นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะประธานคณะทำงานตรวจสอบทุจริตแถลงวันนี้ที่พรรคประชาธิปัตย์ว่า จากการตรวจสอบการทุจริตโครงการจัดซื้อรถดับเพลิงและอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยของกทม.งบประมาณ 6.7 พันล้านบาทตามข้อตกลงซื้อขาย(เอโอยู)แบบG2G ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลออสเตรียล่าสุดพบว่ามีข้อผูกพันด้านการเงินที่คณะรัฐมนตรี(ทักษิณ 1)อนุมัติผูกพันไว้ซึ่งอาจเกิดความเสียหายต่อประเทศไทยเพราะรัฐบาลได้อนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณในโครงการดังกล่าวตามมติครม.วันที่ 22 มิ.ย.และ 24 ส.ค. 2547 โดยต้องจ่ายเงินให้บริษัทสไตเออร์ฯ จากงบประมาณปี 2549 จำนวน 506 ล้านบาทและงบประมาณปี 2550 จำนวน 991 ล้านบาท ดังนั้นจึงขอเรียกร้องข้อที่ 1 ขอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้นำเรื่องขอระงับการจ่ายเงินเข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์นี้ ประการที่ 2 ขอให้มีมติยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 22 มิ.ย. 2547 และ 24 สิงหาคม 2547 รวมทั้งข้อตกลงความเข้าใจ(เอโอยู.)ฉบับวันที่ 30 กรกฏาคม 2547 ซึ่งเป็นข้อตกลงซื้อขายแบบจีทูจี.ระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาล เพื่อให้กทม.สามารถพิจารณายกเลิกแอล.ซี.และสัญญาซื้อขายที่ฉ้อฉลและไม่เป็นธรรมซึ่งลงนามเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2547 โดยนายสมัคร สุนทรเวช รักษาการผู้ว่ากทม.และบริษัท
สไตเออร์ฯ.
“เมื่อรัฐบาลผูกปมปัญหาไว้ก็ต้องรีบแก้ปมก่อนที่ประเทศไทยจะเสียหายมากกว่านี้ นอกจากนี้ประการที่ 3 ขอให้คณะรัฐบาลเปิดการสอบสวนกรณีกรมการค้าต่างประเทศทำสัญญาการค้าต่างตอบแทนกับบริษัทสไตเออร์ฯ.และข้อตกลงระหว่างบริษัทสไตเออร์ฯ.กับบริษัทในเครือซีพี.ว่าเป็นสัญญาที่เป็นนิติกรรมอำพรางและส่อทุจริตตามที่ดีเอสไอ.ระบุใช่หรือ”
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังได้นำภาพรถดับเพลิงชนิดต่างๆที่บริษัทผู้ประกอบการในประเทศไทยผลิตเสนอขายกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นกระทรวงมหาดไทยเปรียบเทียบกับรถดับเพลิงฯ.ของบริษัทสไตเออร์ฯ.พบว่ามีราคาแตกต่างกันอย่างมากเช่น รถดับเพลิงบรรทุกน้ำ 10,000 ลิตรผลิตในไทยคันละ 5 ล้านบาทแต่บริษัทสไตเออร์ฯ.ขาย 20 ล้านบาท รถดับเพลิงขนาดเล็ก 2,000 ลิตร บริษัทสไตเออร์ฯ.ขาย 18.4 ล้านบาท แต่ของไทยขนาด 3,000 ลิตรราคาเพียงคันละ 3.5 ล้านบาท รถกู้ภัยขนาดกลางของไทยคันละ 6.5 ล้านบาท ของสไตเออร์คันละ 26.9 ล้านบาท พิรุธทุจริตคือ รัฐบาลและกทม.ยุคคุณสมัครไม่ได้กำหนดราคากลางของรถดับเพลิงฯ.ทำให้มีการกำหนดราคาตามใจผู้ขายซึ่งเป็นราคาโคตรแพงเอาเปรียบประเทศไทยอย่างโจ๋งครึ่ม
“การตรวจสอบเรื่องนี้จะต้องตรงไปตรงมาไม่มีการปกป้องใครไม่ว่าจะมีคนของพรรคเกี่ยวข้องหรือไม่ ท่านผู้ว่าอภิรักษ์เข้ามาภายหลังพยายามยื้อไม่ยอมเปิดแอลซี.แต่ก็ทานอำนาจรัฐมนตรีไม่ไหว ถ้าจะผิดเพราะบกพร่องก็เป็นเรื่องที่ปปช.จะวินิจฉัย ส่วนกลุ่มนักการเมือง ข้าราชการและพ่อค้าทั้งคนไทยและต่างด้าวที่ร่วมกันทุจริตจะต้องเอาตัวมาลงโทษตามผลกรรมที่ก่อไว้ไม่ควรนำมาสาดโคลนเพื่อความได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้ง ส.ก.และ ส.ข.จะทำให้การตรวจสอบถูกบิดเบือนเป็นเรื่องการเมืองน้ำเน่า ผมต้องการนำเสนอข้อเท็จจริงให้ประชาชนได้รู้ทั้งหมดเพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องและต้องการระงับความเสียหายที่ประเทศชาติได้รับมิให้เสียหายมากขึ้น คุณศิธาไม่ควรเบี่ยงเบนประเด็นหรือมุ่งแต่ผลประโยชน์ทางการเมืองมากไป ประชาชนจะสับสนและเบื่อหน่ายซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการปราบคอร์รัปชั่น” นายอลงกรณ์กล่าว
เอกสารประกอบ
มติครม1 มติครม2 รูปรถดับเพลิง1 รูปรถดับเพลิง2 รูปรถดับเพลิง3 รูปรถดับเพลิง4 ตารางรถดับเพลิงฉบับแก้ไข
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 11 ก.ค. 2549--จบ--
สไตเออร์ฯ.
“เมื่อรัฐบาลผูกปมปัญหาไว้ก็ต้องรีบแก้ปมก่อนที่ประเทศไทยจะเสียหายมากกว่านี้ นอกจากนี้ประการที่ 3 ขอให้คณะรัฐบาลเปิดการสอบสวนกรณีกรมการค้าต่างประเทศทำสัญญาการค้าต่างตอบแทนกับบริษัทสไตเออร์ฯ.และข้อตกลงระหว่างบริษัทสไตเออร์ฯ.กับบริษัทในเครือซีพี.ว่าเป็นสัญญาที่เป็นนิติกรรมอำพรางและส่อทุจริตตามที่ดีเอสไอ.ระบุใช่หรือ”
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังได้นำภาพรถดับเพลิงชนิดต่างๆที่บริษัทผู้ประกอบการในประเทศไทยผลิตเสนอขายกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นกระทรวงมหาดไทยเปรียบเทียบกับรถดับเพลิงฯ.ของบริษัทสไตเออร์ฯ.พบว่ามีราคาแตกต่างกันอย่างมากเช่น รถดับเพลิงบรรทุกน้ำ 10,000 ลิตรผลิตในไทยคันละ 5 ล้านบาทแต่บริษัทสไตเออร์ฯ.ขาย 20 ล้านบาท รถดับเพลิงขนาดเล็ก 2,000 ลิตร บริษัทสไตเออร์ฯ.ขาย 18.4 ล้านบาท แต่ของไทยขนาด 3,000 ลิตรราคาเพียงคันละ 3.5 ล้านบาท รถกู้ภัยขนาดกลางของไทยคันละ 6.5 ล้านบาท ของสไตเออร์คันละ 26.9 ล้านบาท พิรุธทุจริตคือ รัฐบาลและกทม.ยุคคุณสมัครไม่ได้กำหนดราคากลางของรถดับเพลิงฯ.ทำให้มีการกำหนดราคาตามใจผู้ขายซึ่งเป็นราคาโคตรแพงเอาเปรียบประเทศไทยอย่างโจ๋งครึ่ม
“การตรวจสอบเรื่องนี้จะต้องตรงไปตรงมาไม่มีการปกป้องใครไม่ว่าจะมีคนของพรรคเกี่ยวข้องหรือไม่ ท่านผู้ว่าอภิรักษ์เข้ามาภายหลังพยายามยื้อไม่ยอมเปิดแอลซี.แต่ก็ทานอำนาจรัฐมนตรีไม่ไหว ถ้าจะผิดเพราะบกพร่องก็เป็นเรื่องที่ปปช.จะวินิจฉัย ส่วนกลุ่มนักการเมือง ข้าราชการและพ่อค้าทั้งคนไทยและต่างด้าวที่ร่วมกันทุจริตจะต้องเอาตัวมาลงโทษตามผลกรรมที่ก่อไว้ไม่ควรนำมาสาดโคลนเพื่อความได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้ง ส.ก.และ ส.ข.จะทำให้การตรวจสอบถูกบิดเบือนเป็นเรื่องการเมืองน้ำเน่า ผมต้องการนำเสนอข้อเท็จจริงให้ประชาชนได้รู้ทั้งหมดเพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องและต้องการระงับความเสียหายที่ประเทศชาติได้รับมิให้เสียหายมากขึ้น คุณศิธาไม่ควรเบี่ยงเบนประเด็นหรือมุ่งแต่ผลประโยชน์ทางการเมืองมากไป ประชาชนจะสับสนและเบื่อหน่ายซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการปราบคอร์รัปชั่น” นายอลงกรณ์กล่าว
เอกสารประกอบ
มติครม1 มติครม2 รูปรถดับเพลิง1 รูปรถดับเพลิง2 รูปรถดับเพลิง3 รูปรถดับเพลิง4 ตารางรถดับเพลิงฉบับแก้ไข
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 11 ก.ค. 2549--จบ--