ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ดอกเบี้ยเงินกู้เกินร้อยละ 8 อาจทำให้อัตราการผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้น รายงานจาก ธปท. เปิดเผยว่า
ทีมวิเคราะห์สนเทศธุรกิจ สายนโยบายการเงิน ธปท. รายงานผลโครงการแลกเปลี่ยนข้อมูลเศรษฐกิจและธุรกิจระหว่าง
ธปท. และนักธุรกิจ โดยในภาคการเงินธนาคาร ผู้บริหาร ธ.พาณิชย์มีความเห็นว่า การดำเนินธุรกิจ ธ.พาณิชย์มี
การแข่งขันให้สินเชื่อที่รุนแรง โดยเฉพาะสินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อส่วนบุคคล และธุรกิจบัตรเครดิต สำหรับการ
ปล่อยสินเชื่อให้แก่ธุรกิจเอสเอ็มอีมีแนวโน้มขยายตัวดีและได้มีการนำระบบบริหารความเสี่ยงเข้ามาร่วมพิจารณา
อนุมัติสินเชื่อด้วย ส่วนสินเชื่อโครงการอสังหาริมทรัพย์เริ่มจะชะลอตัวลง ขณะที่สินเชื่อที่อยู่อาศัยของสถาบันการเงิน
เฉพาะกิจของรัฐขยายตัวขึ้นมาก ด้านเงินฝากของระบบ ธ.พาณิชย์ขยายตัวในทิศทางชะลอตัวลง เนื่องจากอัตรา
ดอกเบี้ยเงินฝากที่แท้จริงติดลบ ส่งผลให้ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจชะลอการออมในรูปของเงินฝากธนาคารและ
หันมาลงทุนในพันธบัตรออมทรัพย์ของรัฐบาลเพิ่มขึ้น สำหรับผลกระทบต่อผู้บริโภคที่กู้ซื้อที่อยู่อาศัยในปัจจุบันยังไม่ส่ง
ผลให้ต้องปรับเพิ่มระยะเวลาหรือจำนวนเงินงวดในการผ่อนชำระ เนื่องจากได้มีการคำนวณเงินงวด
ผ่อนชำระด้วยดอกเบี้ยที่สูงกว่าดอกเบี้ยเอ็มแอลอาร์เพื่อคุ้มครองความเสี่ยงไว้ในระดับหนึ่งแล้ว อย่างไรก็ตาม
หากอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นเกินร้อยละ 8 สถาบันการเงินอาจต้องเจรจากับลูกหนี้เพื่อขอเพิ่มระยะเวลาการผ่อนชำระ
หรือเพิ่มเงินค่างวดรายเดือน สำหรับผู้กู้รายใหม่จะได้รับผลกระทบมากขึ้น เนื่องจากสถาบันการเงินมีความเข้มงวด
ในการปล่อยกู้มากขึ้น โดยการปรับดอกเบี้ยที่ใช้ในการคำนวณค่างวดเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 10 ทำให้อัตราการ
อนุมัติสินเชื่อลดลง ด้านบัตรเครดิตอัตราการผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ต่ำและอาจส่ง
ผลกระทบต่อกลุ่มที่มีรายได้ปานกลางในระยะต่อไป (ข่าวสด, ผู้จัดการรายวัน)
2. ธปท. ปรับกลยุทธ์รับมือธนบัตรปลอมระบาด ร.ต.ยอดชาย ชูศรี ผู้ช่วยผู้ว่าการสายปฏิบัติการ
ธปท. กล่าวว่า ในปี 49 ธปท. มุ่งรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับธนบัตรปลอมต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดยใช้กลยุทธ์ถ่าย
ทอดความรู้จากระดับบนสู่ระดับล่าง เพราะระยะหลังแก๊งปลอมแปลงธนบัตรได้เปลี่ยนรูปแบบการใช้ธนบัตรปลอมมาที่
ประชาชนระดับรากหญ้ามากยิ่งขึ้นในลักษณะการใช้ธนบัตรปลอมซื้อสินค้า ซึ่งกลุ่มมิจฉาชีพจะได้ทั้งสินค้าและเงินทอนที่
เป็นธนบัตรจริงกลับมา ทำให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้น้อยอยู่แล้วต้องเดือนร้อนยิ่งขึ้น ธปท. จึงได้ปรับ
รูปแบบการให้ความรู้จากเดิมที่จะใช้ภาษาทางการทำให้ประชาชนเข้ายาก มาใช้วิธีการสอนผ่านภาษาที่เข้าใจง่าย
และถ่ายทอดผ่านตัวการ์ตูน โดยจะสอนวิธีสังเกตธนบัตรปลอมด้วยตาและเป็นจุดที่สังเกตได้ไม่ยาก โดยกลุ่มเป้า
หมายสำคัญคือกลุ่มเด็กนักเรียน เพื่อให้เด็กนำความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับธนบัตรปลอมไปถ่ายทอดให้สมาชิกในครอบ
ครัวอีกทอดหนึ่ง ปัจจุบัน ธปท. มีสมาชิกเข้าร่วมโครงการให้ความรู้เกี่ยวกับธนบัตรปลอมประมาณ 9 พันคน จาก
ก่อนหน้านี้ที่มีเพียง 750 คน เท่านั้น ถือว่าโครงการประสบความสำเร็จดีมาก และ ธปท. คงจะสานต่อโครงการ
ให้ความรู้กับประชาชนต่อไป (มติชน)
3. เงินบาทแข็งค่าทำให้หนี้สาธารณะปรับลดลง 500 ล้านบาท นางพรรณี สถาวโรดม ผอ.สนง.
บริหารหนี้สาธารณะ ก.คลัง เปิดเผยว่า จากการที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ฐานะหนี้สาธารณะ
ปรับลดลงประมาณ 500 ล้านบาท โดยในปี งปม. 49 มีภาระหนี้ที่ครบกำหนดต้องชำระคืน 24,000 ล้านบาท แบ่ง
เป็นเงินต้น 15,337 ล้านบาท และที่เหลือ 8,663 ล้านบาท เป็นดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม การจัดทำแผนชำระหนี้
คืนต่างประเทศในปี งปม. 49 ได้กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนที่ระดับ 38.50 บาท ต่อดอลลาร์ สรอ. เมื่อเทียบกับ
ค่าเงินเยนจะอยู่ที่ระดับ 0.38 บาท ต่อเยน และ 50.50 บาท ต่อยูโร ทั้งนี้ ล่าสุดยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ
30 พ.ย.48 มีจำนวน 3.25 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 45.89 ของจีดีพี โดยแบ่งเป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง
1.81 ล้านล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน 1.01 ล้านล้านบาท และหนี้สินของกองทุนฟื้นฟูฯ
4.25 แสนล้านบาท โดยเป็นหนี้ต่างประเทศร้อยละ 18.17 และหนี้ในประเทศร้อยละ 81.83 อย่างไรก็ตาม ใน
ไตรมาสแรกของปี งปม. 49 (ต.ค.-ธ.ค.48) ได้มีการบริหารและปรับปรุงโครงสร้างหนี้ทั้งหมด ทำให้ลดยอดหนี้
คงค้างได้ 14,111 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยได้ 1,747 ล้านบาท (เดลินิวส์)
4. เงินทุนต่างประเทศไหลเข้าไทยจากแนวโน้มเปิดเสรีทางการค้าและการเงิน ม.ร.ว. ศศิ
พฤนท์ จันทรทัต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า แนวโน้มการควบรวมกิจการในประเทศไทย
เริ่มเห็นภาพชัดเขนขึ้น โดยตั้งแต่ปลายปี 48 มีเงินลงทุนจากต่างชาติไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพราะนักลงทุนต่าง
ชาติมองว่าการเข้ามาลงทุนในไทยได้ประโยชน์จากเหตุผล 2 ประการ คือ การที่ราคาหุ้นในตลาดหุ้นไทยอยู่ใน
ระดับต่ำ และการที่ไทยมีพื้นที่เหมาะสมกับการลงทุนหลายพื้นที่ ซึ่งเมื่อเทียบความน่าสนใจแล้วประเทศไทยมีแรงดึง
ดูดมากกว่าเพื่อนบ้าน แม้ว่าค่าจ้างแรงงานจะสูงกว่า แต่ไทยมีศักยภาพในการลงทุนมากกว่า สำหรับสาเหตุที่ทำให้
ภาพการควบรวมกิจการมีให้เห็นมากขึ้นนั้นเป็นผลจากแนวโน้มการเปิดเสรีทางการค้าและการเงินกำลังเกิดขึ้นทั่ว
โลก ทำให้ภาวะการแข่งขันสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการทั้งนอกประเทศและในประเทศต้องหาทางเพิ่มศักยภาพใน
การแข่งขัน เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ ซึ่งผู้ประกอบการคนไทยก็ต้องทำตัวเองให้แข็งแกร่งเพื่อรับมือกับการ
เปิดเสรี โดยธุรกิจที่เป็นเป้าหมายหลัก ๆ มี 2 ประเภท คือ ธุรกิจบริการ เช่น สถาบันการเงิน ธุรกิจสื่อสาร
ส่วนอีกธุรกิจหนึ่งเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่จำเป็นต้องใช้เงินทุนจำนวนมากและต้องใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย (คมชัดลึก)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ผู้ค้าปลีกของเยอรมนีคาดว่ายอดค้าปลีกในปีนี้จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนและจะส่งผลให้การปรับลด
พนักงานในปีนี้ชะลอตัวลงจากปีก่อน รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 21 ม.ค.49 สมาคมอุตสาหกรรมค้าปลีกของ
เยอรมนีคาดว่าการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่เยอรมนีเป็นเจ้าภาพในปีนี้และการปรับเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มที่เรียก
เก็บจากผู้บริโภคซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.50 จะมีส่วนช่วยให้ยอดค้าปลีกของเยอรมนีในปีนี้เพิ่มขึ้นจาก
ปีก่อนหลังจากยอดค้าปลีกลดลงต่อเนื่องกันในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะส่งผลให้การปรับลดพนักงานลดลง
เหลือประมาณ 10,000 ตำแหน่ง หลังจากเมื่อปีที่แล้วมีการปรับลดพนักงานในอุตสาหกรรมค้าปลีกไปแล้ว
15,000 — 20,000 ตำแหน่ง นอกจากนี้ยังคาดว่าจำนวนธุรกิจค้าปลีกที่จะล้มละลายในปีนี้จะลดลงจากปีก่อนที่มีผู้ค้า
ปลีกถึง 4,000 รายที่ออกจากธุรกิจนี้ไป รัฐบาลรวมทั้งนักเศรษฐศาสตร์และสถาบันวิจัยเศรษฐกิจภาคเอกชนหลาย
แห่งได้ปรับเพิ่มประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในปีนี้ โดยรัฐบาลคาดว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะขยาย
ตัวร้อยละ 1.4 ต่อปี เพิ่มขึ้นจากประมาณการครั้งก่อนที่ร้อยละ 1.2 ต่อปี ในขณะที่ IMF คาดว่าเศรษฐกิจเยอรมนีในปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 1.5 ต่อปี (รอยเตอร์)
2. จีนจะเปิดกว้างให้ต่างชาติเข้าลงทุนในตลาดการเงินในประเทศมากขึ้น รายงานจากเชียงไฮ้
เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 49 Shanghai Daily นำเสนอรายงานที่อ้างว่ามาจากหนังสือเวียนของคณะกรรมการกำกับ
หลักทรัพย์ของจีน (China Securities Regulatory Commission : SRC) ว่า จีนกำลังพิจารณาให้ต่างชาติ
เข้าลงทุนในตลาดหุ้น และพันธบัตรของจีนให้มากขึ้น เพื่อเสาะหาเงินลงทุนจากภายนอกประเทศให้มาลงทุนให้ภาค
เศรษฐกิจใหม่ๆ ทั้งนี้จีนเริ่มอนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดการเงินในประเทศของจีนมาตั้งแต่ปี 46 ภาย
ใต้ the qualified foreign institutional investor scheme — QFII ซึ่งอนุญาตให้กิจการต่างชาติ
อาทิ กองทุนรวม บริษัทประกันชีวิต บริษัทหลักทรัพย์ และธพ. เข้าซื้อหุ้นและพันธบัตรในประเทศ และภายใต้ร่าง
แผนใหม่การลงทุนจะเปิดกว้างขึ้นในกลุ่มทรัสต์ และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ องค์การการกุศล และกิจการการลงทุนที่
เป็นของรัฐ โดยภายใต้ร่างข้อเสนอดังกล่าว กิจการที่สนใจจะข้าลงทุนในตลาดการเงินของจีน ต้องมีประสบการณ์
ในการดำเนินงานทางการเงินอย่างน้อย 5 ปี และมีทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการอย่างน้อย 5 พัน ล.
ดอลลาร์ สรอ. ซึ่งเท่ากับครึ่งหนึ่งของปัจจุบันที่กำหนดไว้ว่า บริษัทต้องมีทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการ 10 พันล.
ดอลลาร์ สรอ. (รอยเตอร์)
3. ยอดขายในห้างสรรพสินค้าและดิสเคาน์สโตร์ของเกาหลีใต้ในปี 49 คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น
รายงานจากโซล เมื่อ 22 ม.ค.49 ก.พาณิชย์เกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ยอดขายในห้างสรรพสินค้าและดิสเคาน์สโตร์
ของเกาหลีใต้ในปี 49 คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยยอดขายในห้างสรรพสินค้าในปี 49 น่าจะเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็น
ปีที่ 2 ที่จำนวน 18 ล้านล้านวอน (18.4 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.) หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.0 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อย
ละ 5.8 ในปี 48 ส่วนดิสเคาน์สโตร์คาดว่าจะมียอดขายจำนวน 26.6 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6 จากปี
48 ที่มียอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ4.8 ทั้งนี้ รมว.พาณิชย์กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า คาดว่าภาคการค้าปลีกจะมียอดขาย
เพิ่มขึ้นอย่างมากในปี 49 เนื่องจากความต้องการสินค้าจะสูงขึ้นในฤดูกาลการแข่งขันฟุตบอลโลกในกลางปีนี้
ประกอบกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคฟื้นตัว สนับสนุนให้ตลาดหุ้นและการส่งออกขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง อนึ่ง ยอด
ขายในห้างสรรพสินค้าในเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นร้อยละ 19 เทียบต่อปี ซึ่งเป็นขยายตัวรวดเร็วที่สุดในปี 48 (รอยเตอร์)
4. คาดว่าจีดีพีเกาหลีใต้ในไตรมาส 1 ปี 49 จะขยายตัวมากกว่าร้อยละ 5.0 เทียบต่อปี รายงาน
จากโซล เมื่อ 23 ม.ค.49 นรม.เกาหลีใต้ (Lee Hae-chan) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ของ
เกาหลีใต้ในไตรมาสแรกปีนี้คาดว่าจะขยายตัวมากกว่าร้อยละ 5.0 หลังจากที่ในไตรมาส 4 ปี 48 จีดีพีกลับมา
ขยายตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ประมาณร้อยละ 5.0 อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังไม่สามารถยืนยันอย่างเป็น
ทางการได้ เนื่องจากเป็นการคาดการณ์ก่อนที่ ธ.กลางเกาหลีใต้จะประกาศประมาณการจีดีพีในไตรมาส 4 ปี 48
ในวันอังคารนี้ (24 ม.ค.49) อย่างไรก็ตาม ธ.กลางเกาหลีใต้คาดการณ์ว่าจีดีพีในไตรมาสแรกปีนี้จะขยายตัวร้อย
ละ 4.8 เมื่อเทียบต่อปี (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 23 ม.ค. 49 20 ม.ค. 49 31 ม.ค. 48 แหล่ข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.306 38.557 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.1711/39.4623 38.3598/38.6471 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.27016 2..1875 - 2.2000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 747.70/ 25.94 701.91/15.60 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,250/10,350 10,300/10,400 7,750/7,850 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 60.67 59.95 38.15 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 11 ม.ค. 49 26.84*/24.29* 26.84*/24.29* 19.69/14.59 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ดอกเบี้ยเงินกู้เกินร้อยละ 8 อาจทำให้อัตราการผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้น รายงานจาก ธปท. เปิดเผยว่า
ทีมวิเคราะห์สนเทศธุรกิจ สายนโยบายการเงิน ธปท. รายงานผลโครงการแลกเปลี่ยนข้อมูลเศรษฐกิจและธุรกิจระหว่าง
ธปท. และนักธุรกิจ โดยในภาคการเงินธนาคาร ผู้บริหาร ธ.พาณิชย์มีความเห็นว่า การดำเนินธุรกิจ ธ.พาณิชย์มี
การแข่งขันให้สินเชื่อที่รุนแรง โดยเฉพาะสินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อส่วนบุคคล และธุรกิจบัตรเครดิต สำหรับการ
ปล่อยสินเชื่อให้แก่ธุรกิจเอสเอ็มอีมีแนวโน้มขยายตัวดีและได้มีการนำระบบบริหารความเสี่ยงเข้ามาร่วมพิจารณา
อนุมัติสินเชื่อด้วย ส่วนสินเชื่อโครงการอสังหาริมทรัพย์เริ่มจะชะลอตัวลง ขณะที่สินเชื่อที่อยู่อาศัยของสถาบันการเงิน
เฉพาะกิจของรัฐขยายตัวขึ้นมาก ด้านเงินฝากของระบบ ธ.พาณิชย์ขยายตัวในทิศทางชะลอตัวลง เนื่องจากอัตรา
ดอกเบี้ยเงินฝากที่แท้จริงติดลบ ส่งผลให้ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจชะลอการออมในรูปของเงินฝากธนาคารและ
หันมาลงทุนในพันธบัตรออมทรัพย์ของรัฐบาลเพิ่มขึ้น สำหรับผลกระทบต่อผู้บริโภคที่กู้ซื้อที่อยู่อาศัยในปัจจุบันยังไม่ส่ง
ผลให้ต้องปรับเพิ่มระยะเวลาหรือจำนวนเงินงวดในการผ่อนชำระ เนื่องจากได้มีการคำนวณเงินงวด
ผ่อนชำระด้วยดอกเบี้ยที่สูงกว่าดอกเบี้ยเอ็มแอลอาร์เพื่อคุ้มครองความเสี่ยงไว้ในระดับหนึ่งแล้ว อย่างไรก็ตาม
หากอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นเกินร้อยละ 8 สถาบันการเงินอาจต้องเจรจากับลูกหนี้เพื่อขอเพิ่มระยะเวลาการผ่อนชำระ
หรือเพิ่มเงินค่างวดรายเดือน สำหรับผู้กู้รายใหม่จะได้รับผลกระทบมากขึ้น เนื่องจากสถาบันการเงินมีความเข้มงวด
ในการปล่อยกู้มากขึ้น โดยการปรับดอกเบี้ยที่ใช้ในการคำนวณค่างวดเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 10 ทำให้อัตราการ
อนุมัติสินเชื่อลดลง ด้านบัตรเครดิตอัตราการผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ต่ำและอาจส่ง
ผลกระทบต่อกลุ่มที่มีรายได้ปานกลางในระยะต่อไป (ข่าวสด, ผู้จัดการรายวัน)
2. ธปท. ปรับกลยุทธ์รับมือธนบัตรปลอมระบาด ร.ต.ยอดชาย ชูศรี ผู้ช่วยผู้ว่าการสายปฏิบัติการ
ธปท. กล่าวว่า ในปี 49 ธปท. มุ่งรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับธนบัตรปลอมต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดยใช้กลยุทธ์ถ่าย
ทอดความรู้จากระดับบนสู่ระดับล่าง เพราะระยะหลังแก๊งปลอมแปลงธนบัตรได้เปลี่ยนรูปแบบการใช้ธนบัตรปลอมมาที่
ประชาชนระดับรากหญ้ามากยิ่งขึ้นในลักษณะการใช้ธนบัตรปลอมซื้อสินค้า ซึ่งกลุ่มมิจฉาชีพจะได้ทั้งสินค้าและเงินทอนที่
เป็นธนบัตรจริงกลับมา ทำให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้น้อยอยู่แล้วต้องเดือนร้อนยิ่งขึ้น ธปท. จึงได้ปรับ
รูปแบบการให้ความรู้จากเดิมที่จะใช้ภาษาทางการทำให้ประชาชนเข้ายาก มาใช้วิธีการสอนผ่านภาษาที่เข้าใจง่าย
และถ่ายทอดผ่านตัวการ์ตูน โดยจะสอนวิธีสังเกตธนบัตรปลอมด้วยตาและเป็นจุดที่สังเกตได้ไม่ยาก โดยกลุ่มเป้า
หมายสำคัญคือกลุ่มเด็กนักเรียน เพื่อให้เด็กนำความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับธนบัตรปลอมไปถ่ายทอดให้สมาชิกในครอบ
ครัวอีกทอดหนึ่ง ปัจจุบัน ธปท. มีสมาชิกเข้าร่วมโครงการให้ความรู้เกี่ยวกับธนบัตรปลอมประมาณ 9 พันคน จาก
ก่อนหน้านี้ที่มีเพียง 750 คน เท่านั้น ถือว่าโครงการประสบความสำเร็จดีมาก และ ธปท. คงจะสานต่อโครงการ
ให้ความรู้กับประชาชนต่อไป (มติชน)
3. เงินบาทแข็งค่าทำให้หนี้สาธารณะปรับลดลง 500 ล้านบาท นางพรรณี สถาวโรดม ผอ.สนง.
บริหารหนี้สาธารณะ ก.คลัง เปิดเผยว่า จากการที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ฐานะหนี้สาธารณะ
ปรับลดลงประมาณ 500 ล้านบาท โดยในปี งปม. 49 มีภาระหนี้ที่ครบกำหนดต้องชำระคืน 24,000 ล้านบาท แบ่ง
เป็นเงินต้น 15,337 ล้านบาท และที่เหลือ 8,663 ล้านบาท เป็นดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม การจัดทำแผนชำระหนี้
คืนต่างประเทศในปี งปม. 49 ได้กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนที่ระดับ 38.50 บาท ต่อดอลลาร์ สรอ. เมื่อเทียบกับ
ค่าเงินเยนจะอยู่ที่ระดับ 0.38 บาท ต่อเยน และ 50.50 บาท ต่อยูโร ทั้งนี้ ล่าสุดยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ
30 พ.ย.48 มีจำนวน 3.25 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 45.89 ของจีดีพี โดยแบ่งเป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง
1.81 ล้านล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน 1.01 ล้านล้านบาท และหนี้สินของกองทุนฟื้นฟูฯ
4.25 แสนล้านบาท โดยเป็นหนี้ต่างประเทศร้อยละ 18.17 และหนี้ในประเทศร้อยละ 81.83 อย่างไรก็ตาม ใน
ไตรมาสแรกของปี งปม. 49 (ต.ค.-ธ.ค.48) ได้มีการบริหารและปรับปรุงโครงสร้างหนี้ทั้งหมด ทำให้ลดยอดหนี้
คงค้างได้ 14,111 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยได้ 1,747 ล้านบาท (เดลินิวส์)
4. เงินทุนต่างประเทศไหลเข้าไทยจากแนวโน้มเปิดเสรีทางการค้าและการเงิน ม.ร.ว. ศศิ
พฤนท์ จันทรทัต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า แนวโน้มการควบรวมกิจการในประเทศไทย
เริ่มเห็นภาพชัดเขนขึ้น โดยตั้งแต่ปลายปี 48 มีเงินลงทุนจากต่างชาติไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพราะนักลงทุนต่าง
ชาติมองว่าการเข้ามาลงทุนในไทยได้ประโยชน์จากเหตุผล 2 ประการ คือ การที่ราคาหุ้นในตลาดหุ้นไทยอยู่ใน
ระดับต่ำ และการที่ไทยมีพื้นที่เหมาะสมกับการลงทุนหลายพื้นที่ ซึ่งเมื่อเทียบความน่าสนใจแล้วประเทศไทยมีแรงดึง
ดูดมากกว่าเพื่อนบ้าน แม้ว่าค่าจ้างแรงงานจะสูงกว่า แต่ไทยมีศักยภาพในการลงทุนมากกว่า สำหรับสาเหตุที่ทำให้
ภาพการควบรวมกิจการมีให้เห็นมากขึ้นนั้นเป็นผลจากแนวโน้มการเปิดเสรีทางการค้าและการเงินกำลังเกิดขึ้นทั่ว
โลก ทำให้ภาวะการแข่งขันสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการทั้งนอกประเทศและในประเทศต้องหาทางเพิ่มศักยภาพใน
การแข่งขัน เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ ซึ่งผู้ประกอบการคนไทยก็ต้องทำตัวเองให้แข็งแกร่งเพื่อรับมือกับการ
เปิดเสรี โดยธุรกิจที่เป็นเป้าหมายหลัก ๆ มี 2 ประเภท คือ ธุรกิจบริการ เช่น สถาบันการเงิน ธุรกิจสื่อสาร
ส่วนอีกธุรกิจหนึ่งเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่จำเป็นต้องใช้เงินทุนจำนวนมากและต้องใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย (คมชัดลึก)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ผู้ค้าปลีกของเยอรมนีคาดว่ายอดค้าปลีกในปีนี้จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนและจะส่งผลให้การปรับลด
พนักงานในปีนี้ชะลอตัวลงจากปีก่อน รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 21 ม.ค.49 สมาคมอุตสาหกรรมค้าปลีกของ
เยอรมนีคาดว่าการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่เยอรมนีเป็นเจ้าภาพในปีนี้และการปรับเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มที่เรียก
เก็บจากผู้บริโภคซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.50 จะมีส่วนช่วยให้ยอดค้าปลีกของเยอรมนีในปีนี้เพิ่มขึ้นจาก
ปีก่อนหลังจากยอดค้าปลีกลดลงต่อเนื่องกันในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะส่งผลให้การปรับลดพนักงานลดลง
เหลือประมาณ 10,000 ตำแหน่ง หลังจากเมื่อปีที่แล้วมีการปรับลดพนักงานในอุตสาหกรรมค้าปลีกไปแล้ว
15,000 — 20,000 ตำแหน่ง นอกจากนี้ยังคาดว่าจำนวนธุรกิจค้าปลีกที่จะล้มละลายในปีนี้จะลดลงจากปีก่อนที่มีผู้ค้า
ปลีกถึง 4,000 รายที่ออกจากธุรกิจนี้ไป รัฐบาลรวมทั้งนักเศรษฐศาสตร์และสถาบันวิจัยเศรษฐกิจภาคเอกชนหลาย
แห่งได้ปรับเพิ่มประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในปีนี้ โดยรัฐบาลคาดว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะขยาย
ตัวร้อยละ 1.4 ต่อปี เพิ่มขึ้นจากประมาณการครั้งก่อนที่ร้อยละ 1.2 ต่อปี ในขณะที่ IMF คาดว่าเศรษฐกิจเยอรมนีในปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 1.5 ต่อปี (รอยเตอร์)
2. จีนจะเปิดกว้างให้ต่างชาติเข้าลงทุนในตลาดการเงินในประเทศมากขึ้น รายงานจากเชียงไฮ้
เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 49 Shanghai Daily นำเสนอรายงานที่อ้างว่ามาจากหนังสือเวียนของคณะกรรมการกำกับ
หลักทรัพย์ของจีน (China Securities Regulatory Commission : SRC) ว่า จีนกำลังพิจารณาให้ต่างชาติ
เข้าลงทุนในตลาดหุ้น และพันธบัตรของจีนให้มากขึ้น เพื่อเสาะหาเงินลงทุนจากภายนอกประเทศให้มาลงทุนให้ภาค
เศรษฐกิจใหม่ๆ ทั้งนี้จีนเริ่มอนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดการเงินในประเทศของจีนมาตั้งแต่ปี 46 ภาย
ใต้ the qualified foreign institutional investor scheme — QFII ซึ่งอนุญาตให้กิจการต่างชาติ
อาทิ กองทุนรวม บริษัทประกันชีวิต บริษัทหลักทรัพย์ และธพ. เข้าซื้อหุ้นและพันธบัตรในประเทศ และภายใต้ร่าง
แผนใหม่การลงทุนจะเปิดกว้างขึ้นในกลุ่มทรัสต์ และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ องค์การการกุศล และกิจการการลงทุนที่
เป็นของรัฐ โดยภายใต้ร่างข้อเสนอดังกล่าว กิจการที่สนใจจะข้าลงทุนในตลาดการเงินของจีน ต้องมีประสบการณ์
ในการดำเนินงานทางการเงินอย่างน้อย 5 ปี และมีทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการอย่างน้อย 5 พัน ล.
ดอลลาร์ สรอ. ซึ่งเท่ากับครึ่งหนึ่งของปัจจุบันที่กำหนดไว้ว่า บริษัทต้องมีทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการ 10 พันล.
ดอลลาร์ สรอ. (รอยเตอร์)
3. ยอดขายในห้างสรรพสินค้าและดิสเคาน์สโตร์ของเกาหลีใต้ในปี 49 คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น
รายงานจากโซล เมื่อ 22 ม.ค.49 ก.พาณิชย์เกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ยอดขายในห้างสรรพสินค้าและดิสเคาน์สโตร์
ของเกาหลีใต้ในปี 49 คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยยอดขายในห้างสรรพสินค้าในปี 49 น่าจะเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็น
ปีที่ 2 ที่จำนวน 18 ล้านล้านวอน (18.4 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.) หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.0 เทียบกับที่เพิ่มขึ้นร้อย
ละ 5.8 ในปี 48 ส่วนดิสเคาน์สโตร์คาดว่าจะมียอดขายจำนวน 26.6 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6 จากปี
48 ที่มียอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ4.8 ทั้งนี้ รมว.พาณิชย์กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า คาดว่าภาคการค้าปลีกจะมียอดขาย
เพิ่มขึ้นอย่างมากในปี 49 เนื่องจากความต้องการสินค้าจะสูงขึ้นในฤดูกาลการแข่งขันฟุตบอลโลกในกลางปีนี้
ประกอบกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคฟื้นตัว สนับสนุนให้ตลาดหุ้นและการส่งออกขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง อนึ่ง ยอด
ขายในห้างสรรพสินค้าในเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นร้อยละ 19 เทียบต่อปี ซึ่งเป็นขยายตัวรวดเร็วที่สุดในปี 48 (รอยเตอร์)
4. คาดว่าจีดีพีเกาหลีใต้ในไตรมาส 1 ปี 49 จะขยายตัวมากกว่าร้อยละ 5.0 เทียบต่อปี รายงาน
จากโซล เมื่อ 23 ม.ค.49 นรม.เกาหลีใต้ (Lee Hae-chan) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ของ
เกาหลีใต้ในไตรมาสแรกปีนี้คาดว่าจะขยายตัวมากกว่าร้อยละ 5.0 หลังจากที่ในไตรมาส 4 ปี 48 จีดีพีกลับมา
ขยายตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ประมาณร้อยละ 5.0 อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังไม่สามารถยืนยันอย่างเป็น
ทางการได้ เนื่องจากเป็นการคาดการณ์ก่อนที่ ธ.กลางเกาหลีใต้จะประกาศประมาณการจีดีพีในไตรมาส 4 ปี 48
ในวันอังคารนี้ (24 ม.ค.49) อย่างไรก็ตาม ธ.กลางเกาหลีใต้คาดการณ์ว่าจีดีพีในไตรมาสแรกปีนี้จะขยายตัวร้อย
ละ 4.8 เมื่อเทียบต่อปี (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 23 ม.ค. 49 20 ม.ค. 49 31 ม.ค. 48 แหล่ข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.306 38.557 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.1711/39.4623 38.3598/38.6471 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.27016 2..1875 - 2.2000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 747.70/ 25.94 701.91/15.60 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,250/10,350 10,300/10,400 7,750/7,850 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 60.67 59.95 38.15 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 11 ม.ค. 49 26.84*/24.29* 26.84*/24.29* 19.69/14.59 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--