ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. กองทุนฟื้นฟูฯ สามารถขายสินทรัพย์ของสถาบันการเงิน 56 แห่งไปแล้ว 41 แห่ง ผอส.ฝ่าย
บริหารกองทุน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการบริหารทรัพย์สินของสถาบันการ
เงิน 56 แห่ง ที่ถูกปิดกิจการไปช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ 2540 ว่า ขณะนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการ
เงินสามารถขายสินทรัพย์ในส่วนนี้ได้แล้ว 41 แห่ง และเหลือเพียง 15 แห่งที่จะต้องดำเนินการขายออกต่อไปให้
หมดภายในสิ้นปี 48 ส่วนทรัพย์สินของ 21 สถาบันการเงินที่ปิดหลังวิกฤตเศรษฐกิจการเงินนั้น กองทุนจะพยายาม
ขายออกให้หมดภายในเป้าหมายเดิม คือ ปี 2550 ทั้งนี้ อาจจะต้องใช้เวลานานเพราะกระบวนการส่วนใหญ่อยู่ที่
ศาล ทั้งนี้ นางสว่างจิตต์ จัยวัฒน์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท.กล่าวก่อนหน้านี้ว่ารายได้จากการขายทรัพย์สินของ 56
สถาบันการเงิน ถือว่าเป็นรายได้รองลงมาจากการขายหุ้นและเงินปันผลจากสถาบันการเงินที่กองทุนฟื้นฟูฯ เป็นผู้ถือ
หุ้นใหญ่ ซึ่งจากการขายสินทรัพย์ในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัว ทำให้กองทุนฯ มีรายได้เพิ่มสุทธิ 5 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้
ประมาณความเสียหายเดิมจาก 1.4 ล้านล้านบาทลดลง โดยรายได้หลักมาจากการขายหุ้นที่ถืออยู่ในธนาคารรัฐ
(โพสต์ทูเดย์, ผู้จัดการรายวัน)
2. แนวโน้มเอฟดีไอของไทยในช่วง 1-2 ปีนี้อยู่ในเกณฑ์ดีเนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนทั้งภายในและนอก
ประเทศ รายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้ศึกษาเรื่องบทบาทของเงินลงทุนโดย
ตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) ต่อเศรษฐกิจไทย ซึ่งจากการศึกษามองว่า แนวโน้มการลงทุนโดยตรงจากต่าง
ประเทศในช่วง 1-2 ปีนี้อยู่ในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะ
กรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ และผลิตภัณฑ์ทางการ
เกษตร เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนทั้งภายในประเทศ และนอกประเทศ ทั้งนี้ประเทศไทยยังมีโครงสร้างเศรษฐกิจ
มหภาคที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะการส่งออกและการลงทุน คุณภาพของแรงงาน อัตราการใช้กำลังการผลิตปรับตัวสูง
ขึ้น (เดลินิวส์)
3. การปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลทำให้การขยายตัวของจีดีพีภาคเกษตรชะลอตัวลงร้อยละ 0.25 สำนัก
งานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ได้วิเคราะห์ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อภาคการเกษตรหลังการปรับขึ้นราคาน้ำมัน
ดีเซล 3 บาทพบว่า จะทำให้การขยายตัวของผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ภาคเกษตรชะลอตัวลงร้อยละ 0.25
โดยสาขาประมงชะลอตัวมากที่สุดร้อยละ 0.73 มูลค่าสินค้าเกษตรในราคาปัจจุบันจะลดลงประมาณ 14,400 ล้าน
บาท เนื่องจากปัจจุบันมีการใช้น้ำมันของภาคเกษตร 4,000 ล้านลิตรต่อปี มูลค่า 58,000 ล้านบาท คิดเป็นร้อย
ละ 14.23 ของการใช้น้ำมันทั้งประเทศ โดยสาขาประมงใช้น้ำมันมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 73.8 ของน้ำมันทั้งหมด
ในภาคเกษตร ทั้งนี้ เมื่อคิดเป็นต้นทุนการผลิตน้ำมันมีสัดส่วนร้อยละ 14.4 ของต้นทุนการผลิตรวม และพบว่าสาขา
ประมงทะเลจะได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยมีต้นทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.81 สาขาปศุสัตว์ได้รับผลกระทบน้อยสุด ส่วน
ผลกระทบด้านราคาพบว่า ราคาสินค้าทุกชนิดจะปรับขึ้น แต่การเพิ่มขึ้นจะขึ้นอยู่ชนิดของสินค้าว่ามีความจำเป็นมาก
น้อยเพียงใด โดยราคาสินค้าประมงทะเลปรับขึ้นมากที่สุดร้อยละ 5.34 (ไทยรัฐ)
4. ก.คลังมั่นใจปี 48 สามารถเก็บภาษีได้สูงกว่าประมาณการ 5 หมื่นล้านบาท รองผู้อำนวยการ
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษก ก.คลัง เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในปีนี้มั่นใจว่าจะ
สามารถจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณ 50,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน เนื่องจากสามารถเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้มากขึ้น
ตามการปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซล ทั้งนี้ การจัดทำงบประมาณในแต่ละปีจะอยู่บนพื้นฐานของเศรษฐกิจและการจัดเก็บ
รายได้ของรัฐบาลในปีก่อน อย่างไรก็ตาม การจัดทำงบประมาณปี 49 รัฐบาลจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากสถาบันการเงิน
ต่าง ๆ ส่วนการตั้งประมาณการรายได้ของกรมสรรพสามิต โดยเฉพาะภาษีรถยนต์ก็จะอยู่บนพื้นฐานที่นำการปรับ
โครงสร้างภาษีรถยนต์เข้ามารวมแล้ว (ผู้จัดการรายวัน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. จำนวนคนว่างงานของเยอรมนีในเดือน มี.ค.48 ลดลงเพียง 20,000 คนจากเดือนก่อน
รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 27 มี.ค.48 จากการคำนวณเบื้องต้นโดยกรมแรงงานของเยอรมนีจำนวนคนว่างงานใน
เยอรมนีในเดือน มี.ค. 48 ลดลงเพียง 20,000 คนมีจำนวนต่ำกว่า 5.2 ล้านคนเล็กน้อยจากจำนวน 5.216
ล้านคนในเดือน ก.พ.48 ลดลงน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาซึ่งลดลงประมาณ
100,000 คนในเดือน มี.ค.จากเดือนก่อนเมื่อกิจกรรมภาคการก่อสร้างและภาคการเกษตรเริ่มคึกคักเมื่อเข้าสู่ฤดู
ใบไม้ผลิที่อากาศเริ่มอบอุ่นขึ้น โดยสาเหตุที่ทำให้จำนวนคนว่างงานในเดือน มี.ค.ของปีนี้ลดลงน้อยกว่าปีก่อน ๆ
คาดว่ามาจากสภาพอากาศที่ยังคงหนาวเย็นผิดปรกติเมื่อล่วงเลยเข้ามาในเดือน มี.ค. และจากการที่มีคนมาลง
ทะเบียนเป็นคนว่างงานเพิ่มขึ้นตามข้อบังคับใหม่ซึ่งเริ่มมีผลตั้งแต่ต้นปีนี้ที่กำหนดให้ผู้รับสวัสดิการว่างงานที่ยังสามารถ
ทำงานได้ทุกคนต้องลงทะเบียนเป็นคนว่างงานที่ สนง.แรงงาน กรมแรงงานของเยอรมนีมีกำหนดจะประกาศตัวเลข
คนว่างงานในเดือน มี.ค.48 อย่างเป็นทางการในวันที่ 31 มี.ค.48 นี้ (รอยเตอร์)
2. เดือน มี.ค.48 ราคาบ้านในอังกฤษและเวลส์ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน รายงาน
จากลอนดอนเมื่อ 28 มี.ค.48 บริษัทวิจัย Hometrack เปิดเผยว่า ราคาบ้านในอังกฤษและเวลส์ในเดือน มี.
ค.48 ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน โดยดัชนีชี้วัดราคาบ้านโดยเฉลี่ยลดลงร้อยละ 0.1 ส่งผลให้ราคาบ้าน
เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 162,300 ปอนด์ ลดลงจาก 162,500 ปอนด์ในเดือนก่อนหน้า และลดลงจากระดับสูงสุด
167,700 ปอนด์ในเดือน มิ.ย.47 ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า การปรับตัวลงของราคาบ้านในเดือน มี.ค.นี้ เป็น
อีกปัจจัยที่ช่วยสะท้อนความมีเสถียรภาพของตลาดบ้าน และแสดงให้เห็นว่าราคาบ้านที่อยู่ในภาวะฝืดตัวมาเป็นเวลา
กว่า 9 เดือนอาจจะสิ้นสุดลงแล้ว และเชื่อมั่นว่าราคาบ้านจะเริ่มเพิ่มสูงขึ้นใน 2-3 เดือนข้างหน้านี้ โดยจำนวนผู้
ซื้อบ้านที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับจำนวนบ้านที่มีการตกลงซื้อขายแล้วที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.5 ล้วนบ่งชี้ว่าตลาดบ้านจะเข้าสู่
ภาวะแข็งแกร่งในระยะอันใกล้นี้ ทั้งนี้ Hometrack ได้ปรับประมาณการราคาบ้านในปี 48 เป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ
3.0 จากประมาณการเดิมว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากปีก่อน (รอยเตอร์)
3. จีนจะหยุดให้การอุดหนุนวิสาหกิจของรัฐบาลที่ล้มละลาย รายงานจากปักกิ่งเมื่อวันที่ 27 มี.ค.
48 สำนักข่าว Xinhua ของจีนรายงานว่า ทางการจีนเปิดเผยว่า จีนจะหยุดให้การสนับสนุนวิสาหกิจล้มละลายของ
รัฐบาลภายใน 4 ปีแม้ว่าจะกระทบต่อการจ้างงานก็ตาม เนื่องจากการที่รัฐให้การช่วยเหลือธุรกิจดังกล่าวในรูปสิน
เชื่อกลับเป็นการเพิ่มภาระหนี้เสียจำนวนมากซึ่งคาดว่ามากกว่า 200 พันล.ดอลลาร์ สรอ.ให้แก่ระบบธนาคาร ทั้งนี้
ภายใน 4 ปีวิสาหกิจของรัฐบาลจะต้องปฎิบัติตามกฎระเบียบเช่นเดียวกับของกิจการของเอกชนและของต่าง
ประเทศ โดย 5 มณฑลของจีนอันได้แก่ Beijing Shanghai Jiangsu Zhejiang และ Fujian รัฐบาลได้หยุดการให้การอุดหนุนธุรกิจที่ล้มละลายดังกล่าวแล้ว ส่วนนักวิเคราะห์เห็นว่ารัฐบาลยังคงจะมีการให้การอุดหนุนดัง
กล่าวอยู่บ้างจนกว่าระบบประกันสังคมของจีนจะก่อตั้งขึ้นอย่างสมบูรณ์เพื่อที่คนงานที่ถูกเลิกจ้างจะได้รับการประกัน
การว่างงาน ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลจีนมิได้ให้การช่วยเหลือทางการเงินแก่คนงานที่ถูกเลิกจ้างงานจากวิสาหกิจของรัฐที่
ล้มละลาย ทั้งนี้มีวิสาหกิจถึง 3,377 แห่งซึ่งมีคนงาน 6.2 ล้านคนได้ล้มละลายแล้ว และยังคงมีมากกว่า 1,800
แห่งที่จะล้มละลายในช่วง 2 — 3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลคาดว่าการว่างงานจะสูงถึงร้อยละ 4.6 ในปีนี้จากร้อยละ
4.2 เมื่อสิ้นปี 47 (รอยเตอร์)
4. บริษัทเกาหลีใต้คาดว่าจะรับพนักงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.4 ในปี 48 รายงานจากกรุงปักกิ่ง
ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 27 มี.ค.48 สหภาพแรงงานลูกจ้างของเกาหลีใต้กล่าวว่า จากผลการสำรวจความ
คิดเห็นบริษัท 1,480 แห่ง โดยแต่ละแห่งมีพนักงานมากกว่า 100 คน ระหว่างเดือน ก.พ. — กลาง มี.ค. คาด
ว่าในปีนี้บริษัทของเกาหลีใต้จะรับพนักงานเพิ่มขึ้นมากกว่าปีก่อนร้อยละ 8.4 ซึ่งเป็นผลมาจากการที่มีสัญญาณการฟื้น
ตัวของการบริโภคภายในประเทศและการลงทุนที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่มีแผนงานที่จะรับพนักงาน
เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.4 ในปีนี้ มากกว่าปี 47 ที่มีการลดการจ้างพนักงานใหม่ร้อยละ 29 ส่วนกลุ่มผู้ผลิตจะจ้างงาน
เพิ่มร้อยละ 3.7 เทียบกับที่มีการปรับลดร้อยละ 33 ในปี 47 ในขณะที่คนว่างงานคาดว่าจะได้รับการบรรจุเข้าทำ
งานร้อยละ 71.6 ในตำแหน่งงานใหม่ ซึ่งมากกว่าร้อยละ 80 ของตำแหน่งงานใหม่จะเป็นการทำงานเต็ม
เวลา ทั้งนี้ ผลสำรวจดังกล่าวข้างต้นเปิดเผยหลังจากมีข้อมูลทางเศรษฐกิจชี้ให้เห็นว่ามีการฟื้นตัวในภาคธุรกิจและ
ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค อนึ่ง เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา รมว.คลังของเกาหลีใต้กล่าวว่า เศรษฐกิจของเกาหลีใต้จะ
ฟื้นตัวเร็วขึ้น เนื่องจากการบริโภคของภาคเอกชนขยายตัว และการใช้จ่ายจะช่วยผลักดันให้การแก้ไขปัญหาหนี้สินผู้มี
รายได้ต่ำของรัฐบาลประสบผลสำเร็จ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 28 มี.ค. 48 25 มี.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.969 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.7371/39.0218 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.25 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 687.32/8.61 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,850/7,950 7,800/7,900 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 46.33 46.83 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 22.09*/18.19** 22.09*/18.19** 16.99/14.59 ปตท.
เมื่อ 23 มี.ค. 48* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์
เมื่อ 11 มี.ค. 48* *ปรับเพิ่ม ลิตรละ 3 บาท
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. กองทุนฟื้นฟูฯ สามารถขายสินทรัพย์ของสถาบันการเงิน 56 แห่งไปแล้ว 41 แห่ง ผอส.ฝ่าย
บริหารกองทุน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการบริหารทรัพย์สินของสถาบันการ
เงิน 56 แห่ง ที่ถูกปิดกิจการไปช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ 2540 ว่า ขณะนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการ
เงินสามารถขายสินทรัพย์ในส่วนนี้ได้แล้ว 41 แห่ง และเหลือเพียง 15 แห่งที่จะต้องดำเนินการขายออกต่อไปให้
หมดภายในสิ้นปี 48 ส่วนทรัพย์สินของ 21 สถาบันการเงินที่ปิดหลังวิกฤตเศรษฐกิจการเงินนั้น กองทุนจะพยายาม
ขายออกให้หมดภายในเป้าหมายเดิม คือ ปี 2550 ทั้งนี้ อาจจะต้องใช้เวลานานเพราะกระบวนการส่วนใหญ่อยู่ที่
ศาล ทั้งนี้ นางสว่างจิตต์ จัยวัฒน์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท.กล่าวก่อนหน้านี้ว่ารายได้จากการขายทรัพย์สินของ 56
สถาบันการเงิน ถือว่าเป็นรายได้รองลงมาจากการขายหุ้นและเงินปันผลจากสถาบันการเงินที่กองทุนฟื้นฟูฯ เป็นผู้ถือ
หุ้นใหญ่ ซึ่งจากการขายสินทรัพย์ในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัว ทำให้กองทุนฯ มีรายได้เพิ่มสุทธิ 5 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้
ประมาณความเสียหายเดิมจาก 1.4 ล้านล้านบาทลดลง โดยรายได้หลักมาจากการขายหุ้นที่ถืออยู่ในธนาคารรัฐ
(โพสต์ทูเดย์, ผู้จัดการรายวัน)
2. แนวโน้มเอฟดีไอของไทยในช่วง 1-2 ปีนี้อยู่ในเกณฑ์ดีเนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนทั้งภายในและนอก
ประเทศ รายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้ศึกษาเรื่องบทบาทของเงินลงทุนโดย
ตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) ต่อเศรษฐกิจไทย ซึ่งจากการศึกษามองว่า แนวโน้มการลงทุนโดยตรงจากต่าง
ประเทศในช่วง 1-2 ปีนี้อยู่ในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะ
กรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ และผลิตภัณฑ์ทางการ
เกษตร เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนทั้งภายในประเทศ และนอกประเทศ ทั้งนี้ประเทศไทยยังมีโครงสร้างเศรษฐกิจ
มหภาคที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะการส่งออกและการลงทุน คุณภาพของแรงงาน อัตราการใช้กำลังการผลิตปรับตัวสูง
ขึ้น (เดลินิวส์)
3. การปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลทำให้การขยายตัวของจีดีพีภาคเกษตรชะลอตัวลงร้อยละ 0.25 สำนัก
งานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ได้วิเคราะห์ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อภาคการเกษตรหลังการปรับขึ้นราคาน้ำมัน
ดีเซล 3 บาทพบว่า จะทำให้การขยายตัวของผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ภาคเกษตรชะลอตัวลงร้อยละ 0.25
โดยสาขาประมงชะลอตัวมากที่สุดร้อยละ 0.73 มูลค่าสินค้าเกษตรในราคาปัจจุบันจะลดลงประมาณ 14,400 ล้าน
บาท เนื่องจากปัจจุบันมีการใช้น้ำมันของภาคเกษตร 4,000 ล้านลิตรต่อปี มูลค่า 58,000 ล้านบาท คิดเป็นร้อย
ละ 14.23 ของการใช้น้ำมันทั้งประเทศ โดยสาขาประมงใช้น้ำมันมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 73.8 ของน้ำมันทั้งหมด
ในภาคเกษตร ทั้งนี้ เมื่อคิดเป็นต้นทุนการผลิตน้ำมันมีสัดส่วนร้อยละ 14.4 ของต้นทุนการผลิตรวม และพบว่าสาขา
ประมงทะเลจะได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยมีต้นทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.81 สาขาปศุสัตว์ได้รับผลกระทบน้อยสุด ส่วน
ผลกระทบด้านราคาพบว่า ราคาสินค้าทุกชนิดจะปรับขึ้น แต่การเพิ่มขึ้นจะขึ้นอยู่ชนิดของสินค้าว่ามีความจำเป็นมาก
น้อยเพียงใด โดยราคาสินค้าประมงทะเลปรับขึ้นมากที่สุดร้อยละ 5.34 (ไทยรัฐ)
4. ก.คลังมั่นใจปี 48 สามารถเก็บภาษีได้สูงกว่าประมาณการ 5 หมื่นล้านบาท รองผู้อำนวยการ
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษก ก.คลัง เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในปีนี้มั่นใจว่าจะ
สามารถจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณ 50,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน เนื่องจากสามารถเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้มากขึ้น
ตามการปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซล ทั้งนี้ การจัดทำงบประมาณในแต่ละปีจะอยู่บนพื้นฐานของเศรษฐกิจและการจัดเก็บ
รายได้ของรัฐบาลในปีก่อน อย่างไรก็ตาม การจัดทำงบประมาณปี 49 รัฐบาลจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากสถาบันการเงิน
ต่าง ๆ ส่วนการตั้งประมาณการรายได้ของกรมสรรพสามิต โดยเฉพาะภาษีรถยนต์ก็จะอยู่บนพื้นฐานที่นำการปรับ
โครงสร้างภาษีรถยนต์เข้ามารวมแล้ว (ผู้จัดการรายวัน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. จำนวนคนว่างงานของเยอรมนีในเดือน มี.ค.48 ลดลงเพียง 20,000 คนจากเดือนก่อน
รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 27 มี.ค.48 จากการคำนวณเบื้องต้นโดยกรมแรงงานของเยอรมนีจำนวนคนว่างงานใน
เยอรมนีในเดือน มี.ค. 48 ลดลงเพียง 20,000 คนมีจำนวนต่ำกว่า 5.2 ล้านคนเล็กน้อยจากจำนวน 5.216
ล้านคนในเดือน ก.พ.48 ลดลงน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาซึ่งลดลงประมาณ
100,000 คนในเดือน มี.ค.จากเดือนก่อนเมื่อกิจกรรมภาคการก่อสร้างและภาคการเกษตรเริ่มคึกคักเมื่อเข้าสู่ฤดู
ใบไม้ผลิที่อากาศเริ่มอบอุ่นขึ้น โดยสาเหตุที่ทำให้จำนวนคนว่างงานในเดือน มี.ค.ของปีนี้ลดลงน้อยกว่าปีก่อน ๆ
คาดว่ามาจากสภาพอากาศที่ยังคงหนาวเย็นผิดปรกติเมื่อล่วงเลยเข้ามาในเดือน มี.ค. และจากการที่มีคนมาลง
ทะเบียนเป็นคนว่างงานเพิ่มขึ้นตามข้อบังคับใหม่ซึ่งเริ่มมีผลตั้งแต่ต้นปีนี้ที่กำหนดให้ผู้รับสวัสดิการว่างงานที่ยังสามารถ
ทำงานได้ทุกคนต้องลงทะเบียนเป็นคนว่างงานที่ สนง.แรงงาน กรมแรงงานของเยอรมนีมีกำหนดจะประกาศตัวเลข
คนว่างงานในเดือน มี.ค.48 อย่างเป็นทางการในวันที่ 31 มี.ค.48 นี้ (รอยเตอร์)
2. เดือน มี.ค.48 ราคาบ้านในอังกฤษและเวลส์ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน รายงาน
จากลอนดอนเมื่อ 28 มี.ค.48 บริษัทวิจัย Hometrack เปิดเผยว่า ราคาบ้านในอังกฤษและเวลส์ในเดือน มี.
ค.48 ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน โดยดัชนีชี้วัดราคาบ้านโดยเฉลี่ยลดลงร้อยละ 0.1 ส่งผลให้ราคาบ้าน
เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 162,300 ปอนด์ ลดลงจาก 162,500 ปอนด์ในเดือนก่อนหน้า และลดลงจากระดับสูงสุด
167,700 ปอนด์ในเดือน มิ.ย.47 ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า การปรับตัวลงของราคาบ้านในเดือน มี.ค.นี้ เป็น
อีกปัจจัยที่ช่วยสะท้อนความมีเสถียรภาพของตลาดบ้าน และแสดงให้เห็นว่าราคาบ้านที่อยู่ในภาวะฝืดตัวมาเป็นเวลา
กว่า 9 เดือนอาจจะสิ้นสุดลงแล้ว และเชื่อมั่นว่าราคาบ้านจะเริ่มเพิ่มสูงขึ้นใน 2-3 เดือนข้างหน้านี้ โดยจำนวนผู้
ซื้อบ้านที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับจำนวนบ้านที่มีการตกลงซื้อขายแล้วที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.5 ล้วนบ่งชี้ว่าตลาดบ้านจะเข้าสู่
ภาวะแข็งแกร่งในระยะอันใกล้นี้ ทั้งนี้ Hometrack ได้ปรับประมาณการราคาบ้านในปี 48 เป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ
3.0 จากประมาณการเดิมว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากปีก่อน (รอยเตอร์)
3. จีนจะหยุดให้การอุดหนุนวิสาหกิจของรัฐบาลที่ล้มละลาย รายงานจากปักกิ่งเมื่อวันที่ 27 มี.ค.
48 สำนักข่าว Xinhua ของจีนรายงานว่า ทางการจีนเปิดเผยว่า จีนจะหยุดให้การสนับสนุนวิสาหกิจล้มละลายของ
รัฐบาลภายใน 4 ปีแม้ว่าจะกระทบต่อการจ้างงานก็ตาม เนื่องจากการที่รัฐให้การช่วยเหลือธุรกิจดังกล่าวในรูปสิน
เชื่อกลับเป็นการเพิ่มภาระหนี้เสียจำนวนมากซึ่งคาดว่ามากกว่า 200 พันล.ดอลลาร์ สรอ.ให้แก่ระบบธนาคาร ทั้งนี้
ภายใน 4 ปีวิสาหกิจของรัฐบาลจะต้องปฎิบัติตามกฎระเบียบเช่นเดียวกับของกิจการของเอกชนและของต่าง
ประเทศ โดย 5 มณฑลของจีนอันได้แก่ Beijing Shanghai Jiangsu Zhejiang และ Fujian รัฐบาลได้หยุดการให้การอุดหนุนธุรกิจที่ล้มละลายดังกล่าวแล้ว ส่วนนักวิเคราะห์เห็นว่ารัฐบาลยังคงจะมีการให้การอุดหนุนดัง
กล่าวอยู่บ้างจนกว่าระบบประกันสังคมของจีนจะก่อตั้งขึ้นอย่างสมบูรณ์เพื่อที่คนงานที่ถูกเลิกจ้างจะได้รับการประกัน
การว่างงาน ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลจีนมิได้ให้การช่วยเหลือทางการเงินแก่คนงานที่ถูกเลิกจ้างงานจากวิสาหกิจของรัฐที่
ล้มละลาย ทั้งนี้มีวิสาหกิจถึง 3,377 แห่งซึ่งมีคนงาน 6.2 ล้านคนได้ล้มละลายแล้ว และยังคงมีมากกว่า 1,800
แห่งที่จะล้มละลายในช่วง 2 — 3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลคาดว่าการว่างงานจะสูงถึงร้อยละ 4.6 ในปีนี้จากร้อยละ
4.2 เมื่อสิ้นปี 47 (รอยเตอร์)
4. บริษัทเกาหลีใต้คาดว่าจะรับพนักงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.4 ในปี 48 รายงานจากกรุงปักกิ่ง
ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 27 มี.ค.48 สหภาพแรงงานลูกจ้างของเกาหลีใต้กล่าวว่า จากผลการสำรวจความ
คิดเห็นบริษัท 1,480 แห่ง โดยแต่ละแห่งมีพนักงานมากกว่า 100 คน ระหว่างเดือน ก.พ. — กลาง มี.ค. คาด
ว่าในปีนี้บริษัทของเกาหลีใต้จะรับพนักงานเพิ่มขึ้นมากกว่าปีก่อนร้อยละ 8.4 ซึ่งเป็นผลมาจากการที่มีสัญญาณการฟื้น
ตัวของการบริโภคภายในประเทศและการลงทุนที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่มีแผนงานที่จะรับพนักงาน
เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.4 ในปีนี้ มากกว่าปี 47 ที่มีการลดการจ้างพนักงานใหม่ร้อยละ 29 ส่วนกลุ่มผู้ผลิตจะจ้างงาน
เพิ่มร้อยละ 3.7 เทียบกับที่มีการปรับลดร้อยละ 33 ในปี 47 ในขณะที่คนว่างงานคาดว่าจะได้รับการบรรจุเข้าทำ
งานร้อยละ 71.6 ในตำแหน่งงานใหม่ ซึ่งมากกว่าร้อยละ 80 ของตำแหน่งงานใหม่จะเป็นการทำงานเต็ม
เวลา ทั้งนี้ ผลสำรวจดังกล่าวข้างต้นเปิดเผยหลังจากมีข้อมูลทางเศรษฐกิจชี้ให้เห็นว่ามีการฟื้นตัวในภาคธุรกิจและ
ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค อนึ่ง เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา รมว.คลังของเกาหลีใต้กล่าวว่า เศรษฐกิจของเกาหลีใต้จะ
ฟื้นตัวเร็วขึ้น เนื่องจากการบริโภคของภาคเอกชนขยายตัว และการใช้จ่ายจะช่วยผลักดันให้การแก้ไขปัญหาหนี้สินผู้มี
รายได้ต่ำของรัฐบาลประสบผลสำเร็จ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 28 มี.ค. 48 25 มี.ค. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.969 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.7371/39.0218 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.25 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 687.32/8.61 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,850/7,950 7,800/7,900 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 46.33 46.83 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 22.09*/18.19** 22.09*/18.19** 16.99/14.59 ปตท.
เมื่อ 23 มี.ค. 48* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์
เมื่อ 11 มี.ค. 48* *ปรับเพิ่ม ลิตรละ 3 บาท
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--