ผู้ดำเนินรายการ : สวัสดีค่ะ / ครับ คุณอภิสิทธิ์
คุณอภิสิทธิ์ : สวัสดีครับ
ผู้ดำเนินรายการ : จากที่ ครม. เห็นชอบวันเลือกตั้งว่าจะเป็นวันที่ 15 ตุลา แต่ยังรีรอไม่ทูลเกล้าถวาย และพอดีมีเรื่อง กกต. ขึ้นมาจนถึงวันนี้ ไม่ทราบว่าคุณอภิสิทธิ์เห็นด้วยไม่เห็นด้วยอย่างไร กับการเลือกตั้งที่จะเป็นวันที่ 15 ตุลาคม
คุณอภิสิทธิ์ : ผมได้พูดมาตลอดนะครับ ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ เราไม่ได้ติดใจในเรื่องของวันเลือกตั้งนะครับ เท่ากับทำอย่างไรให้วันเลือกตั้งเป็นที่มั่นใจของทุกฝ่าย เราจะได้ได้สภาผู้แทนราษฎรที่มาโดยความชอบธรรม และก็หลักนี้ก็เป็นหลักสำคัญที่ศาลได้ยืนยันมา ว่าจะแก้ไข จะคลี่คลายวิกฤตของประเทศ ก็อยากจะให้สิ่งนี้เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นในส่วนของวันเลือกตั้งไม่ได้เป็นประเด็นนะครับ แต่ละพรรคการเมืองก็ทำหน้าที่กันไป และประชาธิปัตย์ก็พูดตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน ว่าเราจะเดินหน้าในการลงสมัครรับเลือกตั้ง เมื่อมีการเลือกตั้งครั้งต่อไป ทีนี้ประเด็นสำคัญก็อยู่ที่ กกต. นี่แหละครับ เพราะว่าแม้ว่าศาลได้พูดจาชัดเจนนะครับว่า กกต.น่าจะลาออกได้แล้ว เพื่อที่จะให้การเลือกตั้งที่จะมีขึ้น สามารถนำการเมืองเข้าสู่ภาวะปกติจริง ๆ ที่ทุกฝ่ายมีความเชื่อถือ มั่นใจ ทั้งในการเลือกตั้ง ทั้งในสภา ทั้งในรัฐบาลที่จะตามมานี้ แต่ว่าเราก็เห็นว่าเรื่องยังยืดเยื้อมาก กกต. ก็ยังไม่นำพา ต่อความเห็นต่าง ๆ ของศาล และก็ความพยายามที่จะยื้อเรื่องนี้มันก็มีกระบวนการอื่นมารองรับ ก็จะเห็นว่ามีเรื่องที่ท่านประธานวุฒิสภาส่งเรื่องไปที่จะสรรหา กกต. เหมือนกับซ่อม 2 ตำแหน่งที่ขาดไป และสัปดาห์นี้ศาลก็ทำความเห็นกลับไปว่า ไม่สรรหา และเหตุผลชัดเจน โดยมองว่ากกต.ชุดปัจจุบันขาดความชอบธรรมแล้ว คือขาดความเป็นกลาง ความเชื่อถือตรงนี้ ในส่วนของประชาธิปัตย์ผมว่าเราชัดเจนมานานแล้ว จะบอกว่า กกต. ชุดนี้เป็นกลางหรือว่าจะทำหน้าที่อย่างเป็นกลางนั้น สำหรับพรรคฯนี้มันแทบจะเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วนะครับ เพราะว่า มีคดีความที่ขึ้นศาลกันอยู่ อย่างน้อย ๆ ก็ 2 — 3 คดีที่เป็นคดีอาญา คดีศาลปกครอง และที่เราเห็นได้ชัดเจนก็คือว่า กรณีที่เราร้องเรียนไปเรื่องพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็ก การให้สัมภาษณ์การแสดงออกของกกต. ในทุกครั้งทุกขั้นตอน มีแต่จ้องที่จะมาเล่นงานพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าเอกสารหลักฐาน พยาน ที่มีการนำเสนอไปจะชัดเจนอย่างไร ผมอยากจะย้ำอย่างนี้ครับว่าปัญหาวิกฤตของบ้านเมืองทั้งหมด ดูจะเริ่มต้นมาตั้งแต่ต้นปี นี่จะครึ่งปีแล้วที่มีปัญหาตั้งแต่นายกฯ ทักษิณขายหุ้นและเกิดการชุมนุมเรียกร้องต่อต้านให้ท่านอธิบาย ท่านไม่อธิบาย ท่านยุบสภาและก็เหตุการณ์ก็มาตามลำดับ จนศาลบอกว่าการเลือกตั้งไม่ชอบ คือทุกฝ่ายอยากให้มันจบ และก็ไม่มีจังหวะไหนที่มันดีเท่ากับช่วงนี้ที่จะทำให้ทุกอย่างมันจบมีความชัดเจน เพราะว่าเรากำลังเข้าสู่สัปดาห์ที่จะมีพระราชพิธี รัชพิธี ในการเฉลิมฉลองการครองราชย์ 60 ปีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนะครับ กกต. ถ้ายังไม่นำพาอีกผมก็เห็นหลายฝ่ายพยายามที่จะแก้ไขอยู่ วุฒิสภาส่วนหนึ่งก็ไปเข้าชื่อเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติ ผมอยากเรียกร้องนายกฯ ทักษิณครับ ในฐานะหัวหน้าพรรคไทยรักไทย คือพรรคการเมืองเดิมที่อยู่ในสภาขณะนี้ได้พูดชัดเจนแล้วว่า ไม่ยอมรับ กกต. เหลือพรรคไทยรักไทยพรรคเดียว นายกฯ ทักษิณ ถ้าหากว่ามีความมั่นใจว่าการเลือกตั้งนี้เมื่อมีขึ้น จะลงสมัครรับเลือกตั้งแข่งขันได้ ทำไมไม่เรียกร้อง กกต. บ้าง 3 คนนี้ สละตำแหน่งเสีย ทุกอย่างมันก็จะหายอึมครึม ทุกอย่างมันก็จะจบลง และผมก็คิดว่าพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า 4 พรรคการเมืองที่อยู่ในสภานี้ มีความเห็นตรงกันแล้วว่า ขอเปลี่ยน กกต. เถอะ เอาหล่ะผิดถูกนี่เราไม่พูดหล่ะ เพราะว่าถือว่าเป็นเรื่องที่ไปพิสูจน์กันในศาล ไปพูดกันในกระบวนการยุติธรรม แต่ว่านายกฯ ทักษิณในฐานะหัวหน้าพรรคไทยรักไทย จะช่วยปลดล็อคทางการเมืองตรงนี้ไหม เราไม่เคยได้ยินท่านพูดถึงการให้ กกต. เสียสละเลยครับ ถ้าท่านพูดเนี่ยมันก็กลายเป็นทุกพรรคที่เคยอยู่ในสภา แล้วก็ตรงนี้มันจะทำให้บ้านเมืองเดินต่อได้ ถ้าไม่ทำมันก็อดคิดไม่ได้หรอกครับว่าในที่สุดนี้มันก็ต้องเป็นเรื่องของการปกป้องผลประโยชน์ของตน ผลประโยชน์ของพรรค มาก่อนผลประโยชน์ของชาติ และถ้าสภาพของการบริหารบ้านเมือง ประโยชน์ของพวก ประโยชน์ของพรรค ประโยชน์ของตนมาก่อน เราไม่มีทางแก้ปัญหาได้หรอกครับ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสังคม ไม่ว่าจะเป็นปัญหาอื่น ๆ อย่างที่ผมก็พยายามย้ำในขณะนี้ให้เห็นว่าหลายเรื่องในขณะนี้ พอประโยชน์ของกลุ่ม ประโยชน์ของตนมันมาก่อนปัญหามันก็แก้ไม่ได้ เหมือนราคาน้ำมันมันก็ลงไม่ได้เพราะมีการผูกขาดอยู่ ราคารถไฟก็ลงไม่ได้เพราะยังมีความคิดที่อยากจะไปแปรรูปเอาการไฟฟ้าไปให้มีการผูกขาดอยู่ อย่างนี้เป็นต้น เพราะฉะนั้นวันนี้ผมคิดว่าจังหวะนี้เหมาะสมครับ ทุกอย่างก็พุ่งไปที่ กกต. ตรงนี้อยู่แล้ว พรรคไทยรักไทยโดยท่านนายกฯ นี่แหละครับ พูดซักหนหนึ่งเถอะครับว่า กกต. เสียสละเถอะ ทุกอย่างมันจะได้จบ นะครับ และก็ผมว่าอันนี้มันจะทำให้เกิดความชัดเจน และกระบวนการต่าง ๆ มันก็เดินต่อไป ส่วนเรื่องที่ยังค้างอยู่จะเป็นเรื่องที่มีการรับรองวุฒิ จะเป็นการสอบพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กอะไร ก็ชุดใหม่เขาก็มาทำหน้าที่ได้ อันนี้เป็นสิ่งที่ผมมองว่า เป็นประโยชน์ส่วนรวมที่น่าจะมาก่อนสิ่งอื่นใด
ผู้ดำเนินรายการ : เขาก็ว่าการอยู่หรือไปของ กกต. 3 ท่านปัจจุบันก็มีเดิมพันสูงมากเพราะว่าการเมืองวันนี้ต่อสู้กันแหลมคมมาก
คุณอภิสิทธิ์ : มันเป็นเดิมพันของใครล่ะครับ
ผู้ดำเนินรายการ : นั่นสิครับคุณอภิสิทธิ์ครับ
คุณอภิสิทธิ์ : (หัวเราะ) ทั้งสองท่านว่าเป็นเดิมพันของใครล่ะครับ
ผู้ดำเนินรายการ : เขาก็ว่าเป็นเดิมพันของพรรคการเมืองใหญ่
คุณอภิสิทธิ์ : ทำไมล่ะครับ ถ้าเป็นอย่างนั้นมันก็ยิ่งตอกย้ำชัดเจนว่า กกต. ผูกพันกับพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่งไปแล้ว นั่นมันผิดเจตนารมย์รัฐธรรมนูญชัดเจน เพราะฉะนั้นวันนี้เพื่อความมั่นใจทุกฝ่าย ก็เอา กกต.ใหม่เข้ามา พรรคไทยรักไทยเองมั่นใจในความบริสุทธิ์ มั่นใจว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องปกป้อง กกต. ชุดนี้ก็ขอกกต.เสียสละบ้างสิครับ ก็ให้กกต. ชุดใหม่เข้ามาทำงานและไม่มีความได้เปรียบเสียเปรียบอะไร ทุกอย่างก็จะเป็นไปตามกระบวนการ เป็นไปตามปกติ เหมือนอย่างที่ผมพูดมาตลอดเลยว่า เลือกตั้งช้า เลือกตั้งเร็ว 90 วัน ไม่ 90 วัน หรืออย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องหลักครับ เรื่องหลักคือการเลือกตั้งต้องสุจริต ประชาธิปัตย์จะชนะ หรือประชาธิปัตย์จะแพ้นั้น ถ้าการเลือกสุจริตแล้วพรรคประชาธิปัตย์ยอมรับ นี่คือสิ่งที่ผมคิดว่าอยากจะเห็นกระบวนการที่มันขับเคลื่อนไปในทางนี้
ผู้ดำเนินรายการ : คือถึงแม้จะต้องใช้เวลาในการสรรหา กกต. อะไรก็คุ้ม อะไรอย่างนี้ใช่ไม๊คะคุณอภิสิทธิ์
คุณอภิสิทธิ์ : คือเวลานี้ ออกวันนี้มันก็เลือกตั้งตามมติครม.ได้ครับ คือ 15 ตุลาคม ผมมองไม่เห็นอุปสรรคอะไร ผมยังกลัวว่า ถ้ายืดเยื้อไปเนี่ย แล้วในที่สุด สมมตินะครับในที่สุดไปถึงคดีความจากศาลไหนก็แล้วแต่ แล้วบอก กกต. พ้นแต่ว่าแทนที่จะเป็นเดือนนี้แต่ว่าเป็นเดือนหน้าเนี่ย ไม่ยิ่งทำให้มันเสียเวลาไปอีก เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ 3 คนเท่านั้นบวกกับ 1 คือท่านนายกฯ แสดงท่าทีออกมา ผมว่าเรื่องมันจะได้จบ
ผู้ดำเนินรายการ : อ่านเหตุผลของท่านประธานศาลฎีกา ก็รู้สึกว่าท่านมีวิธีบอก กกต. อย่างแยบยล นะครับ ว่า ถ้าหมดความชอบธรรมแล้วเนี่ย มีการอ้างอิงกฎหมายไว้ชัดเจน
คุณอภิสิทธิ์ : ที่จริงบอกมาทั้งแยบยล และไม่แยบยล หลายครั้งแล้วนะครับ ผมอยากเห็นตรงนี้ อีกเรื่องหนึ่งคือในส่วนของเหตุการณ์เรื่องเอกสารหลักฐาน พยาน เกี่ยวกับพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็ก ก็ชี้แจงกันไป ผมคงไม่ลงรายละเอียดตรงนั้น แต่ว่าอยากเรียกร้องสักนิดนึงครับ คือไม่สบายใจเวลาที่รัฐมนตรีกลาโหมใช้ถ้อยคำแล้วเสมือนการข่มขู่ ว่า เกิดอะไรขึ้นผมไม่รับผิดชอบด้วยนะ อะไรทำนองนี้ ก็เป็นคำที่ผมคิดว่ามันทำให้เหมือนกับบ้านเมืองไม่มีกฎหมาย ผมไม่อยากเห็นสภาพอย่างนี้ เพราะว่าถ้าบ้านเมืองอยู่ในสภาพอย่างนี้ เราไปหวังอะไรอีกหลายสิ่งหลายอย่างค่อนข้างยาก เราอยากเห็นความศักดิ์สิทธิ์ ของกฎหมาย เหมือนกับคดีสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นกับทางส.ส.ของพรรคไทยรักไทย ทุกคนก็อยากเห็นความชัดเจนในการดำเนินการเพื่อให้เกิดความมั่นใจ ความรุนแรงนั้นเกิดขึ้นที่ไหนไม่ดีทั้งนั้นแหละครับ เกิดขึ้นกับใครไม่ดีทั้งนั้น เพราะฉะนั้นไม่อยากให้มีการพูดจา ใช้ภาษาและก็ทำให้เกิดความรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ เกิดขึ้นได้ อะไรอย่างนี้
ผู้ดำเนินรายการ : เอาละครับ หลายคนก็บอกว่าน่าเป็นห่วงครับ การเมืองวันนี้บอกว่าเสียวเหลือเกิน เพราะว่าเดิมพันมันสูงนะครับคุณอภิสิทธิ์ครับ พูดกันถึงขนาดยุบพรรคเนี่ย หลายคนบอกว่าการเผชิญหน้ามันจะแรงมาก
คุณอภิสิทธิ์ : คืออย่างนี้ครับ อย่าไปคิดในเชิงเดิมพันว่า พรรคไหนอยู่ไปได้เปรียบเสียเปรียบ คิดถึงประโยชน์ของประเทศนะครับ วันนี้ ของแพง เศรษฐกิจมีปัญหา สังคม ก็ถูกปล่อยปละละเลย นะครับ ตรงนี้มันต้องมีการแก้ แล้วกระบวนการแก้มันแก้ไม่ได้หรอกถ้าไม่เอาผลประโยชน์ของประชาชนมาก่อน ถ้าไม่ให้ความสำคัญของผลประโยชน์ของประชาชนก่อน เพราะฉะนั้นเรื่องวุ่นวายทั้งหลายอย่างที่ผมบอก ผมมองว่าวันนี้รอปลดล็อคโดย 3 ท่านและก็ท่านนายกฯ นี่แหละ ส่งสัญญาณให้ชัดบ้าง ผมว่าฝ่าย ๆ ต่าง ผมคิดว่าชัดแล้ว
ผู้ดำเนินรายการ : พรรคประชาธิปัตย์เองกำลังจะเปิดตัว บุคคลที่จะลงสนามการเมืองเนี่ย มีหน้าใหม่ เลือดใหม่อยู่พอสมควร โดยรวม ๆ แล้วหลักการที่จะกำหนดตัวบุคคลที่จะลงสนาม เราใช้หลักอย่างไรครับคุณอภิสิทธิ์
คุณอภิสิทธิ์ : ครับ มี 3 ส่วน ส่วนแรกเนี่ย ก็คือ ส.ส.เขต นะครับ ซึ่งก็จะมีบุคคลที่เป็นคนใหม่มาจากวงการต่าง ๆ อยู่ ทั้งที่ในกรุงเทพฯ และในต่างจังหวัด อันนี้ก็คงจะพิจารณาจากความเหมาะสมในการที่จะเข้ามาทำหน้าที่เป็น ส.ส. ในพื้นที่นั้น ๆ ในส่วนของบัญชีรายชื่อก็จะมีอีกส่วนหนึ่ง ก็จะมีที่จะเข้ามาจากแวดวงธุรกิจเอกชนบ้าง วิชาการ ภาครัฐอะไรอย่างนี้ ก็จะมีเข้ามา แล้วก็ส่วนที่ 3 ก็คงจะเป็นอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งอาจจะไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งแต่ว่าจะมาเป็นทีมงานคณะทำงานสำหรับที่จะสนับสนุนการทำงานของพรรคต่อไป เพราะฉะนั้นอันนี้ก็เป็น 3 ส่วน 2 ส่วนแรกแน่นอนต้องเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ก่อนวันที่ 8 มิถุนายนใช่ไม๊ครับ ถ้าการรับสมัครเป็นไปตามกำหนดที่เขาวางเอาไว้ ก็ช่วงนี้ก็มีสมาชิกใหม่ ๆ ที่เข้ามา ผมไม่ได้ไปเจาะจงดูแต่เรื่องของ ส.ส. ย้ายพรรคไม่ย้ายพรรคนะ ผมสนใจเรื่องของบุคลากรที่จะเข้ามาทำการเมือง ที่จะมาช่วยเสริมให้การเมืองดีขึ้น เพราะว่าผมก็เชื่ออยู่เสมอว่าการเมืองมันต้องมีคนใหม่ ๆ เข้ามา เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ผู้ดำเนินรายการ : ช่วงนี้คนไปพรรคประชาธิปัตย์เยอะขึ้นไม๊คะคุณอภิสิทธิ์ คนเข้ามาขอช่วยงานเยอะไม๊
คุณอภิสิทธิ์ : ก็มีครับ หลาย ๆ ส่วนด้วยกัน แต่ว่าความสนใจก็ต่างระดับกันไป เช่นอยากจะมาช่วยงานด้านนโยบาย อยากจะมาช่วยงานด้านการให้ความคิดนี่ก็เยอะ แต่ว่าอีกส่วนหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะว่าอยากลงสมัครรับเลือกตั้ง อีกส่วนหนึ่งก็บอกว่าอยากช่วยพรรคทำงานในด้านนั้นด้านนี้ ก็จะมีหลากหลายอยู่พอสมควร
ผู้ดำเนินรายการ : ถ้าตัวเลขคนเดินทางมาพรรคนี่ก็หมายถึง อุณหภูมิการเมืองด้วยเหมือนกันใช่ไม๊คะ เขาดูว่าแหมอาการพรรคประชาธิปัตย์ดีขึ้นเยอะแล้ว อะไรประมาณนี้ ตัวคุณอภิสิทธิ์คิดอย่างไรคะ
คุณอภิสิทธิ์ : ผมคิดว่าประชาชนก็ยังอยากจะเห็นทางเลือกนะครับ และผมก็พูดมาตลอดว่าสำหรับผมเนี่ย ประชาชนต้องมีทางเลือก ผมไม่อยากให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองเดียวในประเทศไทย ผมอยากให้มีหลายพรรค 2 พรรค 3 พรรคเป็นอย่างน้อย ซึ่งดังนั้นผมคิดว่าประชาชนเองก็อยากจะมีทางเลือก ถามผมว่าเป็นอย่างไร ผมก็คิดว่าประชาชนจำนวนไม่น้อยมองเห็นครับว่า มันถึงเวลาที่นักการเมือง พรรคการเมือง รัฐบาล ก็ต้องให้ความสำคัญกับประชาชนก่อน ต้องเอาผลประโยชน์อื่น ๆ วางทิ้งเอาไว้ ถามว่าจะหลั่งไหลเข้ามาชัดเจนแค่ไหน ผมคิดว่าหลายคนอยากจะฟังทางเลือกต่าง ๆ สิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่าอยากจะมีโอกาสก็คือทำอย่างไร ให้ทุกคนทุกพรรคมีโอกาสได้พูดว่า การให้ความสำคัญกับประชาชนนั้นจะทำอย่างไร ในสภาพปัญหาต่าง ๆ ที่ประชาชนและประเทศชาติเผชิญอยู่ ซึ่งอันนี้ก็ต้องบอกว่าพื้นที่ตรงนี้ค่อนข้างจำกัด ในเรื่องของสื่อสารมวลชน เพราะว่าเราให้เวลา ส่วนใหญ่เวลานักการเมืองไปออกตอนนี้ก็เป็นเรื่องการเมือง มากกว่าที่จะเปิดโอกาสให้นักการเมืองทุกฝ่าย ได้พูดว่าอะไรจะทำอะไรให้กับประชาชน
ผู้ดำเนินรายการ : ค่ะ อย่างเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ก็เห็นบอกว่าจำหน่ายบัตรหมดเลย แต่ว่าคนไม่กล้าไป
คุณอภิสิทธิ์ : ปัญหานี้ยังมีอยู่นะครับ ปัญหานี้ยังมีอยู่เพราะว่า ในหลายแวดวงก็ยังกังวลกับอำนาจรัฐซึ่งถูกใช้ไปกับผลประโยชน์ของพรรค ผลประโยชน์ทางการเมือง และก็มันไปกระทบกระเทือนต่อการประกอบอาชีพของเขา แต่ว่าวันนั้นผมก็พูดชัดเจนนะครับ ว่าสิ่งที่เรามองขณะนี้ก็คือปัญหาที่เป็นพื้นฐานต่าง ๆ และผมก็ยืนยันเลยว่า น้ำมันลดได้ทันที ค่าไฟลดได้ทันที ไม่ได้มีอะไรยากเลย เพียงแต่ว่ารัฐบาลเปลี่ยนวิธีการบริหารจัดการน้ำมัน กับเรื่องของการไปประกันผลตอบแทนการลงทุน ลดได้เลยครับ ค่าไฟ ลดได้เลยครับราคาน้ำมัน แทนที่จะต้องไปมีมาตรการอะไรที่สลับซับซ้อนแล้ว ไม่ทั่วถึง ตรงนี้ 2 ส่วนทำได้เลย
ผู้ดำเนินรายการ : เอาล่ะค่ะ วันนี้ต้องขอบคุณมากเลยนะคะ คุณอภิสิทธิ์ สวัสดีค่ะ / ครับ
คุณอภิสิทธิ์ : สวัสดีครับ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 2 มิ.ย. 2549--จบ--
คุณอภิสิทธิ์ : สวัสดีครับ
ผู้ดำเนินรายการ : จากที่ ครม. เห็นชอบวันเลือกตั้งว่าจะเป็นวันที่ 15 ตุลา แต่ยังรีรอไม่ทูลเกล้าถวาย และพอดีมีเรื่อง กกต. ขึ้นมาจนถึงวันนี้ ไม่ทราบว่าคุณอภิสิทธิ์เห็นด้วยไม่เห็นด้วยอย่างไร กับการเลือกตั้งที่จะเป็นวันที่ 15 ตุลาคม
คุณอภิสิทธิ์ : ผมได้พูดมาตลอดนะครับ ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ เราไม่ได้ติดใจในเรื่องของวันเลือกตั้งนะครับ เท่ากับทำอย่างไรให้วันเลือกตั้งเป็นที่มั่นใจของทุกฝ่าย เราจะได้ได้สภาผู้แทนราษฎรที่มาโดยความชอบธรรม และก็หลักนี้ก็เป็นหลักสำคัญที่ศาลได้ยืนยันมา ว่าจะแก้ไข จะคลี่คลายวิกฤตของประเทศ ก็อยากจะให้สิ่งนี้เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นในส่วนของวันเลือกตั้งไม่ได้เป็นประเด็นนะครับ แต่ละพรรคการเมืองก็ทำหน้าที่กันไป และประชาธิปัตย์ก็พูดตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน ว่าเราจะเดินหน้าในการลงสมัครรับเลือกตั้ง เมื่อมีการเลือกตั้งครั้งต่อไป ทีนี้ประเด็นสำคัญก็อยู่ที่ กกต. นี่แหละครับ เพราะว่าแม้ว่าศาลได้พูดจาชัดเจนนะครับว่า กกต.น่าจะลาออกได้แล้ว เพื่อที่จะให้การเลือกตั้งที่จะมีขึ้น สามารถนำการเมืองเข้าสู่ภาวะปกติจริง ๆ ที่ทุกฝ่ายมีความเชื่อถือ มั่นใจ ทั้งในการเลือกตั้ง ทั้งในสภา ทั้งในรัฐบาลที่จะตามมานี้ แต่ว่าเราก็เห็นว่าเรื่องยังยืดเยื้อมาก กกต. ก็ยังไม่นำพา ต่อความเห็นต่าง ๆ ของศาล และก็ความพยายามที่จะยื้อเรื่องนี้มันก็มีกระบวนการอื่นมารองรับ ก็จะเห็นว่ามีเรื่องที่ท่านประธานวุฒิสภาส่งเรื่องไปที่จะสรรหา กกต. เหมือนกับซ่อม 2 ตำแหน่งที่ขาดไป และสัปดาห์นี้ศาลก็ทำความเห็นกลับไปว่า ไม่สรรหา และเหตุผลชัดเจน โดยมองว่ากกต.ชุดปัจจุบันขาดความชอบธรรมแล้ว คือขาดความเป็นกลาง ความเชื่อถือตรงนี้ ในส่วนของประชาธิปัตย์ผมว่าเราชัดเจนมานานแล้ว จะบอกว่า กกต. ชุดนี้เป็นกลางหรือว่าจะทำหน้าที่อย่างเป็นกลางนั้น สำหรับพรรคฯนี้มันแทบจะเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วนะครับ เพราะว่า มีคดีความที่ขึ้นศาลกันอยู่ อย่างน้อย ๆ ก็ 2 — 3 คดีที่เป็นคดีอาญา คดีศาลปกครอง และที่เราเห็นได้ชัดเจนก็คือว่า กรณีที่เราร้องเรียนไปเรื่องพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็ก การให้สัมภาษณ์การแสดงออกของกกต. ในทุกครั้งทุกขั้นตอน มีแต่จ้องที่จะมาเล่นงานพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าเอกสารหลักฐาน พยาน ที่มีการนำเสนอไปจะชัดเจนอย่างไร ผมอยากจะย้ำอย่างนี้ครับว่าปัญหาวิกฤตของบ้านเมืองทั้งหมด ดูจะเริ่มต้นมาตั้งแต่ต้นปี นี่จะครึ่งปีแล้วที่มีปัญหาตั้งแต่นายกฯ ทักษิณขายหุ้นและเกิดการชุมนุมเรียกร้องต่อต้านให้ท่านอธิบาย ท่านไม่อธิบาย ท่านยุบสภาและก็เหตุการณ์ก็มาตามลำดับ จนศาลบอกว่าการเลือกตั้งไม่ชอบ คือทุกฝ่ายอยากให้มันจบ และก็ไม่มีจังหวะไหนที่มันดีเท่ากับช่วงนี้ที่จะทำให้ทุกอย่างมันจบมีความชัดเจน เพราะว่าเรากำลังเข้าสู่สัปดาห์ที่จะมีพระราชพิธี รัชพิธี ในการเฉลิมฉลองการครองราชย์ 60 ปีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนะครับ กกต. ถ้ายังไม่นำพาอีกผมก็เห็นหลายฝ่ายพยายามที่จะแก้ไขอยู่ วุฒิสภาส่วนหนึ่งก็ไปเข้าชื่อเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติ ผมอยากเรียกร้องนายกฯ ทักษิณครับ ในฐานะหัวหน้าพรรคไทยรักไทย คือพรรคการเมืองเดิมที่อยู่ในสภาขณะนี้ได้พูดชัดเจนแล้วว่า ไม่ยอมรับ กกต. เหลือพรรคไทยรักไทยพรรคเดียว นายกฯ ทักษิณ ถ้าหากว่ามีความมั่นใจว่าการเลือกตั้งนี้เมื่อมีขึ้น จะลงสมัครรับเลือกตั้งแข่งขันได้ ทำไมไม่เรียกร้อง กกต. บ้าง 3 คนนี้ สละตำแหน่งเสีย ทุกอย่างมันก็จะหายอึมครึม ทุกอย่างมันก็จะจบลง และผมก็คิดว่าพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า 4 พรรคการเมืองที่อยู่ในสภานี้ มีความเห็นตรงกันแล้วว่า ขอเปลี่ยน กกต. เถอะ เอาหล่ะผิดถูกนี่เราไม่พูดหล่ะ เพราะว่าถือว่าเป็นเรื่องที่ไปพิสูจน์กันในศาล ไปพูดกันในกระบวนการยุติธรรม แต่ว่านายกฯ ทักษิณในฐานะหัวหน้าพรรคไทยรักไทย จะช่วยปลดล็อคทางการเมืองตรงนี้ไหม เราไม่เคยได้ยินท่านพูดถึงการให้ กกต. เสียสละเลยครับ ถ้าท่านพูดเนี่ยมันก็กลายเป็นทุกพรรคที่เคยอยู่ในสภา แล้วก็ตรงนี้มันจะทำให้บ้านเมืองเดินต่อได้ ถ้าไม่ทำมันก็อดคิดไม่ได้หรอกครับว่าในที่สุดนี้มันก็ต้องเป็นเรื่องของการปกป้องผลประโยชน์ของตน ผลประโยชน์ของพรรค มาก่อนผลประโยชน์ของชาติ และถ้าสภาพของการบริหารบ้านเมือง ประโยชน์ของพวก ประโยชน์ของพรรค ประโยชน์ของตนมาก่อน เราไม่มีทางแก้ปัญหาได้หรอกครับ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสังคม ไม่ว่าจะเป็นปัญหาอื่น ๆ อย่างที่ผมก็พยายามย้ำในขณะนี้ให้เห็นว่าหลายเรื่องในขณะนี้ พอประโยชน์ของกลุ่ม ประโยชน์ของตนมันมาก่อนปัญหามันก็แก้ไม่ได้ เหมือนราคาน้ำมันมันก็ลงไม่ได้เพราะมีการผูกขาดอยู่ ราคารถไฟก็ลงไม่ได้เพราะยังมีความคิดที่อยากจะไปแปรรูปเอาการไฟฟ้าไปให้มีการผูกขาดอยู่ อย่างนี้เป็นต้น เพราะฉะนั้นวันนี้ผมคิดว่าจังหวะนี้เหมาะสมครับ ทุกอย่างก็พุ่งไปที่ กกต. ตรงนี้อยู่แล้ว พรรคไทยรักไทยโดยท่านนายกฯ นี่แหละครับ พูดซักหนหนึ่งเถอะครับว่า กกต. เสียสละเถอะ ทุกอย่างมันจะได้จบ นะครับ และก็ผมว่าอันนี้มันจะทำให้เกิดความชัดเจน และกระบวนการต่าง ๆ มันก็เดินต่อไป ส่วนเรื่องที่ยังค้างอยู่จะเป็นเรื่องที่มีการรับรองวุฒิ จะเป็นการสอบพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กอะไร ก็ชุดใหม่เขาก็มาทำหน้าที่ได้ อันนี้เป็นสิ่งที่ผมมองว่า เป็นประโยชน์ส่วนรวมที่น่าจะมาก่อนสิ่งอื่นใด
ผู้ดำเนินรายการ : เขาก็ว่าการอยู่หรือไปของ กกต. 3 ท่านปัจจุบันก็มีเดิมพันสูงมากเพราะว่าการเมืองวันนี้ต่อสู้กันแหลมคมมาก
คุณอภิสิทธิ์ : มันเป็นเดิมพันของใครล่ะครับ
ผู้ดำเนินรายการ : นั่นสิครับคุณอภิสิทธิ์ครับ
คุณอภิสิทธิ์ : (หัวเราะ) ทั้งสองท่านว่าเป็นเดิมพันของใครล่ะครับ
ผู้ดำเนินรายการ : เขาก็ว่าเป็นเดิมพันของพรรคการเมืองใหญ่
คุณอภิสิทธิ์ : ทำไมล่ะครับ ถ้าเป็นอย่างนั้นมันก็ยิ่งตอกย้ำชัดเจนว่า กกต. ผูกพันกับพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่งไปแล้ว นั่นมันผิดเจตนารมย์รัฐธรรมนูญชัดเจน เพราะฉะนั้นวันนี้เพื่อความมั่นใจทุกฝ่าย ก็เอา กกต.ใหม่เข้ามา พรรคไทยรักไทยเองมั่นใจในความบริสุทธิ์ มั่นใจว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องปกป้อง กกต. ชุดนี้ก็ขอกกต.เสียสละบ้างสิครับ ก็ให้กกต. ชุดใหม่เข้ามาทำงานและไม่มีความได้เปรียบเสียเปรียบอะไร ทุกอย่างก็จะเป็นไปตามกระบวนการ เป็นไปตามปกติ เหมือนอย่างที่ผมพูดมาตลอดเลยว่า เลือกตั้งช้า เลือกตั้งเร็ว 90 วัน ไม่ 90 วัน หรืออย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องหลักครับ เรื่องหลักคือการเลือกตั้งต้องสุจริต ประชาธิปัตย์จะชนะ หรือประชาธิปัตย์จะแพ้นั้น ถ้าการเลือกสุจริตแล้วพรรคประชาธิปัตย์ยอมรับ นี่คือสิ่งที่ผมคิดว่าอยากจะเห็นกระบวนการที่มันขับเคลื่อนไปในทางนี้
ผู้ดำเนินรายการ : คือถึงแม้จะต้องใช้เวลาในการสรรหา กกต. อะไรก็คุ้ม อะไรอย่างนี้ใช่ไม๊คะคุณอภิสิทธิ์
คุณอภิสิทธิ์ : คือเวลานี้ ออกวันนี้มันก็เลือกตั้งตามมติครม.ได้ครับ คือ 15 ตุลาคม ผมมองไม่เห็นอุปสรรคอะไร ผมยังกลัวว่า ถ้ายืดเยื้อไปเนี่ย แล้วในที่สุด สมมตินะครับในที่สุดไปถึงคดีความจากศาลไหนก็แล้วแต่ แล้วบอก กกต. พ้นแต่ว่าแทนที่จะเป็นเดือนนี้แต่ว่าเป็นเดือนหน้าเนี่ย ไม่ยิ่งทำให้มันเสียเวลาไปอีก เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ 3 คนเท่านั้นบวกกับ 1 คือท่านนายกฯ แสดงท่าทีออกมา ผมว่าเรื่องมันจะได้จบ
ผู้ดำเนินรายการ : อ่านเหตุผลของท่านประธานศาลฎีกา ก็รู้สึกว่าท่านมีวิธีบอก กกต. อย่างแยบยล นะครับ ว่า ถ้าหมดความชอบธรรมแล้วเนี่ย มีการอ้างอิงกฎหมายไว้ชัดเจน
คุณอภิสิทธิ์ : ที่จริงบอกมาทั้งแยบยล และไม่แยบยล หลายครั้งแล้วนะครับ ผมอยากเห็นตรงนี้ อีกเรื่องหนึ่งคือในส่วนของเหตุการณ์เรื่องเอกสารหลักฐาน พยาน เกี่ยวกับพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็ก ก็ชี้แจงกันไป ผมคงไม่ลงรายละเอียดตรงนั้น แต่ว่าอยากเรียกร้องสักนิดนึงครับ คือไม่สบายใจเวลาที่รัฐมนตรีกลาโหมใช้ถ้อยคำแล้วเสมือนการข่มขู่ ว่า เกิดอะไรขึ้นผมไม่รับผิดชอบด้วยนะ อะไรทำนองนี้ ก็เป็นคำที่ผมคิดว่ามันทำให้เหมือนกับบ้านเมืองไม่มีกฎหมาย ผมไม่อยากเห็นสภาพอย่างนี้ เพราะว่าถ้าบ้านเมืองอยู่ในสภาพอย่างนี้ เราไปหวังอะไรอีกหลายสิ่งหลายอย่างค่อนข้างยาก เราอยากเห็นความศักดิ์สิทธิ์ ของกฎหมาย เหมือนกับคดีสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นกับทางส.ส.ของพรรคไทยรักไทย ทุกคนก็อยากเห็นความชัดเจนในการดำเนินการเพื่อให้เกิดความมั่นใจ ความรุนแรงนั้นเกิดขึ้นที่ไหนไม่ดีทั้งนั้นแหละครับ เกิดขึ้นกับใครไม่ดีทั้งนั้น เพราะฉะนั้นไม่อยากให้มีการพูดจา ใช้ภาษาและก็ทำให้เกิดความรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ เกิดขึ้นได้ อะไรอย่างนี้
ผู้ดำเนินรายการ : เอาละครับ หลายคนก็บอกว่าน่าเป็นห่วงครับ การเมืองวันนี้บอกว่าเสียวเหลือเกิน เพราะว่าเดิมพันมันสูงนะครับคุณอภิสิทธิ์ครับ พูดกันถึงขนาดยุบพรรคเนี่ย หลายคนบอกว่าการเผชิญหน้ามันจะแรงมาก
คุณอภิสิทธิ์ : คืออย่างนี้ครับ อย่าไปคิดในเชิงเดิมพันว่า พรรคไหนอยู่ไปได้เปรียบเสียเปรียบ คิดถึงประโยชน์ของประเทศนะครับ วันนี้ ของแพง เศรษฐกิจมีปัญหา สังคม ก็ถูกปล่อยปละละเลย นะครับ ตรงนี้มันต้องมีการแก้ แล้วกระบวนการแก้มันแก้ไม่ได้หรอกถ้าไม่เอาผลประโยชน์ของประชาชนมาก่อน ถ้าไม่ให้ความสำคัญของผลประโยชน์ของประชาชนก่อน เพราะฉะนั้นเรื่องวุ่นวายทั้งหลายอย่างที่ผมบอก ผมมองว่าวันนี้รอปลดล็อคโดย 3 ท่านและก็ท่านนายกฯ นี่แหละ ส่งสัญญาณให้ชัดบ้าง ผมว่าฝ่าย ๆ ต่าง ผมคิดว่าชัดแล้ว
ผู้ดำเนินรายการ : พรรคประชาธิปัตย์เองกำลังจะเปิดตัว บุคคลที่จะลงสนามการเมืองเนี่ย มีหน้าใหม่ เลือดใหม่อยู่พอสมควร โดยรวม ๆ แล้วหลักการที่จะกำหนดตัวบุคคลที่จะลงสนาม เราใช้หลักอย่างไรครับคุณอภิสิทธิ์
คุณอภิสิทธิ์ : ครับ มี 3 ส่วน ส่วนแรกเนี่ย ก็คือ ส.ส.เขต นะครับ ซึ่งก็จะมีบุคคลที่เป็นคนใหม่มาจากวงการต่าง ๆ อยู่ ทั้งที่ในกรุงเทพฯ และในต่างจังหวัด อันนี้ก็คงจะพิจารณาจากความเหมาะสมในการที่จะเข้ามาทำหน้าที่เป็น ส.ส. ในพื้นที่นั้น ๆ ในส่วนของบัญชีรายชื่อก็จะมีอีกส่วนหนึ่ง ก็จะมีที่จะเข้ามาจากแวดวงธุรกิจเอกชนบ้าง วิชาการ ภาครัฐอะไรอย่างนี้ ก็จะมีเข้ามา แล้วก็ส่วนที่ 3 ก็คงจะเป็นอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งอาจจะไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งแต่ว่าจะมาเป็นทีมงานคณะทำงานสำหรับที่จะสนับสนุนการทำงานของพรรคต่อไป เพราะฉะนั้นอันนี้ก็เป็น 3 ส่วน 2 ส่วนแรกแน่นอนต้องเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ก่อนวันที่ 8 มิถุนายนใช่ไม๊ครับ ถ้าการรับสมัครเป็นไปตามกำหนดที่เขาวางเอาไว้ ก็ช่วงนี้ก็มีสมาชิกใหม่ ๆ ที่เข้ามา ผมไม่ได้ไปเจาะจงดูแต่เรื่องของ ส.ส. ย้ายพรรคไม่ย้ายพรรคนะ ผมสนใจเรื่องของบุคลากรที่จะเข้ามาทำการเมือง ที่จะมาช่วยเสริมให้การเมืองดีขึ้น เพราะว่าผมก็เชื่ออยู่เสมอว่าการเมืองมันต้องมีคนใหม่ ๆ เข้ามา เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ผู้ดำเนินรายการ : ช่วงนี้คนไปพรรคประชาธิปัตย์เยอะขึ้นไม๊คะคุณอภิสิทธิ์ คนเข้ามาขอช่วยงานเยอะไม๊
คุณอภิสิทธิ์ : ก็มีครับ หลาย ๆ ส่วนด้วยกัน แต่ว่าความสนใจก็ต่างระดับกันไป เช่นอยากจะมาช่วยงานด้านนโยบาย อยากจะมาช่วยงานด้านการให้ความคิดนี่ก็เยอะ แต่ว่าอีกส่วนหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะว่าอยากลงสมัครรับเลือกตั้ง อีกส่วนหนึ่งก็บอกว่าอยากช่วยพรรคทำงานในด้านนั้นด้านนี้ ก็จะมีหลากหลายอยู่พอสมควร
ผู้ดำเนินรายการ : ถ้าตัวเลขคนเดินทางมาพรรคนี่ก็หมายถึง อุณหภูมิการเมืองด้วยเหมือนกันใช่ไม๊คะ เขาดูว่าแหมอาการพรรคประชาธิปัตย์ดีขึ้นเยอะแล้ว อะไรประมาณนี้ ตัวคุณอภิสิทธิ์คิดอย่างไรคะ
คุณอภิสิทธิ์ : ผมคิดว่าประชาชนก็ยังอยากจะเห็นทางเลือกนะครับ และผมก็พูดมาตลอดว่าสำหรับผมเนี่ย ประชาชนต้องมีทางเลือก ผมไม่อยากให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองเดียวในประเทศไทย ผมอยากให้มีหลายพรรค 2 พรรค 3 พรรคเป็นอย่างน้อย ซึ่งดังนั้นผมคิดว่าประชาชนเองก็อยากจะมีทางเลือก ถามผมว่าเป็นอย่างไร ผมก็คิดว่าประชาชนจำนวนไม่น้อยมองเห็นครับว่า มันถึงเวลาที่นักการเมือง พรรคการเมือง รัฐบาล ก็ต้องให้ความสำคัญกับประชาชนก่อน ต้องเอาผลประโยชน์อื่น ๆ วางทิ้งเอาไว้ ถามว่าจะหลั่งไหลเข้ามาชัดเจนแค่ไหน ผมคิดว่าหลายคนอยากจะฟังทางเลือกต่าง ๆ สิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่าอยากจะมีโอกาสก็คือทำอย่างไร ให้ทุกคนทุกพรรคมีโอกาสได้พูดว่า การให้ความสำคัญกับประชาชนนั้นจะทำอย่างไร ในสภาพปัญหาต่าง ๆ ที่ประชาชนและประเทศชาติเผชิญอยู่ ซึ่งอันนี้ก็ต้องบอกว่าพื้นที่ตรงนี้ค่อนข้างจำกัด ในเรื่องของสื่อสารมวลชน เพราะว่าเราให้เวลา ส่วนใหญ่เวลานักการเมืองไปออกตอนนี้ก็เป็นเรื่องการเมือง มากกว่าที่จะเปิดโอกาสให้นักการเมืองทุกฝ่าย ได้พูดว่าอะไรจะทำอะไรให้กับประชาชน
ผู้ดำเนินรายการ : ค่ะ อย่างเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ก็เห็นบอกว่าจำหน่ายบัตรหมดเลย แต่ว่าคนไม่กล้าไป
คุณอภิสิทธิ์ : ปัญหานี้ยังมีอยู่นะครับ ปัญหานี้ยังมีอยู่เพราะว่า ในหลายแวดวงก็ยังกังวลกับอำนาจรัฐซึ่งถูกใช้ไปกับผลประโยชน์ของพรรค ผลประโยชน์ทางการเมือง และก็มันไปกระทบกระเทือนต่อการประกอบอาชีพของเขา แต่ว่าวันนั้นผมก็พูดชัดเจนนะครับ ว่าสิ่งที่เรามองขณะนี้ก็คือปัญหาที่เป็นพื้นฐานต่าง ๆ และผมก็ยืนยันเลยว่า น้ำมันลดได้ทันที ค่าไฟลดได้ทันที ไม่ได้มีอะไรยากเลย เพียงแต่ว่ารัฐบาลเปลี่ยนวิธีการบริหารจัดการน้ำมัน กับเรื่องของการไปประกันผลตอบแทนการลงทุน ลดได้เลยครับ ค่าไฟ ลดได้เลยครับราคาน้ำมัน แทนที่จะต้องไปมีมาตรการอะไรที่สลับซับซ้อนแล้ว ไม่ทั่วถึง ตรงนี้ 2 ส่วนทำได้เลย
ผู้ดำเนินรายการ : เอาล่ะค่ะ วันนี้ต้องขอบคุณมากเลยนะคะ คุณอภิสิทธิ์ สวัสดีค่ะ / ครับ
คุณอภิสิทธิ์ : สวัสดีครับ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 2 มิ.ย. 2549--จบ--