คำให้สัมภาษณ์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กรณี พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รมว.กลาโหม ปฏิเสธว่าบุคคลที่อยู่ในภาพที่นายสุเทพนำมาแสดงต่อศาลกรณีการจ้างพรรคเล็กลงสมัครไม่ใช่ตัวเอง
ข้อมูลทั้งหมดที่ผมนำมาเผยแพร่ ไม่ได้ต้องการหักล้าง อะไรกับพล.อ.ธรรมรักษ์ แต่ขอยืนยันว่าหลักฐานทั้งหมดที่ผมนำมาแสดงเป็นความจริงทั้งหมด นายทวี สุวรรณพัฒน์ นำคณะเข้าพบกับพล.อ.ธรรมรักษ์ในวันที่ 3 มีนาคม เวลาบ่าย 2 โมงเศษ เดิมทีเขาปฏิเสธกันว่าคณะบุคคลเหล่านี้ไม่เคยพบกับพล.อ.ธรรมรักษ์ ไม่เคยรู้จัก ผมก็ได้หลักฐานมาเลยเอามาให้ดู และแสดงต่อศาลว่าน่าจะมีการพบกันจริง เพราะว่าวันเวลาดังกล่าว มีหลักฐานที่ได้ไปเจอกันที่ห้อง รมว.กลาโหม มีการบันทึกเทปไว้ รูปนี้ที่เอามาอ้างเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเรื่องราวทั้งหมดในคดีที่พรรคใหญ่จ้างพรรคเล็ก ทั้งหมดที่พูดมีคำให้การของพยานเหล่านี้ที่ให้กับอนุกรรมการกกต.ไว้ก่อน เมื่อเอาคำให้การของพยานกับรูปที่แหล่งข่าวเขาส่งมาให้มันตรงกันพอดี ผมก็เอาไปแสดงต่อศาล ก็เท่านั้นเอง
คดีนี้ผมไม่ได้เป็นโจทย์ฟ้องไทยรักไทย หน้าที่ที่จะดำเนินการกับไทยรักไทย เป็นหน้าที่ของกกต. ผมไปยื่นร้องกับ กกต.ว่าพรรคไทยรักไทยกระทำความผิด ว่าจ้างพรรคเล็ก และผิดกฎหมายเลือกตั้ง ทุจริตเลือกตั้ง ให้ กกต.ดำเนินการให้อนุกรรมการกกต.ไปสอบสวน ก็ได้ยืนยันมาทั้ง 2 ครั้งว่า พรรคไทยรักไทยกระทำความผิดจริง เสนอด้วยมติเอกฉันท์ให้ตั้งข้อกล่าวงหาดำเนินคดีกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แล้วกกต.ไม่ทำ ผมก็ดูพฤติกรรมของกกต.แล้วบอกว่า ละเว้นไม่ปฎิบัติหน้าที่ ไม่ซื่อตรงต่อหน้าที่ของตัวเอง กกต.มีหน้าที่ต้องทำเหล่านี้ เพราะฉะนั้นผมก็เลยไปฟ้องกกต.ฐานละเว้นไม่ปฏิบัติหน้าที่ ทีนี้กกต.นอกจากละเว้นไม่ปฏิบัติหน้าที่แล้ว ยังกล่าวหมิ่นประมาทผม ด้วยเหตุผลหรือวัตถุประสงค์อะไรผมไม่ทราบ อาจจะแก้ต่างให้พรรคไทยรักไทยว่าพรรคไทยรักไทยไม่ผิด คนผิดคือพรรคประชาธิปัตย์ คือผมก็เลยฟ้องอีกข้อหาหนึ่งว่าหมิ่นประมาท การที่ผมเป็นโจทย์ผมก็ต้องรวบรวมเอาประจักษ์พยานต่างๆเหล่านี้ไปเป็นหลักฐาน ผมก็ต้องพิสูจน์ว่า ทั้งหมดเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องเท็จอย่างที่กกต.กล่าวอ้าง
พล.อ.ธรรมรักษ์กล่าวท้าทายว่าหากมีการจ่ายเงินจริง และมีหลักฐานจริงจะให้ยิงกบาล?
(หัวเราะ) ใครจะไปกล้ายิงกบาลท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อคืนผมได้ฟังข่าว ผมเรียนว่าที่จริงท่านชี้แจงของท่านก็ดีแล้ว เป็นสิ่งสำคัญที่จะป้องกันตัวเอง แต่วิธีการพูดที่ท้าทาย คนฟังแล้วก็คงไม่ค่อยสบายใจ ผู้ใหญ่ขนาดนั้น เป็นรมว.กลาโหม เป็นรองหัวหน้าพรรครัฐบาล แล้วบอกว่าถ้าทำจริงเอาปืนยิงกบาลเลย ที่สำคัญมันมีอีกประโยคหนึ่ง พี่น้องประชาชนต้องสังเกตกันว่า ท่านได้พูดว่าเป็นห่วงพยาน ท่านบอกว่าถ้าเขาใช้งานเสร็จแล้วจะมีอันเป็นไป แล้วอย่าไปโทษท่านนะ พูดจาเสมือนหนึ่งให้ประชาชนเข้าใจว่าพยานที่มาเป็นพยานในคดีนี้ให้กับผม หลังจากจบคดีแล้วผมจะไปทำอะไรพยาน ผมเรียนพี่น้องประชาชนเลยว่า ผมเองและพวกผมที่อยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่นักเลงอันธพาล ไม่ใช่ผู้ร้าย เป็นนักการเมือง เป็นผู้ที่ทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองในฐานะนักการเมือง ไม่เคยมีประวัติไปใช้อิทธิพลอำนาจมืดเล่นงานใคร ไม่มีอะไรจะเกิดขึ้นกับพยานโดยฝีมือพวกผมแน่นอน ขณะนี้ก็ช่วยดูแลพยานเท่าที่ความเป็นประชาชนคนธรรมดาของเราจะทำได้ แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับผมหรือพยานผม ไม่มีคนอื่น มีคนกลุ่มที่ออกมาขู่เป็นระยะๆนี้เท่านั้น นี่ผมก็ฟ้องพี่น้องประชาชนเพื่อให้ได้ทราบและตระหนักว่าสิ่งที่ออกมามันแสดงถึงตัวตนที่แท้จริงของระบอบทักษิณ ได้อำนาจรัฐแล้วใช้ทั้งข้าราชการ ใช้ทั้งอิทธิพลอำนาจมืด นี่ไม่ใช่ประชาธิปไตยนะ ที่พูดจาและแสดงออกมา เวลาไปต่างประเทศเวลาเลขาธิการสหประชาชาติมา นายกฯก็พูดเจื้อยแจ้วว่าทำทุกอย่างตามกติกา ไปดูเสียบ้างสิดูลูกน้องตัวเองที่พูดจามาบ้าง กติกาประชาธิปไตยเขาไม่ให้มีขู่ประชาชนอย่างนี้ กติกาประชาธิปไตยไม่ให้ขู่เข็นคู่แข่งทางการเมืองอย่างนี้ กติกาประชาธิปไตยไม่ให้ทุจริตการเลือกตั้งอย่างนี้ นี่ก็ต้องเรียนเอาไว้
พล.อ.ธรรมรักษ์ ตั้งข้อสังเกตถึงเวลาเปรียบเทียบกับการผลการสอบสวนชุดนายนาม ยิ้มแย้ม ว่าอาจมีนอกมีใน ?
ผมเรียนว่า ยิ่งพูดก็ยิ่งเป็นบาป อย่าไปกล่าวหาท่านนาม ยิ้มแย้มหรือกรรมการ เราต้องทำใจให้แน่วแน่ คนดีก็ต้องถือว่าดี ต้องไม่ไปทำให้ท่านเดือดร้อน คนไม่ดีก็แยกส่วนกันไปให้ชัดเจน ผมเรียนเลยว่าผมไม่เคยรู้จักท่านนาม ยิ้มแย้มเป็นการส่วนตัว เพราะฉะนั้นอย่าไปกล่าวหาท่าน เป็นบาป แต่ว่าผมอยากจะเรียนว่าเรื่องรายงานของกกต.ไม่ใช่ความลับ เพราะสื่อมวลชนก็นำมาเผยแพร่ให่ประชาชนรู้ทั้งประเทศ และเมื่อผมรู้ว่ามีรายงานอย่างนี้ผมก็ไปหามาและนำไปยื่นกับศาล ผมไม่ได้สังเกต ไม่ได้เห็นว่า ข้อความของผมกับในรายงานจะไปพ้องหรือไม่คล้ายกันตรงไหนบ้าง แต่ว่าถึงไม่ได้เห็นรายงาน ผมก็รู้ว่าลำดับความในการทำทุจริตเรื่องนี้เป็นอย่างไร เพราะผมสอบพยานเรื่องนี้ด้วยตนเอง
เรื่องนี้กกต.พยายามเอากลับไปดู จะมีการซักฟอกอะไรหรือไม่ ?
กกต.พยายามทำอะไร ผมก็เห็นอยู่แล้วว่าว่าไม่สุจริต ผมถึงได้ไปฟ้องคดีที่ศาล แล้วยิ่งเขาทำอะไรก็ยิ่งมัดตัว ผมเรียนว่าทำอะไรมาวันนี้ก็มีพี่น้องประชาชน แม้แต่ข้าราชการก็เห็นกันมาก เมื่อเช้าก็มีคนโทรศัพท์มาบอกว่ามีหลักฐานเพิ่มเติมก็จะส่งมาให้
ตั้งข้อสังเกตอย่างไรกรณีที่กกต.เรียกผู้บริหารไทยรักไทยไปสอบเพิ่มในคดีนี้ และดูเหมือนว่ากำลังเดินหน้าคลี่คลายปัญหา?
นั่นน่ะสิ ผมตั้งข้อสังเกตว่า 1. กกต.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการชุดใหม่ ซึ่งเขาเลือกเองทั้งสิ้นและมีท่านนาม ยิ้มแย้ม เป็นประธาน มีกรรมการอื่น 17 รวมเป็น 18 แล้วพอกรรมการสอบสวนรายงานพรรคไทยรักไทยผิด กกต.ก็เลือกปฏิบัติไปลงโทษพรรคเล็ก เจ้าหน้าที่กกต. โดยไม่ลงโทษพรรคไทยรักไทยแล้วบอกให้ไปสอบใหม่ คณะอนุกรรมการก็ไปสอบใหม่ และยืนยันมั่นคงว่าให้ตั้งข้อหา พ.ต.ท.ทักษิณ กกต.ก็ไม่ทำ ทีนี้กกต.ก็ลงมือสอบเองเลย ก็ถ้าอยากสอบเองตั้งแต่ต้นจะไปตั้งอนุกรรมการทำไม
มีความพยายามอะไรหรือไม่ที่ไปสอบเอง?
ผมจะติดตามดูว่า ความพยายามที่จะทำอย่างนี้เป็นหลักฐานที่ผมจะเสนอศาลเพิ่มเติมว่า นี่คือความพยายามที่จะเข้าด้วยช่วยเหลือพรรคไทยรักไทย นี่คือสิ่งที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต ถ้าผมได้หลักฐานตรงนี้ศาลก็จะตัดสินง่ายขึ้น
กรณีที่บอกว่าต้องเห็นภาพ พล.อ.ธรรมรักษ์ อยู่กับคนรับเงินถึงจะมัดตัวได้?
ไม่ใช่ ที่ผมเรียนคือว่า รูปนี้เป็นแค่หลักฐานส่วนหนึ่ง มันมีเอกสาร ใบเสร็จรับเงินใบสำคัญจ่ายเงิน พยานอื่นๆ อีกมากมาย นี่เป็นเพียงแค่ 1 ฉากของพยานทั้งหมดเท่านั้น
ทำไมครั้งแรกถึงไม่เอารูปถ่ายนี้ให้กกต.ไปด้วย?
ในส่วนของกกต.ผมได้ยื่นหลักฐานส่วนหนึ่งและเอกสารสำคัญไปแล้ว แล้วผมก็บอกว่าถ้าต้องการความร่วมมืออะไรเพิ่มเติมก็บอกมา ขออะไรเพิ่มเติมก็ให้
ที่บอกว่าคนเอาความลับมาเปิดเผยอาจถึงแก่ชีวิต?
ผมเห็นข่าวก็ตลกดี ผมคิดว่าต้องให้พี่น้องประชาชนอย่าเพิ่งเบื่อ ต้องติดตามดูแล้วจะร็ว่าบ้านเมืองของเราปกครองด้วยคนพวกพันอย่างนี้เอง มันถึงเป็นปัญหากันอยู่
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 1 มิ.ย. 2549--จบ--
ข้อมูลทั้งหมดที่ผมนำมาเผยแพร่ ไม่ได้ต้องการหักล้าง อะไรกับพล.อ.ธรรมรักษ์ แต่ขอยืนยันว่าหลักฐานทั้งหมดที่ผมนำมาแสดงเป็นความจริงทั้งหมด นายทวี สุวรรณพัฒน์ นำคณะเข้าพบกับพล.อ.ธรรมรักษ์ในวันที่ 3 มีนาคม เวลาบ่าย 2 โมงเศษ เดิมทีเขาปฏิเสธกันว่าคณะบุคคลเหล่านี้ไม่เคยพบกับพล.อ.ธรรมรักษ์ ไม่เคยรู้จัก ผมก็ได้หลักฐานมาเลยเอามาให้ดู และแสดงต่อศาลว่าน่าจะมีการพบกันจริง เพราะว่าวันเวลาดังกล่าว มีหลักฐานที่ได้ไปเจอกันที่ห้อง รมว.กลาโหม มีการบันทึกเทปไว้ รูปนี้ที่เอามาอ้างเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเรื่องราวทั้งหมดในคดีที่พรรคใหญ่จ้างพรรคเล็ก ทั้งหมดที่พูดมีคำให้การของพยานเหล่านี้ที่ให้กับอนุกรรมการกกต.ไว้ก่อน เมื่อเอาคำให้การของพยานกับรูปที่แหล่งข่าวเขาส่งมาให้มันตรงกันพอดี ผมก็เอาไปแสดงต่อศาล ก็เท่านั้นเอง
คดีนี้ผมไม่ได้เป็นโจทย์ฟ้องไทยรักไทย หน้าที่ที่จะดำเนินการกับไทยรักไทย เป็นหน้าที่ของกกต. ผมไปยื่นร้องกับ กกต.ว่าพรรคไทยรักไทยกระทำความผิด ว่าจ้างพรรคเล็ก และผิดกฎหมายเลือกตั้ง ทุจริตเลือกตั้ง ให้ กกต.ดำเนินการให้อนุกรรมการกกต.ไปสอบสวน ก็ได้ยืนยันมาทั้ง 2 ครั้งว่า พรรคไทยรักไทยกระทำความผิดจริง เสนอด้วยมติเอกฉันท์ให้ตั้งข้อกล่าวงหาดำเนินคดีกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แล้วกกต.ไม่ทำ ผมก็ดูพฤติกรรมของกกต.แล้วบอกว่า ละเว้นไม่ปฎิบัติหน้าที่ ไม่ซื่อตรงต่อหน้าที่ของตัวเอง กกต.มีหน้าที่ต้องทำเหล่านี้ เพราะฉะนั้นผมก็เลยไปฟ้องกกต.ฐานละเว้นไม่ปฏิบัติหน้าที่ ทีนี้กกต.นอกจากละเว้นไม่ปฏิบัติหน้าที่แล้ว ยังกล่าวหมิ่นประมาทผม ด้วยเหตุผลหรือวัตถุประสงค์อะไรผมไม่ทราบ อาจจะแก้ต่างให้พรรคไทยรักไทยว่าพรรคไทยรักไทยไม่ผิด คนผิดคือพรรคประชาธิปัตย์ คือผมก็เลยฟ้องอีกข้อหาหนึ่งว่าหมิ่นประมาท การที่ผมเป็นโจทย์ผมก็ต้องรวบรวมเอาประจักษ์พยานต่างๆเหล่านี้ไปเป็นหลักฐาน ผมก็ต้องพิสูจน์ว่า ทั้งหมดเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องเท็จอย่างที่กกต.กล่าวอ้าง
พล.อ.ธรรมรักษ์กล่าวท้าทายว่าหากมีการจ่ายเงินจริง และมีหลักฐานจริงจะให้ยิงกบาล?
(หัวเราะ) ใครจะไปกล้ายิงกบาลท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อคืนผมได้ฟังข่าว ผมเรียนว่าที่จริงท่านชี้แจงของท่านก็ดีแล้ว เป็นสิ่งสำคัญที่จะป้องกันตัวเอง แต่วิธีการพูดที่ท้าทาย คนฟังแล้วก็คงไม่ค่อยสบายใจ ผู้ใหญ่ขนาดนั้น เป็นรมว.กลาโหม เป็นรองหัวหน้าพรรครัฐบาล แล้วบอกว่าถ้าทำจริงเอาปืนยิงกบาลเลย ที่สำคัญมันมีอีกประโยคหนึ่ง พี่น้องประชาชนต้องสังเกตกันว่า ท่านได้พูดว่าเป็นห่วงพยาน ท่านบอกว่าถ้าเขาใช้งานเสร็จแล้วจะมีอันเป็นไป แล้วอย่าไปโทษท่านนะ พูดจาเสมือนหนึ่งให้ประชาชนเข้าใจว่าพยานที่มาเป็นพยานในคดีนี้ให้กับผม หลังจากจบคดีแล้วผมจะไปทำอะไรพยาน ผมเรียนพี่น้องประชาชนเลยว่า ผมเองและพวกผมที่อยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่นักเลงอันธพาล ไม่ใช่ผู้ร้าย เป็นนักการเมือง เป็นผู้ที่ทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองในฐานะนักการเมือง ไม่เคยมีประวัติไปใช้อิทธิพลอำนาจมืดเล่นงานใคร ไม่มีอะไรจะเกิดขึ้นกับพยานโดยฝีมือพวกผมแน่นอน ขณะนี้ก็ช่วยดูแลพยานเท่าที่ความเป็นประชาชนคนธรรมดาของเราจะทำได้ แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับผมหรือพยานผม ไม่มีคนอื่น มีคนกลุ่มที่ออกมาขู่เป็นระยะๆนี้เท่านั้น นี่ผมก็ฟ้องพี่น้องประชาชนเพื่อให้ได้ทราบและตระหนักว่าสิ่งที่ออกมามันแสดงถึงตัวตนที่แท้จริงของระบอบทักษิณ ได้อำนาจรัฐแล้วใช้ทั้งข้าราชการ ใช้ทั้งอิทธิพลอำนาจมืด นี่ไม่ใช่ประชาธิปไตยนะ ที่พูดจาและแสดงออกมา เวลาไปต่างประเทศเวลาเลขาธิการสหประชาชาติมา นายกฯก็พูดเจื้อยแจ้วว่าทำทุกอย่างตามกติกา ไปดูเสียบ้างสิดูลูกน้องตัวเองที่พูดจามาบ้าง กติกาประชาธิปไตยเขาไม่ให้มีขู่ประชาชนอย่างนี้ กติกาประชาธิปไตยไม่ให้ขู่เข็นคู่แข่งทางการเมืองอย่างนี้ กติกาประชาธิปไตยไม่ให้ทุจริตการเลือกตั้งอย่างนี้ นี่ก็ต้องเรียนเอาไว้
พล.อ.ธรรมรักษ์ ตั้งข้อสังเกตถึงเวลาเปรียบเทียบกับการผลการสอบสวนชุดนายนาม ยิ้มแย้ม ว่าอาจมีนอกมีใน ?
ผมเรียนว่า ยิ่งพูดก็ยิ่งเป็นบาป อย่าไปกล่าวหาท่านนาม ยิ้มแย้มหรือกรรมการ เราต้องทำใจให้แน่วแน่ คนดีก็ต้องถือว่าดี ต้องไม่ไปทำให้ท่านเดือดร้อน คนไม่ดีก็แยกส่วนกันไปให้ชัดเจน ผมเรียนเลยว่าผมไม่เคยรู้จักท่านนาม ยิ้มแย้มเป็นการส่วนตัว เพราะฉะนั้นอย่าไปกล่าวหาท่าน เป็นบาป แต่ว่าผมอยากจะเรียนว่าเรื่องรายงานของกกต.ไม่ใช่ความลับ เพราะสื่อมวลชนก็นำมาเผยแพร่ให่ประชาชนรู้ทั้งประเทศ และเมื่อผมรู้ว่ามีรายงานอย่างนี้ผมก็ไปหามาและนำไปยื่นกับศาล ผมไม่ได้สังเกต ไม่ได้เห็นว่า ข้อความของผมกับในรายงานจะไปพ้องหรือไม่คล้ายกันตรงไหนบ้าง แต่ว่าถึงไม่ได้เห็นรายงาน ผมก็รู้ว่าลำดับความในการทำทุจริตเรื่องนี้เป็นอย่างไร เพราะผมสอบพยานเรื่องนี้ด้วยตนเอง
เรื่องนี้กกต.พยายามเอากลับไปดู จะมีการซักฟอกอะไรหรือไม่ ?
กกต.พยายามทำอะไร ผมก็เห็นอยู่แล้วว่าว่าไม่สุจริต ผมถึงได้ไปฟ้องคดีที่ศาล แล้วยิ่งเขาทำอะไรก็ยิ่งมัดตัว ผมเรียนว่าทำอะไรมาวันนี้ก็มีพี่น้องประชาชน แม้แต่ข้าราชการก็เห็นกันมาก เมื่อเช้าก็มีคนโทรศัพท์มาบอกว่ามีหลักฐานเพิ่มเติมก็จะส่งมาให้
ตั้งข้อสังเกตอย่างไรกรณีที่กกต.เรียกผู้บริหารไทยรักไทยไปสอบเพิ่มในคดีนี้ และดูเหมือนว่ากำลังเดินหน้าคลี่คลายปัญหา?
นั่นน่ะสิ ผมตั้งข้อสังเกตว่า 1. กกต.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการชุดใหม่ ซึ่งเขาเลือกเองทั้งสิ้นและมีท่านนาม ยิ้มแย้ม เป็นประธาน มีกรรมการอื่น 17 รวมเป็น 18 แล้วพอกรรมการสอบสวนรายงานพรรคไทยรักไทยผิด กกต.ก็เลือกปฏิบัติไปลงโทษพรรคเล็ก เจ้าหน้าที่กกต. โดยไม่ลงโทษพรรคไทยรักไทยแล้วบอกให้ไปสอบใหม่ คณะอนุกรรมการก็ไปสอบใหม่ และยืนยันมั่นคงว่าให้ตั้งข้อหา พ.ต.ท.ทักษิณ กกต.ก็ไม่ทำ ทีนี้กกต.ก็ลงมือสอบเองเลย ก็ถ้าอยากสอบเองตั้งแต่ต้นจะไปตั้งอนุกรรมการทำไม
มีความพยายามอะไรหรือไม่ที่ไปสอบเอง?
ผมจะติดตามดูว่า ความพยายามที่จะทำอย่างนี้เป็นหลักฐานที่ผมจะเสนอศาลเพิ่มเติมว่า นี่คือความพยายามที่จะเข้าด้วยช่วยเหลือพรรคไทยรักไทย นี่คือสิ่งที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต ถ้าผมได้หลักฐานตรงนี้ศาลก็จะตัดสินง่ายขึ้น
กรณีที่บอกว่าต้องเห็นภาพ พล.อ.ธรรมรักษ์ อยู่กับคนรับเงินถึงจะมัดตัวได้?
ไม่ใช่ ที่ผมเรียนคือว่า รูปนี้เป็นแค่หลักฐานส่วนหนึ่ง มันมีเอกสาร ใบเสร็จรับเงินใบสำคัญจ่ายเงิน พยานอื่นๆ อีกมากมาย นี่เป็นเพียงแค่ 1 ฉากของพยานทั้งหมดเท่านั้น
ทำไมครั้งแรกถึงไม่เอารูปถ่ายนี้ให้กกต.ไปด้วย?
ในส่วนของกกต.ผมได้ยื่นหลักฐานส่วนหนึ่งและเอกสารสำคัญไปแล้ว แล้วผมก็บอกว่าถ้าต้องการความร่วมมืออะไรเพิ่มเติมก็บอกมา ขออะไรเพิ่มเติมก็ให้
ที่บอกว่าคนเอาความลับมาเปิดเผยอาจถึงแก่ชีวิต?
ผมเห็นข่าวก็ตลกดี ผมคิดว่าต้องให้พี่น้องประชาชนอย่าเพิ่งเบื่อ ต้องติดตามดูแล้วจะร็ว่าบ้านเมืองของเราปกครองด้วยคนพวกพันอย่างนี้เอง มันถึงเป็นปัญหากันอยู่
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 1 มิ.ย. 2549--จบ--