วันนี้(19 ก.พ.49) เวลา 14.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายกรณ์ จาติกวณิช รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และประธานคณะทำงานตรวจสอบการขายหุ้นชินคอร์ป แถลงถึงกรณีที่ น.พ.วิชัย ชัยจิตวณิชยกุล ส.ส.อุดรธานี และนายสุชาติ ศรีสังข์ ส.ส.มหาสารคาม พรรคไทยรักไทยยื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมสรรพากรขอให้ตรวจสอบการเสียภาษีของนายไกรศรี จาติกวณิช บิดาของตนและนายเกษม จาติกวณิช ซึ่งเป็นลุงของตนและผู้ถือหุ้นอีก 2 คน ในการขายหุ้นบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เจเอฟธนาคม จำกัด กว่า 6 ล้านหุ้น เมื่อปี 2543 ว่า ทางพรรคไทยรักไทยได้พยายามใส่ร้ายผู้ใหญ่ในครอบครัวตนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งครั้งนี้ยังกล่าวหาว่าบิดาและลุงของตนได้ขายหุ้นโดยไม่ได้ยื่นแบบเสียภาษี จากที่เคยกล่าวหาบิดาตนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นความพยายามเล่นการเมืองมาโยงกับการทำงานของตน โดยเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้องมาทำให้ผู้ใหญ่ของตนต้องเดือดร้อน ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่ากรณีการเสียภาษีเป็นเรื่องส่วนบุคคล ถือเป็นข้อมูลลับ จึงแปลกใจว่า 2 ส.ส.นำข้อมูลดังกล่าวมาได้อย่างไร และได้ข้อมูลมาไม่ครบถ้วนแต่กลับมาโยงเพื่อทำให้เกิดความเสียหาย
"เรื่องนี้ไม่มีมูลความจริงเลย เพราะ ณ วันที่ขายหุ้นในปี43 คุณพ่อผมไม่มีหุ้นที่จะเสียภาษีเพราะไม่มีหุ้นที่จะขาย ถึงแม้จะเคยเป็นผู้ถือหุ้นดังกล่าวก็ตาม แต่ได้โอนหุ้นให้กับลูกๆ เป็นระยะเวลาพอสมควรแล้ว ซึ่งในส่วนของผมและพี่น้องก็มีเอกสารการเสียภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมายอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่เข้าใจว่าพรรคไทยรักไทยทำอะไรอยู่ รู้หรือไม่ว่าผิด หรือว่าทำการเมืองโดยไม่ทำการบ้าน หรือแกล้งโง่ อย่างไรก็ตามก็ขอให้กรมสรรพากรรับเรื่องและขอให้สอบสวนเรื่องนี้อย่างเต็มที่ ทางเราไม่ติดใจอะไร" นายกรณ์ กล่าว
รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งที่ผ่านมาตนและครอบครัวให้อภัย แต่ครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าพรรคไทยรักไทยยังทำงานการเมืองแบบไม่สร้างสรรค์ และกระทบต่อตระกูลของตนโดยตรง ทางบิดาและลุงของตนจึงได้ปรึกษากับฝ่ายกฎหมายโดยอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลอยู่เพื่อรักษาสิทธิ์โดยดำเนินการตามกระบวนการตามกฎหมายต่อไป และกำลังพิจารณาจะดำเนินการตามกฎหมายกับ 2 ส.ส.หรือต่อพรรคไทยรักไทย แต่เห็นว่า 2 ส.ส.ดำเนินการเรื่องนี้ในนามพรรค และมีผู้ใหญ่ของพรรคอยู่เบื้องหลัง เพราะไม่มีการตำหนิติเตียนจากคนในพรรค จึงเชื่อว่าโดยปริยายพรรคต้องรับรู้และเห็นชอบด้วย
นายกรณ์ ยังได้เรียกร้องว่า การแถลงข่าวครั้งนี้หวังว่าจะได้รับการเสนอข่าวทางสถานีโทรทัศน์ทุกช่องเช่นเดียวกับที่มีการเสนอข่าวกรณีที่พรรคไทยรักไทยกล่าวหาครอบครัวของตนที่ออกทุกช่องและหลายเวลาในวันเดียวกัน อย่างไรก็ตามโดยส่วนตัวไม่ติดใจอะไรพร้อมอโหสิกรรมให้ และหวังว่าส.ส.ในพรรคไทยรักไทยคงจะมีจิตสำนึกทำงานการเมืองตามที่ประชาชนต้องการอย่างสร้างสรรค์
เมื่อถามว่าการเล่นการเมืองของพรรคไทยรักไทยจะส่งผลกระทบต่อการตรวจสอบการขายหุ้นชินคอร์ปของครอบครัวนายกฯหรือไม่ นายกรณ์ กล่าวว่า อาจจะกระทบในแง่ที่กรมสรรพากรอาจจะเสียเวลาในการตรวจสอบเรื่องนี้แทนที่จะรีบพิจารณาในเรื่องที่คณะทำงานของพรรคได้ยื่นเรื่องไปในกรณีเกี่ยวกับการขายหุ้นชินคอร์ป ทั้งนี้ยืนยันว่าตนและคณะทำงานยังเดินหน้าตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 19 ก.พ. 2549--จบ--
"เรื่องนี้ไม่มีมูลความจริงเลย เพราะ ณ วันที่ขายหุ้นในปี43 คุณพ่อผมไม่มีหุ้นที่จะเสียภาษีเพราะไม่มีหุ้นที่จะขาย ถึงแม้จะเคยเป็นผู้ถือหุ้นดังกล่าวก็ตาม แต่ได้โอนหุ้นให้กับลูกๆ เป็นระยะเวลาพอสมควรแล้ว ซึ่งในส่วนของผมและพี่น้องก็มีเอกสารการเสียภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมายอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่เข้าใจว่าพรรคไทยรักไทยทำอะไรอยู่ รู้หรือไม่ว่าผิด หรือว่าทำการเมืองโดยไม่ทำการบ้าน หรือแกล้งโง่ อย่างไรก็ตามก็ขอให้กรมสรรพากรรับเรื่องและขอให้สอบสวนเรื่องนี้อย่างเต็มที่ ทางเราไม่ติดใจอะไร" นายกรณ์ กล่าว
รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งที่ผ่านมาตนและครอบครัวให้อภัย แต่ครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าพรรคไทยรักไทยยังทำงานการเมืองแบบไม่สร้างสรรค์ และกระทบต่อตระกูลของตนโดยตรง ทางบิดาและลุงของตนจึงได้ปรึกษากับฝ่ายกฎหมายโดยอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลอยู่เพื่อรักษาสิทธิ์โดยดำเนินการตามกระบวนการตามกฎหมายต่อไป และกำลังพิจารณาจะดำเนินการตามกฎหมายกับ 2 ส.ส.หรือต่อพรรคไทยรักไทย แต่เห็นว่า 2 ส.ส.ดำเนินการเรื่องนี้ในนามพรรค และมีผู้ใหญ่ของพรรคอยู่เบื้องหลัง เพราะไม่มีการตำหนิติเตียนจากคนในพรรค จึงเชื่อว่าโดยปริยายพรรคต้องรับรู้และเห็นชอบด้วย
นายกรณ์ ยังได้เรียกร้องว่า การแถลงข่าวครั้งนี้หวังว่าจะได้รับการเสนอข่าวทางสถานีโทรทัศน์ทุกช่องเช่นเดียวกับที่มีการเสนอข่าวกรณีที่พรรคไทยรักไทยกล่าวหาครอบครัวของตนที่ออกทุกช่องและหลายเวลาในวันเดียวกัน อย่างไรก็ตามโดยส่วนตัวไม่ติดใจอะไรพร้อมอโหสิกรรมให้ และหวังว่าส.ส.ในพรรคไทยรักไทยคงจะมีจิตสำนึกทำงานการเมืองตามที่ประชาชนต้องการอย่างสร้างสรรค์
เมื่อถามว่าการเล่นการเมืองของพรรคไทยรักไทยจะส่งผลกระทบต่อการตรวจสอบการขายหุ้นชินคอร์ปของครอบครัวนายกฯหรือไม่ นายกรณ์ กล่าวว่า อาจจะกระทบในแง่ที่กรมสรรพากรอาจจะเสียเวลาในการตรวจสอบเรื่องนี้แทนที่จะรีบพิจารณาในเรื่องที่คณะทำงานของพรรคได้ยื่นเรื่องไปในกรณีเกี่ยวกับการขายหุ้นชินคอร์ป ทั้งนี้ยืนยันว่าตนและคณะทำงานยังเดินหน้าตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 19 ก.พ. 2549--จบ--