรมาสที่ 3 ปี 49 ขยายตัวในอัตราร้อยละ 2.7 ต่อปี สูงกว่าแนวโน้มระยะยาว ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อในเดือน พ.ย.49
อยู่ที่ร้อยละ 1.8 ซึ่งแม้ว่าจะต่ำกว่าเพดานร้อยละ 2.0 ที่ ECB กำหนดไว้แต่ยังสูงกว่าเดือนก่อนและคาดว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีจะสูงกว่าร้อยละ 2.0 ทั้งในปี 49 และปี 50 (รอยเตอร์)
2. ธ.กลางอังกฤษคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 5.0 ต่อปี รายงานจากลอนดอน เมื่อ 7 ธ.ค.49 ธ.กลางอังกฤษคง
อัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 5.0 ต่อปี ตรงกับผลสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์ แต่แนวโน้มที่ ธ.กลางอังกฤษจะขึ้น
อัตราดอกเบี้ยอีกหรือไม่ขึ้นอยู่กับอัตราค่าจ้างในต้นปี 50 ว่าจะสูงขึ้นมากน้อยเพียงใด ทั้งนี้ตัวเลขทางเศรษฐกิจในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมายัง
ส่งสัญญาณที่สับสน โดยตลาดบ้านและภาคบริการยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ราคาบ้านเมื่อเทียบต่อปีในเดือน พ.ย.49 เพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุด
ในรอบ 20 เดือน เช่นเดียวกับภาคบริการที่ขยายตัวในอัตราสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมการผลิตและการใช้จ่ายของผู้
บริโภคกลับชะลอตัวลง โดยผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือน ต.ค.49 หดตัวเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี เช่นเดียวกับอัตราการขยายตัวของยอด
ค้าปลีกในเดือน พ.ย.49 ที่อยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค.49 แต่อย่างไรก็ดี ธ.กลางอังกฤษยังมองว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะขยายตัว
ต่อไปและคาดว่าเศรษฐกิจในปี 50 จะขยายตัวในอัตราร้อยละ 3.0 ต่อปี (รอยเตอร์)
3. จีดีพีของญี่ปุ่นในไตรมาส 3 ปี 49 ขยายตัวร้อยละ 0.2 และ 0.8 เทียบต่อไตรมาสและเทียบต่อปีตามลำดับ รายงานจาก
โตเกียว เมื่อ 8 พ.ย.49 รัฐบาลญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์ในประเทศที่แท้จริง (จีดีพี) ของญี่ปุ่นในไตรมาส 3 ปี 49 ขยายตัวร้อยละ 0.2
จากไตรมาสก่อนหน้า ลดลงจากที่ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัวร้อยละ 0.5 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัวร้อยละ
0.3 และหากเทียบต่อปี ขยายตัวร้อยละ 0.8 เทียบกับที่รายงานเบื้องต้นก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัวร้อยละ 2.0 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
ว่าจะขยายตัวร้อยละ 1.1 (รอยเตอร์)
4. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของเกาหลีใต้ในเดือน พ.ย.49 เพิ่มสูงสุดในรอบ 8 เดือนที่ระดับ 99.0 รายงานจากโซล เมื่อ
7 ธ.ค.49 สำนักงานสถิติเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของเกาหลีใต้ (ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดความรู้สึกของผู้บริโภคเกี่ยวกับ
ความคาดหวังทางเศรษฐกิจ และการใช้จ่ายส่วนบุคคลในรอบ 6 เดือนข้างหน้า) ในเดือน พ.ย.49 เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 และสูงสุด
ในรอบ 8 เดือน ที่ระดับ 99.0 จากระดับ 97.7 ในเดือน ต.ค.49 อย่างไรก็ตาม แม้ดัชนีดังกล่าวจะเพิ่มสูงขึ้นแต่ยังคงต่ำกว่าระดับ 100
อันแสดงว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคาดการณ์ว่าภาวะเศรษฐกิจและการจับจ่ายใช้สอยในอนาคตยังไม่ดีนัก ทั้งนี้ สำนักงานสถิติเฝ้าติดตามตัวเลข
ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นตัวเลขบ่งชี้ความต้องการในประเทศ ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) เกาหลีใต้
(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 8 ธ.ค. 49 7 ธ.ค.
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 35.609 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 35.4439/35.7296 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.12313 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 745.54/14.97 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,600/10,700 10,550/10,650 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 58.1 58.28 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 2 ธ.ค. 49 ** ปรับลดลิตรละ 50 สตางค์ เมื่อ 7 ธ.ค.49 26.09*/23.74** 26.09*/24.24 27.24/24.69 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--