วันนี้(7 พ.ค.)ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ตนได้ตัดสินใจมอบหมายให้ทนายความยื่นฟ้องดำเนินคดีอาญากับพล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)และกกต.ทุกคน ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยไม่สุจริต ไม่เที่ยงธรรมมีการเข้าร่วมด้วยช่วยเหลือผู้กระทำความผิดให้คุณให้โทษกับพรรคการเมืองใหญ่ โดยมอบหมายให้สำนักทนายความคนึง ฤาชัย โดยมีนายทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง เป็นหัวหน้าคณะยื่นฟ้อง ที่ศาลอาญารัชดา ในวันที่ 8 พ.ค. เวลา 13.30 น.
นายสุเทพกล่าวว่าการฟ้องร้องครั้งนี้ทำในนามส่วนตัว ในฐานะที่เป็นผู้รวบรวมหลักฐานนำส่งกกต.เพื่อเอาผิดกับพรรคการเมืองใหญ่ แต่ไม่นึกว่าผู้ถูกกล่าวหานอกจากจะไม่ถูกดำเนินคดีแล้วกลับมาแว้งเล่นงานพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นผู้ร้อง แทนที่กกต.จะลงโทษตามที่คณะอนุกรรมการสรุป นอกจากนี้จะเห็นว่าพฤติกรรมของกตต.มีความสอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของพรรคไทยรักไทยเป็นลำดับ ตั้งแต่มีข่าวว่ามีการทุจริตการเลือกตั้งและคนในพรรคไทยรักไทยก็ออกมาชี้นำว่าเป็นการใส่ร้ายไม่เป็นความจริง ซึ่งตนเชื่อว่ามีกลุ่มคนเดียวกันวางแผนกำหนดให้ออกมาให้ข่าวในลักษณะเช่นนี้ ดังนั้นตนจึงต้องฟ้องศาลอาญาเพื่อไปพิสูจน์กันในชั้นศาลต่อไป หากกต.ทำไม่ชอบก็ต้องถูกลงโทษ ซึ่งที่ผ่านมาพรรคไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียเพราะไม่ได้ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง ดังนั้นจะต้องมีการติดตามเรื่องนี้ต่อไปให้ถึงที่สุดจะปล่อยทิ้งขว้างไม่ได้
“การฟ้องครั้งนี้ผมไม่ได้ต้องการกดดัน หรือชี้นำ หรือดลบันดาลใจให้กับศาลรัฐธรรมนูญที่จะมีการชี้ขาดในวันที่8 พ.ค. เพราะการเข้าชี้แจงต่อศาลของพล.อ.ต.วาสนาที่อ้างพรรคเล็กซัดทอดพรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้จ้างวานเพื่อล้มเลือกตั้ง ไม่รู้ว่าศาลจะวินิจฉัยอย่างไร ซึ่งการฟ้องครั้งนี้เป็นเรื่องพฤติกรรมของกกต.”นายสุเทพกล่าว
ต่อข้อถามที่ว่าหากศาลวินิจฉัยให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ พรรคประชาธิปัตย์พร้อมจะลงเลือกตั้งหรือไม่ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ตนไม่มั่นใจเลยว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เพราะทุกอย่างขณะนี้ดูสับสนอลหม่าน ไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์กติกา เพราะอิทธิของระบอบทักษิณทำให้ทุกอย่างสับสนไปหมด จึงคาดเดาไม่ได้ แต่ในฐานะเลขาฯพรรค ก็ต้องพร้อมกับการเลือกตั้งไม่ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ซึ่งความพร้อมไม่ได้หมายถึงเรื่องเงินทอง หรือการสนับสนุนที่อยู่นอกเหนือกฎหมาย เช่นค่าใช้จ่ายของผู้สมัครก็ต้องอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย คือไม่เกิน 400 ล้าน ไม่ได้เตรียมไว้ถึง 4,000ล้านบาทอย่างที่เขาพูดกัน
“หากมีการเลือกตั้งใหม่เราก็ต้องลงสมัครอย่างไม่มีเงื่อนไขเพื่อสนองพระราชดำรัส ส่วนความหนักใจยอมรับว่าหนักใจที่สุด เพราะเห็นพฤติกรรมของกกต.ที่ผ่านมาไม่สุจริต ไม่เที่ยงธรรม จึงทำให้ไม่มั่นใจว่าจะจัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรมได้อีกต่อไป ผมอยากให้กกต.ออกทุกนาทีไม่อยากเห็นกกต.ทำหน้าที่ต่อไป ไม่อยากเห็นการเลือกตั้งที่ไม่ยุติธรรม แต่เราก็ไม่มีอำนาจจะไปถอดถอนได้ ส่วนที่อ้างว่าหากไม่มีกกต.ก็จะไม่มีคนมาคุมการเลือกตั้งนั้น ผมว่าไม่ใช่ข้ออ้าง เพราะทางออกของกฎหมายมีอยู่เสมอ”นายสุเทพกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 7 พ.ค. 2549--จบ--
นายสุเทพกล่าวว่าการฟ้องร้องครั้งนี้ทำในนามส่วนตัว ในฐานะที่เป็นผู้รวบรวมหลักฐานนำส่งกกต.เพื่อเอาผิดกับพรรคการเมืองใหญ่ แต่ไม่นึกว่าผู้ถูกกล่าวหานอกจากจะไม่ถูกดำเนินคดีแล้วกลับมาแว้งเล่นงานพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นผู้ร้อง แทนที่กกต.จะลงโทษตามที่คณะอนุกรรมการสรุป นอกจากนี้จะเห็นว่าพฤติกรรมของกตต.มีความสอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของพรรคไทยรักไทยเป็นลำดับ ตั้งแต่มีข่าวว่ามีการทุจริตการเลือกตั้งและคนในพรรคไทยรักไทยก็ออกมาชี้นำว่าเป็นการใส่ร้ายไม่เป็นความจริง ซึ่งตนเชื่อว่ามีกลุ่มคนเดียวกันวางแผนกำหนดให้ออกมาให้ข่าวในลักษณะเช่นนี้ ดังนั้นตนจึงต้องฟ้องศาลอาญาเพื่อไปพิสูจน์กันในชั้นศาลต่อไป หากกต.ทำไม่ชอบก็ต้องถูกลงโทษ ซึ่งที่ผ่านมาพรรคไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียเพราะไม่ได้ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง ดังนั้นจะต้องมีการติดตามเรื่องนี้ต่อไปให้ถึงที่สุดจะปล่อยทิ้งขว้างไม่ได้
“การฟ้องครั้งนี้ผมไม่ได้ต้องการกดดัน หรือชี้นำ หรือดลบันดาลใจให้กับศาลรัฐธรรมนูญที่จะมีการชี้ขาดในวันที่8 พ.ค. เพราะการเข้าชี้แจงต่อศาลของพล.อ.ต.วาสนาที่อ้างพรรคเล็กซัดทอดพรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้จ้างวานเพื่อล้มเลือกตั้ง ไม่รู้ว่าศาลจะวินิจฉัยอย่างไร ซึ่งการฟ้องครั้งนี้เป็นเรื่องพฤติกรรมของกกต.”นายสุเทพกล่าว
ต่อข้อถามที่ว่าหากศาลวินิจฉัยให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ พรรคประชาธิปัตย์พร้อมจะลงเลือกตั้งหรือไม่ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ตนไม่มั่นใจเลยว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เพราะทุกอย่างขณะนี้ดูสับสนอลหม่าน ไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์กติกา เพราะอิทธิของระบอบทักษิณทำให้ทุกอย่างสับสนไปหมด จึงคาดเดาไม่ได้ แต่ในฐานะเลขาฯพรรค ก็ต้องพร้อมกับการเลือกตั้งไม่ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ซึ่งความพร้อมไม่ได้หมายถึงเรื่องเงินทอง หรือการสนับสนุนที่อยู่นอกเหนือกฎหมาย เช่นค่าใช้จ่ายของผู้สมัครก็ต้องอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย คือไม่เกิน 400 ล้าน ไม่ได้เตรียมไว้ถึง 4,000ล้านบาทอย่างที่เขาพูดกัน
“หากมีการเลือกตั้งใหม่เราก็ต้องลงสมัครอย่างไม่มีเงื่อนไขเพื่อสนองพระราชดำรัส ส่วนความหนักใจยอมรับว่าหนักใจที่สุด เพราะเห็นพฤติกรรมของกกต.ที่ผ่านมาไม่สุจริต ไม่เที่ยงธรรม จึงทำให้ไม่มั่นใจว่าจะจัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรมได้อีกต่อไป ผมอยากให้กกต.ออกทุกนาทีไม่อยากเห็นกกต.ทำหน้าที่ต่อไป ไม่อยากเห็นการเลือกตั้งที่ไม่ยุติธรรม แต่เราก็ไม่มีอำนาจจะไปถอดถอนได้ ส่วนที่อ้างว่าหากไม่มีกกต.ก็จะไม่มีคนมาคุมการเลือกตั้งนั้น ผมว่าไม่ใช่ข้ออ้าง เพราะทางออกของกฎหมายมีอยู่เสมอ”นายสุเทพกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 7 พ.ค. 2549--จบ--