กรุงเทพ--14 ก.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2549 นายกิตติ วะสีนนท์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้แถลงข่าวเกี่ยวกับการดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศในการดูแลความปลอดภัยของคนไทยในประเทศเลบานอนและอิสราเอล ดังนี้
1. ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์กองกำลังอิสราเอลโจมตีเป้าหมายในเลบานอน ตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2549 หลังจากทหารอิสราเอล 2 นายถูกกลุ่มติดอาวุธ Hezbollah จับเป็นตัวประกันนั้น ดร. กันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้สั่งการให้กรมการกงสุล กับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด (ซึ่งมีเขตอาณาดูแลประเทศเลบานอน) และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวิฟ ดำเนินมาตรการดูแลความปลอดภัยแก่คนไทยที่อยู่ในเลบานอน ซึ่งมีจำนวนประมาณ 100 คน และที่อยู่ในอิสราเอล ซึ่งมีจำนวนประมาณ 25,000 คน
2. สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวิฟ ได้กำหนดแผนเพื่อดูแลความปลอดภัยรวมทั้งการอพยพในกรณีจำเป็น โดยเฉพาะในกรณีคนไทยในเลบานอน ซึ่งอุปทูต ณ กรุงริยาด ได้เตรียมเดินทางไปยังกรุงดามัสกัสประเทศซีเรียเพื่ออำนวยการอพยพคนไทยในเลบานอน โดยในชั้นนี้ได้ติดต่อคนไทยให้เคลื่อนย้าย (relocate) และรวมตัวไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย (อาทิ บริเวณชุมชนเลบานอนที่นับถือศาสนาคริสต์อันมิใช่เป้าหมายของการโจมตี) และเตรียมพร้อมที่จะอพยพซึ่งต้องใช้เส้นทางทางบกมายังประเทศซีเรีย เนื่องจากสนามบินในเลบานอนถูกโจมตีและไม่มีบริการเครื่องบินโดยสารจากเลบานอน
3. ได้รับรายงานยืนยันว่า ในชั้นนี้ ไม่มีคนไทยได้รับบาดเจ็บหรือได้รับผลกระทบรุนแรงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม คนไทยจำนวน 53 คนในกรุงเบรุต ได้แสดงความประสงค์ที่จะเดินทางออกจากเลบานอน สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด กำลังประสานงานเพื่อให้กลุ่มคนไทยดังกล่าวเดินทางออกจากเลบานอนมายังประเทศซีเรีย โดยได้รับการสนับสนุนจากกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงดามัสกัสซึ่งเป็นนักธุรกิจชาวซีเรีย และจากคนไทยในซีเรียด้วย
4. กระทรวงการต่างประเทศได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดเพื่อรองรับแผนการดูแลคนไทยรวมทั้งการอพยพ ซึ่งหากมีความจำเป็นก็พร้อมที่จะส่งเครื่องบินพิเศษไปรับคนไทย รวมทั้งการส่งข้าราชการจากกรมการกงสุลไปให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนด้วย
5. ข้อมูลคนไทยในเลบานอนและอิสราเอล
5.1 ข้อมูลคนไทยในเลบานอน มีคนไทยในเลบานอนประมาณ 100 คน ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเป็นช่างทองและพ่อครัวตามร้านอาหารในกรุงเบรุต โดยมีคนไทย 4 คน ทำงานในระดับผู้บริหารในสำนักงาน United Nations Interim Force in Lebanon (UNIFIL)
5.2 ข้อมูลคนไทยในอิสราเอล
5.2.1 มีคนไทยทั้งหมดประมาณ 25,000 คน โดยส่วนใหญ่เป็นแรงงาน และอีกประมาณ 150 คน เป็นนักเรียน
5.2.2 เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2549 สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวิฟได้โทรศัพท์ติดต่อแรงงานไทยบางรายที่ทำงานอยู่ตามโมชาฟ (เขตปกครอง) ทางตอนเหนือของอิสราเอลใกล้บริเวณปะทะกันแล้ว (ทั้งหมดประมาณ 200 คน) ทั้งนี้ ไม่ปรากฎว่าแรงงานไทยได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
5.2.3 แรงงานไทยที่สถานเอกอัครราชทูตฯ สามารถติดต่อได้ในขณะนี้แจ้งว่า พวกตนได้รับคำสั่งจากนายจ้างให้หยุดงานชั่วคราว ขณะเดียวกัน ก็ยังมีแรงงานไทยบางรายที่ตัดสินใจเองว่าจะทำงานต่อไป อย่างไรก็ดี สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้แจ้งแรงงานไทยที่ติดต่อได้ให้ช่วยแจ้งแรงงานไทยทุกคนให้ทราบถึงสถานการณ์ และขอให้ถือปฏิบัติตามคำสั่งนายจ้างเกี่ยวกับความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด หากผู้ใดต้องการย้ายงานหรือได้รับบาดเจ็บ ขอให้ติดต่อสถานเอกอัครราชทูตฯ ทันทีเพื่อให้ความช่วยเหลือ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2549 นายกิตติ วะสีนนท์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้แถลงข่าวเกี่ยวกับการดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศในการดูแลความปลอดภัยของคนไทยในประเทศเลบานอนและอิสราเอล ดังนี้
1. ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์กองกำลังอิสราเอลโจมตีเป้าหมายในเลบานอน ตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2549 หลังจากทหารอิสราเอล 2 นายถูกกลุ่มติดอาวุธ Hezbollah จับเป็นตัวประกันนั้น ดร. กันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้สั่งการให้กรมการกงสุล กับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด (ซึ่งมีเขตอาณาดูแลประเทศเลบานอน) และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวิฟ ดำเนินมาตรการดูแลความปลอดภัยแก่คนไทยที่อยู่ในเลบานอน ซึ่งมีจำนวนประมาณ 100 คน และที่อยู่ในอิสราเอล ซึ่งมีจำนวนประมาณ 25,000 คน
2. สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวิฟ ได้กำหนดแผนเพื่อดูแลความปลอดภัยรวมทั้งการอพยพในกรณีจำเป็น โดยเฉพาะในกรณีคนไทยในเลบานอน ซึ่งอุปทูต ณ กรุงริยาด ได้เตรียมเดินทางไปยังกรุงดามัสกัสประเทศซีเรียเพื่ออำนวยการอพยพคนไทยในเลบานอน โดยในชั้นนี้ได้ติดต่อคนไทยให้เคลื่อนย้าย (relocate) และรวมตัวไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย (อาทิ บริเวณชุมชนเลบานอนที่นับถือศาสนาคริสต์อันมิใช่เป้าหมายของการโจมตี) และเตรียมพร้อมที่จะอพยพซึ่งต้องใช้เส้นทางทางบกมายังประเทศซีเรีย เนื่องจากสนามบินในเลบานอนถูกโจมตีและไม่มีบริการเครื่องบินโดยสารจากเลบานอน
3. ได้รับรายงานยืนยันว่า ในชั้นนี้ ไม่มีคนไทยได้รับบาดเจ็บหรือได้รับผลกระทบรุนแรงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม คนไทยจำนวน 53 คนในกรุงเบรุต ได้แสดงความประสงค์ที่จะเดินทางออกจากเลบานอน สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด กำลังประสานงานเพื่อให้กลุ่มคนไทยดังกล่าวเดินทางออกจากเลบานอนมายังประเทศซีเรีย โดยได้รับการสนับสนุนจากกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงดามัสกัสซึ่งเป็นนักธุรกิจชาวซีเรีย และจากคนไทยในซีเรียด้วย
4. กระทรวงการต่างประเทศได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดเพื่อรองรับแผนการดูแลคนไทยรวมทั้งการอพยพ ซึ่งหากมีความจำเป็นก็พร้อมที่จะส่งเครื่องบินพิเศษไปรับคนไทย รวมทั้งการส่งข้าราชการจากกรมการกงสุลไปให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนด้วย
5. ข้อมูลคนไทยในเลบานอนและอิสราเอล
5.1 ข้อมูลคนไทยในเลบานอน มีคนไทยในเลบานอนประมาณ 100 คน ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเป็นช่างทองและพ่อครัวตามร้านอาหารในกรุงเบรุต โดยมีคนไทย 4 คน ทำงานในระดับผู้บริหารในสำนักงาน United Nations Interim Force in Lebanon (UNIFIL)
5.2 ข้อมูลคนไทยในอิสราเอล
5.2.1 มีคนไทยทั้งหมดประมาณ 25,000 คน โดยส่วนใหญ่เป็นแรงงาน และอีกประมาณ 150 คน เป็นนักเรียน
5.2.2 เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2549 สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวิฟได้โทรศัพท์ติดต่อแรงงานไทยบางรายที่ทำงานอยู่ตามโมชาฟ (เขตปกครอง) ทางตอนเหนือของอิสราเอลใกล้บริเวณปะทะกันแล้ว (ทั้งหมดประมาณ 200 คน) ทั้งนี้ ไม่ปรากฎว่าแรงงานไทยได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
5.2.3 แรงงานไทยที่สถานเอกอัครราชทูตฯ สามารถติดต่อได้ในขณะนี้แจ้งว่า พวกตนได้รับคำสั่งจากนายจ้างให้หยุดงานชั่วคราว ขณะเดียวกัน ก็ยังมีแรงงานไทยบางรายที่ตัดสินใจเองว่าจะทำงานต่อไป อย่างไรก็ดี สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้แจ้งแรงงานไทยที่ติดต่อได้ให้ช่วยแจ้งแรงงานไทยทุกคนให้ทราบถึงสถานการณ์ และขอให้ถือปฏิบัติตามคำสั่งนายจ้างเกี่ยวกับความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด หากผู้ใดต้องการย้ายงานหรือได้รับบาดเจ็บ ขอให้ติดต่อสถานเอกอัครราชทูตฯ ทันทีเพื่อให้ความช่วยเหลือ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-