1 อุปทาน
1.1 ภาคเกษตรกรรม
ในเดือนกันยายน 2548 รายได้เกษตรกรจาก การขายพืชผลสำคัญ ขยายตัวจากทั้งด้านราคาและปริมาณ
ผลผลิตพืชผลเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.0 จากระยะเดียวกันปีก่อน ตามการเพิ่มขึ้นของผลผลิตข้าวนาปีและปาล์มน้ำมันเป็นสำคัญ
ราคาพืชผล เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.1 จากการเพิ่มขึ้น ของราคายางพารา ข้าวเปลือก และมันสำปะหลัง โดยเป็นการเพิ่มขึ้นตามระดับราคาในตลาดโลก
ในไตรมาสที่ 3 รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 29.9 จากราคาที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการจากต่างประเทศ ประกอบกับผลผลิตพืชผลสำคัญในฤดูกาลเพาะปลูกใหม่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งประสบ
ภัยแล้ง
สำหรับช่วงปลายปี คาดว่ารายได้เกษตรกรจากการขายพืชผลสำคัญจะเพิ่มขึ้น โดยราคาจะคงอยู่ในระดับสูงและผลผลิตเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนซึ่งได้รับผลจากภัยแล้ง
ราคาสินค้าเกษตรโดยรวมของไทย เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.2 โดยเพิ่มขึ้นในทุกหมวดสินค้าตามอุปสงค์ทั้งในและ ต่างประเทศ และจากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน
ราคาปศุสัตว์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.6 ตามการเพิ่มขึ้นของราคาไก่เนื้อและราคาสุกร
ราคาประมง เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.3 ตามราคากุ้ง ปลา ทะเล ปลาหมึก และปลาเป็ด รวมทั้งต้นทุน
ในไตรมาสที่ 3 ราคาสินค้าเกษตรโดยรวมของไทย เพิ่มขึ้นทุกหมวดสินค้า และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ราคาสินค้าเกษตร(ที่สำคัญต่อเศรษฐกิจไทย 12 ชนิด) ในตลาดโลก เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.1 จากยางพารา ข้าวน้ำตาลทราย และกาแฟ ตามความต้องการที่มีอย่างต่อเนื่อง กอปรกับพื้นที่เพาะปลูกในบางประเทศได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ
1.2 ภาคอุตสาหกรรม
ในเดือนกันยายน 2548 การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 4.9 เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน ชะลอลงจากที่เพิ่มสูงถึงร้อยละ 10.3 ในเดือนก่อนซึ่งเป็นผลจากฐานที่ต่ำ โดยในหลายหมวดสินค้ายังคงขยายตัวดีต่อเนื่อง เช่น หมวดอิเล็กทรอนิกส์ หมวดยางและผลิตภัณฑ์ยาง ซึ่งขยายตัวดีตามอุปสงค์ในต่างประเทศ หมวดผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นปลายการผลิตเร่งขึ้นจากผลตอบแทนที่จูงใจ สำหรับหมวดยานยนต์และอุปกรณ์ขนส่งการผลิตรถยนต์พาณิชย์ยังคงขยายตัวดีจากการออกรถยนต์พาณิชย์รุ่นใหม่
อย่างไรก็ดี การผลิตในบางหมวดอุตสาหกรรมยังคงหดตัวต่อเนื่อง ที่สำคัญ ได้แก่ หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก ซึ่งมีการเร่งสต็อกสินค้าไว้มากในช่วงก่อนหน้านี้ ประกอบกับอุปสงค์ที่ลดลง เพื่อรอดูความชัดเจนในด้านราคาวัตถุดิบเหล็กในตลาดโลก ขณะที่หมวดหมวดเครื่องดื่ม การผลิตลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนหลังจากการปรับเพิ่มภาษีสุราและได้มีการผลิตสะสมสต็อกไว้ก่อนหน้า ประกอบกับในปีก่อนมีการเร่งผลิตเบียร์ เนื่องจากมีข่าวการปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิต หมวดเครื่องหนัง การผลิตลดลงเนื่องจากปัญหาขาดแคลน วัตถุดิบที่มีคุณภาพและราคาที่สูงขึ้น สำหรับหมวดยาสูบการผลิตที่ลดลงในเดือนนี้เป็นผลมาจากการปิดซ่อมบำรุงโรงงานบางส่วน
อัตราการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมในเดือนนี้อยู่ที่ร้อยละ 72.8 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 70.2 ในเดือนก่อน
สำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2548 การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 6.7 จากระยะเดียวกันปีก่อน ชะลอลงจาก ในไตรมาสก่อนหน้า ทั้งนี้ แม้ว่าการผลิตในหมวดผลิตภัณฑ์เคมี หมวดผลิตภัณฑ์ยาง หมวดยานยนต์จะเร่งตัวสูงขึ้น และ การผลิตในหมวดอิเล็กทรอนิกส์จะยังคงขยายตัวอยู่ในเกณฑ์สูงก็ตาม แต่การผลิตในหลายหมวดอุตสาหกรรมปรับตัวลดลงที่สำคัญได้แก่หมวดเครื่องดื่มที่การผลิตเบียร์ลดลงจากการเร่งสะสมสต็อกในช่วงไตรมาสก่อน ขณะที่หมวดเหล็กและ ผลิตภัณฑ์เหล็ก การผลิตลดลงตามการชะลอลงของอุปสงค์ ในประเทศเพื่อรอดูความชัดเจนด้านราคา และสต็อกของผู้ผลิตที่ยังอยู่ในระดับสูง ส่วนหมวดเครื่องหนังมีปัญหาเรื่องขาดแคลนวัตถุดิบที่มีคุณภาพ
อัตราการใช้กำลังการผลิตในไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ ร้อยละ 71.1 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 70.0 ในไตรมาสก่อน
ในเดือนกันยายน 2548 นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศมีจำนวน 910,000 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยการท่องเที่ยวภาคใต้ฟื้นตัวขึ้นอย่างช้าๆ จากที่ได้รับผลกระทบเหตุการณ์ภัยธรรมชาติ และเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้ โดยจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเดินทางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองภาคใต้ยังคงต่ำกว่าระยะเดียวกันปีก่อน แต่มีแนวโน้มดีขึ้นเป็นลำดับ
อัตราเข้าพักโรงแรมในเดือนนี้อยู่ที่ร้อยละ 61.2 ใกล้เคียงกับระยะเดียวกันปีก่อน ทั้งนี้ อัตราเข้าในภาคใต้ปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ แต่ยังคงอยู่ในระดับ ต่ำกว่าระยะเดียวกันปีก่อนโดยอยู่ที่ร้อยละ 39.9 ในปีนี้ เทียบกับร้อยละ 51.5 ในปีก่อน ส่วนอัตราเข้าพักในภาคกลาง โดยเฉพาะกรุงเทพยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่อัตราการเข้าพักในภาคเหนือลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนมาอยู่ที่ร้อยละ 40.2 ในปีนี้ เทียบกับร้อยละ 44.3 ในปีก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม
สำหรับไตรมาสที่ 3 นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.1 จากการท่องเที่ยวภาคใต้ที่ยังคงอยู่ในภาวะซบเซาจากเหตุการณ์ภัยธรรมชาติ รวมทั้งยังมีปัจจัยลบอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในไตรมาสนี้ด้วย อาทิ เหตุระเบิดรถไฟใต้ดินในอังกฤษข่าวลือเกี่ยวกับการเกิดสึนามิรอบใหม่ เป็นต้น สำหรับอัตราการเข้าพักโรงแรมในไตรมาสที่ 3 อยู่ในระดับต่ำกว่าปีก่อนเช่นกัน โดยอยู่ที่ร้อยละ 62.0 เทียบกับร้อยละ 64.0 ในปีก่อน
1.4 ภาคอสังหาริมทรัพย์
ในเดือนสิงหาคม 2548 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยรวมค่อนข้างทรงตัว เนื่องจากเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น ทำให้กำลังซื้อลดลง และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้สถาบันการเงินระมัดระวังมากขึ้นในการให้สินเชื่อ รวมทั้งทำให้ผู้บริโภคบางส่วนตระหนักถึงภาระการผ่อนชำระในอนาคตที่อาจเพิ่มขึ้น จึงชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย โดยเครื่องชี้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่สำคัญ ในเดือนนี้ ได้แก่ พื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลทั่วประเทศลดลงร้อยละ 4.8 (เฉพาะที่อยู่อาศัยลดลงร้อย 5.4 จากระยะเดียวกันปีก่อน) และที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จและจดทะเบียนเพิ่มในเขต กทม. และปริมณฑล ประเภทบ้านจัดสรรลดลงร้อยละ 16.9 แต่ประเภทอาคารชุดและบ้านสร้างเองยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แนวโน้มในระยะต่อไป คาดว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะชะลอตัวต่อเนื่องจากอุปสงค์ที่มีกำลังซื้อลดลง ส่วนด้านอุปทานมีการพัฒนาที่อยู่อาศัยขนาดเล็กลงตามความต้องการของผู้บริโภค
1.5 ภาคการค้า
ในเดือนสิงหาคม 2548 ภาวะการค้าโดยรวมขยายตัวในอัตราเร่งจากเดือนก่อนหน้าทั้งการค้าปลีกและค้าส่ง ตามการบริโภคโดยรวมที่ปรับตัวดีขึ้น ส่วนหนึ่งจากการเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2548 และรายได้เกษตรกรจากพืชผลสำคัญขยายตัว อยู่ในเกณฑ์ดี
นอกจากสินค้าที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีพที่ขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดีแล้ว สินค้าในกลุ่มเครื่องประดับโดยเฉพาะทอง และทองรูปพรรณซึ่งยอดขายลดลงตั้งแต่ต้นปีเริ่มมีทิศทางเพิ่มขึ้นในเดือนนี้
อย่างไรก็ตาม สินค้าหลายชนิดมียอดขายลดลง เช่น วัสดุก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และน้ำหอมและเครื่องสำอาง เป็นต้น ตามภาวะอสังหาริมทรัพย์ที่ทรงตัว และจากเงินเฟ้อที่สูงขึ้น
1.6 โทรคมนาคม
ในเดือนสิงหาคม 2548 ธุรกิจบริการสื่อสาร ทางโทรศัพท์โดยรวมค่อนข้างทรงตัว โดยเฉพาะบริการโทรศัพท์พื้นฐานที่เพิ่มขึ้นในอัตราทรงตัวอยู่ที่ระดับเฉลี่ยร้อยละ 3 มาตั้งแต่ต้นปี ขณะที่การขอใช้บริการโทรศัพท์ เคลื่อนที่ขยายตัวในอัตราชะลอลงเล็กน้อย
การแข่งขันการส่งเสริมการขายบริการในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ค่อนข้างรุนแรงในช่วงต้นปีโดยมุ่ง การเพิ่มปริมาณผู้ใช้บริการเป็นสำคัญ ทำให้มีการยกเลิกเลขหมายที่ไม่มีการใช้จริงเพิ่มขึ้นมากในช่วง 2 เดือนที่ ผ่านมา ส่งผลให้จำนวนเลขหมายสุทธิเพิ่มขึ้นในอัตรา ที่ชะลอลง
อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีผู้ประกอบการจะมีการส่งเสริมการขายรูปแบบใหม่ๆ ซึ่งมีบริการแบบครบวงจรมากขึ้น เพื่อเพิ่มระดับจำนวน ผู้ใช้บริการทดแทนส่วนที่ขาดหายไปในปัจจุบัน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1.1 ภาคเกษตรกรรม
ในเดือนกันยายน 2548 รายได้เกษตรกรจาก การขายพืชผลสำคัญ ขยายตัวจากทั้งด้านราคาและปริมาณ
ผลผลิตพืชผลเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.0 จากระยะเดียวกันปีก่อน ตามการเพิ่มขึ้นของผลผลิตข้าวนาปีและปาล์มน้ำมันเป็นสำคัญ
ราคาพืชผล เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.1 จากการเพิ่มขึ้น ของราคายางพารา ข้าวเปลือก และมันสำปะหลัง โดยเป็นการเพิ่มขึ้นตามระดับราคาในตลาดโลก
ในไตรมาสที่ 3 รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 29.9 จากราคาที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการจากต่างประเทศ ประกอบกับผลผลิตพืชผลสำคัญในฤดูกาลเพาะปลูกใหม่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งประสบ
ภัยแล้ง
สำหรับช่วงปลายปี คาดว่ารายได้เกษตรกรจากการขายพืชผลสำคัญจะเพิ่มขึ้น โดยราคาจะคงอยู่ในระดับสูงและผลผลิตเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนซึ่งได้รับผลจากภัยแล้ง
ราคาสินค้าเกษตรโดยรวมของไทย เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.2 โดยเพิ่มขึ้นในทุกหมวดสินค้าตามอุปสงค์ทั้งในและ ต่างประเทศ และจากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน
ราคาปศุสัตว์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.6 ตามการเพิ่มขึ้นของราคาไก่เนื้อและราคาสุกร
ราคาประมง เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.3 ตามราคากุ้ง ปลา ทะเล ปลาหมึก และปลาเป็ด รวมทั้งต้นทุน
ในไตรมาสที่ 3 ราคาสินค้าเกษตรโดยรวมของไทย เพิ่มขึ้นทุกหมวดสินค้า และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ราคาสินค้าเกษตร(ที่สำคัญต่อเศรษฐกิจไทย 12 ชนิด) ในตลาดโลก เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.1 จากยางพารา ข้าวน้ำตาลทราย และกาแฟ ตามความต้องการที่มีอย่างต่อเนื่อง กอปรกับพื้นที่เพาะปลูกในบางประเทศได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ
1.2 ภาคอุตสาหกรรม
ในเดือนกันยายน 2548 การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 4.9 เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน ชะลอลงจากที่เพิ่มสูงถึงร้อยละ 10.3 ในเดือนก่อนซึ่งเป็นผลจากฐานที่ต่ำ โดยในหลายหมวดสินค้ายังคงขยายตัวดีต่อเนื่อง เช่น หมวดอิเล็กทรอนิกส์ หมวดยางและผลิตภัณฑ์ยาง ซึ่งขยายตัวดีตามอุปสงค์ในต่างประเทศ หมวดผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นปลายการผลิตเร่งขึ้นจากผลตอบแทนที่จูงใจ สำหรับหมวดยานยนต์และอุปกรณ์ขนส่งการผลิตรถยนต์พาณิชย์ยังคงขยายตัวดีจากการออกรถยนต์พาณิชย์รุ่นใหม่
อย่างไรก็ดี การผลิตในบางหมวดอุตสาหกรรมยังคงหดตัวต่อเนื่อง ที่สำคัญ ได้แก่ หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก ซึ่งมีการเร่งสต็อกสินค้าไว้มากในช่วงก่อนหน้านี้ ประกอบกับอุปสงค์ที่ลดลง เพื่อรอดูความชัดเจนในด้านราคาวัตถุดิบเหล็กในตลาดโลก ขณะที่หมวดหมวดเครื่องดื่ม การผลิตลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนหลังจากการปรับเพิ่มภาษีสุราและได้มีการผลิตสะสมสต็อกไว้ก่อนหน้า ประกอบกับในปีก่อนมีการเร่งผลิตเบียร์ เนื่องจากมีข่าวการปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิต หมวดเครื่องหนัง การผลิตลดลงเนื่องจากปัญหาขาดแคลน วัตถุดิบที่มีคุณภาพและราคาที่สูงขึ้น สำหรับหมวดยาสูบการผลิตที่ลดลงในเดือนนี้เป็นผลมาจากการปิดซ่อมบำรุงโรงงานบางส่วน
อัตราการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมในเดือนนี้อยู่ที่ร้อยละ 72.8 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 70.2 ในเดือนก่อน
สำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2548 การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 6.7 จากระยะเดียวกันปีก่อน ชะลอลงจาก ในไตรมาสก่อนหน้า ทั้งนี้ แม้ว่าการผลิตในหมวดผลิตภัณฑ์เคมี หมวดผลิตภัณฑ์ยาง หมวดยานยนต์จะเร่งตัวสูงขึ้น และ การผลิตในหมวดอิเล็กทรอนิกส์จะยังคงขยายตัวอยู่ในเกณฑ์สูงก็ตาม แต่การผลิตในหลายหมวดอุตสาหกรรมปรับตัวลดลงที่สำคัญได้แก่หมวดเครื่องดื่มที่การผลิตเบียร์ลดลงจากการเร่งสะสมสต็อกในช่วงไตรมาสก่อน ขณะที่หมวดเหล็กและ ผลิตภัณฑ์เหล็ก การผลิตลดลงตามการชะลอลงของอุปสงค์ ในประเทศเพื่อรอดูความชัดเจนด้านราคา และสต็อกของผู้ผลิตที่ยังอยู่ในระดับสูง ส่วนหมวดเครื่องหนังมีปัญหาเรื่องขาดแคลนวัตถุดิบที่มีคุณภาพ
อัตราการใช้กำลังการผลิตในไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ ร้อยละ 71.1 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 70.0 ในไตรมาสก่อน
ในเดือนกันยายน 2548 นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศมีจำนวน 910,000 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยการท่องเที่ยวภาคใต้ฟื้นตัวขึ้นอย่างช้าๆ จากที่ได้รับผลกระทบเหตุการณ์ภัยธรรมชาติ และเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้ โดยจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเดินทางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองภาคใต้ยังคงต่ำกว่าระยะเดียวกันปีก่อน แต่มีแนวโน้มดีขึ้นเป็นลำดับ
อัตราเข้าพักโรงแรมในเดือนนี้อยู่ที่ร้อยละ 61.2 ใกล้เคียงกับระยะเดียวกันปีก่อน ทั้งนี้ อัตราเข้าในภาคใต้ปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ แต่ยังคงอยู่ในระดับ ต่ำกว่าระยะเดียวกันปีก่อนโดยอยู่ที่ร้อยละ 39.9 ในปีนี้ เทียบกับร้อยละ 51.5 ในปีก่อน ส่วนอัตราเข้าพักในภาคกลาง โดยเฉพาะกรุงเทพยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่อัตราการเข้าพักในภาคเหนือลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนมาอยู่ที่ร้อยละ 40.2 ในปีนี้ เทียบกับร้อยละ 44.3 ในปีก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม
สำหรับไตรมาสที่ 3 นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.1 จากการท่องเที่ยวภาคใต้ที่ยังคงอยู่ในภาวะซบเซาจากเหตุการณ์ภัยธรรมชาติ รวมทั้งยังมีปัจจัยลบอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในไตรมาสนี้ด้วย อาทิ เหตุระเบิดรถไฟใต้ดินในอังกฤษข่าวลือเกี่ยวกับการเกิดสึนามิรอบใหม่ เป็นต้น สำหรับอัตราการเข้าพักโรงแรมในไตรมาสที่ 3 อยู่ในระดับต่ำกว่าปีก่อนเช่นกัน โดยอยู่ที่ร้อยละ 62.0 เทียบกับร้อยละ 64.0 ในปีก่อน
1.4 ภาคอสังหาริมทรัพย์
ในเดือนสิงหาคม 2548 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยรวมค่อนข้างทรงตัว เนื่องจากเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น ทำให้กำลังซื้อลดลง และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้สถาบันการเงินระมัดระวังมากขึ้นในการให้สินเชื่อ รวมทั้งทำให้ผู้บริโภคบางส่วนตระหนักถึงภาระการผ่อนชำระในอนาคตที่อาจเพิ่มขึ้น จึงชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย โดยเครื่องชี้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่สำคัญ ในเดือนนี้ ได้แก่ พื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลทั่วประเทศลดลงร้อยละ 4.8 (เฉพาะที่อยู่อาศัยลดลงร้อย 5.4 จากระยะเดียวกันปีก่อน) และที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จและจดทะเบียนเพิ่มในเขต กทม. และปริมณฑล ประเภทบ้านจัดสรรลดลงร้อยละ 16.9 แต่ประเภทอาคารชุดและบ้านสร้างเองยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แนวโน้มในระยะต่อไป คาดว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะชะลอตัวต่อเนื่องจากอุปสงค์ที่มีกำลังซื้อลดลง ส่วนด้านอุปทานมีการพัฒนาที่อยู่อาศัยขนาดเล็กลงตามความต้องการของผู้บริโภค
1.5 ภาคการค้า
ในเดือนสิงหาคม 2548 ภาวะการค้าโดยรวมขยายตัวในอัตราเร่งจากเดือนก่อนหน้าทั้งการค้าปลีกและค้าส่ง ตามการบริโภคโดยรวมที่ปรับตัวดีขึ้น ส่วนหนึ่งจากการเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2548 และรายได้เกษตรกรจากพืชผลสำคัญขยายตัว อยู่ในเกณฑ์ดี
นอกจากสินค้าที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีพที่ขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดีแล้ว สินค้าในกลุ่มเครื่องประดับโดยเฉพาะทอง และทองรูปพรรณซึ่งยอดขายลดลงตั้งแต่ต้นปีเริ่มมีทิศทางเพิ่มขึ้นในเดือนนี้
อย่างไรก็ตาม สินค้าหลายชนิดมียอดขายลดลง เช่น วัสดุก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และน้ำหอมและเครื่องสำอาง เป็นต้น ตามภาวะอสังหาริมทรัพย์ที่ทรงตัว และจากเงินเฟ้อที่สูงขึ้น
1.6 โทรคมนาคม
ในเดือนสิงหาคม 2548 ธุรกิจบริการสื่อสาร ทางโทรศัพท์โดยรวมค่อนข้างทรงตัว โดยเฉพาะบริการโทรศัพท์พื้นฐานที่เพิ่มขึ้นในอัตราทรงตัวอยู่ที่ระดับเฉลี่ยร้อยละ 3 มาตั้งแต่ต้นปี ขณะที่การขอใช้บริการโทรศัพท์ เคลื่อนที่ขยายตัวในอัตราชะลอลงเล็กน้อย
การแข่งขันการส่งเสริมการขายบริการในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ค่อนข้างรุนแรงในช่วงต้นปีโดยมุ่ง การเพิ่มปริมาณผู้ใช้บริการเป็นสำคัญ ทำให้มีการยกเลิกเลขหมายที่ไม่มีการใช้จริงเพิ่มขึ้นมากในช่วง 2 เดือนที่ ผ่านมา ส่งผลให้จำนวนเลขหมายสุทธิเพิ่มขึ้นในอัตรา ที่ชะลอลง
อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีผู้ประกอบการจะมีการส่งเสริมการขายรูปแบบใหม่ๆ ซึ่งมีบริการแบบครบวงจรมากขึ้น เพื่อเพิ่มระดับจำนวน ผู้ใช้บริการทดแทนส่วนที่ขาดหายไปในปัจจุบัน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--