วันนี้(28 พ.ค. 49) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงพฤติกรรมของคณะกรรมการการเลือกตั้งซึ่งขณะนี้ทุกฝ่ายเป็นห่วงว่าสถานการณ์บ้านเมืองจะมีผลกระทบไปเป็นปัญหาด้านเศรษฐกิจ จนถึงทุกวันนี้พฤติกรรมของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังคงเรียกได้ว่า ยังดื้อดึงและยังเพิ่มพฤติกรรมที่เป็นปฏิปักษ์ต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม และเป็นปฏิปักษ์ต่อความสงบเรียบร้อยของประเทศชาติ
จากเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นหน้าคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่มีผู้ไม่ประสงค์ดีเข้าไปทำลาย รื้อถอนเต้นท์ของผู้ที่เห็นไม่ตรงกับกกต.ซึ่งเป็นฝ่ายของนักศึกษานั้น แทนที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองหรือคณะกรรมการการเลือกตั้งจะช่วยบรรเทาเหตุการณ์อันจะก่อให้เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรง หรือสิ่งที่จะก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่กกต.ควรอย่างยิ่งที่จะต้องยับยั้งไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นในสถานที่ที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของกกต. แต่ดูเหมือนว่ากกต.มีท่าทีคล้ายกับให้การสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งพฤติกรรมอย่างนี้ไม่ควรที่จะเกิดขึ้นกับคณะกรรมการการเลือกตั้งชุดนี้
ที่สำคัญที่สุดพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายสาธิตขอเรียกร้องให้กกต.ดำเนินการทุกอย่างตามกระแสคำแนะนำของศาล เพราะว่าศาลมีเป้าประสงค์อย่างชัดเจนที่ต้องการให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อยและให้วิกฤตการเมืองเกิดการนับหนึ่ง เพื่อเดินไปสู่การเลือกตั้งที่สำคัญที่สุด แต่วันนี้ดูเหมือนว่ามี 3 ฝ่าย รวมทั้งกกต. และโดยเฉพาะรักษาการประธานวุฒิสภาที่ได้ร่วมกันดึงดันที่จะสร้าง 2 มาตรฐานในการที่จะเสนอให้ศาลฎีกาสรรหาคณะกรรมการการเลือกตั้ง 2 ตำแหน่งที่ว่างลง เพื่อสร้างเงื่อนไขในการที่จะไม่ให้มีการนับหนึ่งของการเลือกตั้งเกิดขึ้นได้ ทั้ง ๆ ที่ศาลได้ออกมาให้คำแนะนำอย่างชัดเจนแล้วว่าขอเรียกร้องให้กกต.ทั้ง 3 นั้นลาออก เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งที่ทุกฝ่ายมีการยอมรับ ดังนั้นการเลือกตั้งใหม่จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อกกต.ทั้ง 3 คนได้ลาออกไปแล้ว
ส่วนกรณีผลสรุปการสอบสวนของคณะอนุกรรมการซึ่งมีความชัดเจนมาหลายสัปดาห์แล้วในกรณีพรรคประชาธิปัตย์ร้องเรียนเรื่องการจ้างพรรคเล็กให้ลงเลือกตั้งนั้น โดยทางพรรคไทยรักไทยเองออกมาเสนอว่าคล้าย ๆ กับว่าทางอนุกรรมการไม่ได้เรียกผู้ที่ถูกกล่าวหามาชี้แจง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่าในขั้นตอนระเบียบจริง ๆ ในชั้นอนุกรรมการเป็นเพียงการสอบสวนหาข้อเท็จจริงและสรุปหลักฐานที่มีอยู่ยื่นให้กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้งสรุปว่าคดีมีมูลหรือข้อกล่าวหามีมูลแล้ว จึงเป็นสิทธิ์อันชอบธรรม และเป็นระเบียบกฎหมายที่ชัดเจนว่ากกต.ทั้ง 3 ท่านชอบที่จะเรียกผู้ที่ถูกกล่าวหามาให้ปากคำ
ส่วนในชั้นคณะอนุกรรมการจะเรียกมาหรือไม่นั้น ไม่มีความจำเป็น เพราะมีข้อกฎหมายและมีระเบียบที่ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นในเรื่องนี้จึงขอเรียกร้องไปยังกกต.ทั้ง 3 คนว่าให้รับเรื่องสรุปจากคณะอนุกรรมการและปฏิบัติตามกฎหมาย โดยขั้นตอนต่อไปจะเรียกผู้ใดมาสอบเพิ่มเติมหรือไม่อย่างไรก็ขอให้ดำเนินการโดยด่วน เพื่อให้เกิดข้อสรุปในข้อกล่าวหาที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ยื่นดำเนินการไป อีกทั้งข้อสรุปนี้ก็จะได้นำไปสู่การเลือกตั้งและนับการนับหนึ่งทางการเมืองได้ นายสาธิตกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 29 พ.ค. 2549--จบ--
จากเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นหน้าคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่มีผู้ไม่ประสงค์ดีเข้าไปทำลาย รื้อถอนเต้นท์ของผู้ที่เห็นไม่ตรงกับกกต.ซึ่งเป็นฝ่ายของนักศึกษานั้น แทนที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองหรือคณะกรรมการการเลือกตั้งจะช่วยบรรเทาเหตุการณ์อันจะก่อให้เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรง หรือสิ่งที่จะก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่กกต.ควรอย่างยิ่งที่จะต้องยับยั้งไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นในสถานที่ที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของกกต. แต่ดูเหมือนว่ากกต.มีท่าทีคล้ายกับให้การสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งพฤติกรรมอย่างนี้ไม่ควรที่จะเกิดขึ้นกับคณะกรรมการการเลือกตั้งชุดนี้
ที่สำคัญที่สุดพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายสาธิตขอเรียกร้องให้กกต.ดำเนินการทุกอย่างตามกระแสคำแนะนำของศาล เพราะว่าศาลมีเป้าประสงค์อย่างชัดเจนที่ต้องการให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อยและให้วิกฤตการเมืองเกิดการนับหนึ่ง เพื่อเดินไปสู่การเลือกตั้งที่สำคัญที่สุด แต่วันนี้ดูเหมือนว่ามี 3 ฝ่าย รวมทั้งกกต. และโดยเฉพาะรักษาการประธานวุฒิสภาที่ได้ร่วมกันดึงดันที่จะสร้าง 2 มาตรฐานในการที่จะเสนอให้ศาลฎีกาสรรหาคณะกรรมการการเลือกตั้ง 2 ตำแหน่งที่ว่างลง เพื่อสร้างเงื่อนไขในการที่จะไม่ให้มีการนับหนึ่งของการเลือกตั้งเกิดขึ้นได้ ทั้ง ๆ ที่ศาลได้ออกมาให้คำแนะนำอย่างชัดเจนแล้วว่าขอเรียกร้องให้กกต.ทั้ง 3 นั้นลาออก เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งที่ทุกฝ่ายมีการยอมรับ ดังนั้นการเลือกตั้งใหม่จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อกกต.ทั้ง 3 คนได้ลาออกไปแล้ว
ส่วนกรณีผลสรุปการสอบสวนของคณะอนุกรรมการซึ่งมีความชัดเจนมาหลายสัปดาห์แล้วในกรณีพรรคประชาธิปัตย์ร้องเรียนเรื่องการจ้างพรรคเล็กให้ลงเลือกตั้งนั้น โดยทางพรรคไทยรักไทยเองออกมาเสนอว่าคล้าย ๆ กับว่าทางอนุกรรมการไม่ได้เรียกผู้ที่ถูกกล่าวหามาชี้แจง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่าในขั้นตอนระเบียบจริง ๆ ในชั้นอนุกรรมการเป็นเพียงการสอบสวนหาข้อเท็จจริงและสรุปหลักฐานที่มีอยู่ยื่นให้กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้งสรุปว่าคดีมีมูลหรือข้อกล่าวหามีมูลแล้ว จึงเป็นสิทธิ์อันชอบธรรม และเป็นระเบียบกฎหมายที่ชัดเจนว่ากกต.ทั้ง 3 ท่านชอบที่จะเรียกผู้ที่ถูกกล่าวหามาให้ปากคำ
ส่วนในชั้นคณะอนุกรรมการจะเรียกมาหรือไม่นั้น ไม่มีความจำเป็น เพราะมีข้อกฎหมายและมีระเบียบที่ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นในเรื่องนี้จึงขอเรียกร้องไปยังกกต.ทั้ง 3 คนว่าให้รับเรื่องสรุปจากคณะอนุกรรมการและปฏิบัติตามกฎหมาย โดยขั้นตอนต่อไปจะเรียกผู้ใดมาสอบเพิ่มเติมหรือไม่อย่างไรก็ขอให้ดำเนินการโดยด่วน เพื่อให้เกิดข้อสรุปในข้อกล่าวหาที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ยื่นดำเนินการไป อีกทั้งข้อสรุปนี้ก็จะได้นำไปสู่การเลือกตั้งและนับการนับหนึ่งทางการเมืองได้ นายสาธิตกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 29 พ.ค. 2549--จบ--