คำถาม : ตลาดอาหารสุนัขและแมวในจีนเป็นอย่างไร
คำตอบ : จีนเป็นตลาดใหม่ที่น่าสนใจในการส่งออกอาหารสุนัขและแมว เนื่องจากตลาดมีแนวโน้มขยายตัวสูงตามจำนวนสัตว์เลี้ยงในจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากรูปแบบการดำรงชีวิตของชาวจีนที่เปลี่ยนไปตามสภาพเศรษฐกิจและสังคม อาทิ การมีครอบครัวขนาดเล็กลง และมีลักษณะเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น การมีบุตรน้อยลงจากนโยบายลูกคนเดียวของรัฐบาลจีน ตลอดจนค่านิยมในการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเพื่อแสดงฐานะทางสังคม จากปัจจัยเกื้อหนุนต่าง ๆ ดังกล่าว ประกอบกับศักยภาพของไทยในการเป็นผู้ส่งออกอาหารสุนัขและแมวรายใหญ่อันดับ 1 ของเอเชีย และอันดับ 5 ของโลก ทำให้คาดว่าอาหารสุนัขและแมวของไทยจะมีแนวโน้มสดใสในตลาดจีน และมีโอกาสอีกมากในการขยายส่วนแบ่งตลาดที่มีอยู่ร้อยละ 27 ในปัจจุบัน เป็นรองแต่เพียงนิวซีแลนด์ ซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 35
ข้อมูลที่น่าสนใจของตลาดอาหารสุนัขและแมวในจีน มีดังนี้
* ขนาดและลักษณะตลาด ปัจจุบันชาวจีน โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ นิยมเลี้ยงสุนัขและแมวเพิ่มขึ้นมาก ส่งผลให้ยอดจำหน่ายอาหารสุนัขและแมวในจีนสูงถึง 220 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2548 (ขยายตัวร้อยละ 13) แบ่งเป็นมูลค่าจำหน่ายอาหารสุนัข 134 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อาหารแมว 86 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ตลาดอาหารสุนัขและแมวในจีนแบ่งเป็น 2 ระดับ คือ
- ตลาดระดับบน เน้นอาหารสุนัขและแมวคุณภาพดี (ใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงใกล้เคียงกับวัตถุดิบที่ใช้ผลิตอาหารคน และให้สารอาหารที่จำเป็นครบถ้วน) และอาหารที่มีสูตรเฉพาะ อาทิ อาหารควบคุมน้ำหนัก อาหารบำรุงกระดูกและฟัน ซึ่งมีทั้งอาหารแบบแห้งและแบบเปียก1/ มีกลุ่มลูกค้าหลัก คือ ชาวจีนที่มีรายได้สูง โดยเฉพาะที่อาศัยอยู่ในปักกิ่ง และเซี่ยงไฮ้ ซึ่งมักนิยมซื้ออาหารสุนัขและแมวที่มีตราสินค้าของผู้ผลิตต่างชาติมากกว่าที่ผลิตโดยผู้ผลิตในประเทศ
- ตลาดระดับกลางถึงระดับล่าง เป็นอาหารสุนัขและแมวคุณภาพปานกลาง (ใช้วัตถุดิบเกรดอาหารสัตว์) มีราคาไม่สูงนัก ส่วนใหญ่เป็นอาหารสุนัขและแมวแบบแห้งเพราะราคาถูกกว่าอาหารสุนัขและแมวแบบเปียก มีกลุ่มลูกค้าหลัก คือ ชาวจีนที่มีรายได้น้อยถึงปานกลาง
* รสนิยมของตลาด อาหารสุนัข ที่นิยม เป็นอาหารแบบแห้ง มีสัดส่วนร้อยละ 55 ของยอดจำหน่ายอาหารสุนัขทั้งหมด ที่เหลือร้อยละ 37 เป็นอาหารสุนัขแบบเปียก และอีกร้อยละ 8 เป็นของขบเคี้ยวสำหรับสุนัข สำหรับอาหารแมวที่นิยม คือ อาหารแมวแบบแห้ง มีสัดส่วนร้อยละ 65 ของยอดจำหน่ายอาหารแมวทั้งหมด ขณะที่อาหารแมวแบบเปียกมีสัดส่วนร้อยละ 35 อย่างไรก็ตาม อาหารสุนัขและอาหารแมวแบบเปียกมีแนวโน้มขยายตัวสูง โดยเฉพาะในเซี่ยงไฮ้ และปักกิ่ง เพราะประชากรมีกำลังซื้อสูง
* อัตราภาษีนำเข้า จีนเรียกเก็บภาษีนำเข้าอาหารสัตว์เลี้ยง รวมถึงอาหารสุนัขและแมว ในอัตราร้อยละ 15
* คู่แข่งและส่วนแบ่งตลาด ตลาดอาหารสุนัขและแมวในจีนแข่งขันกันค่อนข้างรุนแรง โดยมีคู่แข่งสำคัญ 2 กลุ่ม คือ
- บริษัทต่างชาติ ทั้งที่เข้าไปตั้งโรงงานผลิตในจีน และที่เข้าไปตั้งสำนักงานในจีนเพื่อนำเข้าอาหารสุนัขและแมว
ผู้ประกอบการกลุ่มนี้มีส่วนแบ่งตลาดราวร้อยละ 70 ของยอดจำหน่ายอาหารสุนัขและแมวทั้งหมดในจีน โดยมีผู้ประกอบการรายสำคัญ ดังนี้
บริษัท Effem Foods มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 42 จำหน่ายสินค้าตรา Pedigree, Whiskas, Advance และ Cesar
บริษัท Royal Canin มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 16 จำหน่ายสินค้าตรา Royal Canin และ Canine 163
บริษัท Iams มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 7 จำหน่ายสินค้าตรา Iams และ Eukanuba
บริษัท Nestle มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 4 จำหน่ายสินค้าตรา Purina, Pro Plan และ Cat Chow
บริษัท Hill's Pet Nutrition มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 4 จำหน่ายสินค้าตรา Hill's Science Diet และ Hill's Prescription Diet
- บริษัทของชาวจีน มีส่วนแบ่งตลาดราวร้อยละ 30 ของยอดจำหน่ายอาหารสุนัขและแมวทั้งหมดในจีน บริษัทที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงที่สุดในบรรดาบริษัทของชาวจีนด้วยกัน คือ บริษัท Chengdu Care Pet Food มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 1 ผลิตสินค้าตรา Care
* ช่องทางการจัดจำหน่าย
- ร้านจำหน่ายสัตว์เลี้ยงและของใช้สำหรับสัตว์เลี้ยง (Pet Shops) เป็นช่องทางจำหน่ายอาหารสุนัขและแมวสำคัญที่สุดของจีน มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 50 ของยอดจำหน่ายอาหารสุนัขและแมว เน้นจำหน่ายสินค้าหลากหลายยี่ห้อ
- ซูเปอร์มาร์เก็ตและไฮเปอร์มาร์เก็ต มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 31 ของยอดจำหน่ายอาหารสุนัขและแมว เน้นจำหน่ายอาหารสุนัขและแมวราคาปานกลาง ทั้งนี้ บริษัทต่างชาติมักใช้ช่องทางนี้สร้างการรับรู้ในตราสินค้าแก่ชาวจีน เนื่องจากเป็นแหล่งที่ชาวจีนในเมืองนิยมซื้อสินค้า
- คลีนิกรักษาสัตว์ (Veterinary Clinics) มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 10 ของยอดจำหน่ายอาหารสุนัขและแมว
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธันวาคม 2549--
-พห-
คำตอบ : จีนเป็นตลาดใหม่ที่น่าสนใจในการส่งออกอาหารสุนัขและแมว เนื่องจากตลาดมีแนวโน้มขยายตัวสูงตามจำนวนสัตว์เลี้ยงในจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากรูปแบบการดำรงชีวิตของชาวจีนที่เปลี่ยนไปตามสภาพเศรษฐกิจและสังคม อาทิ การมีครอบครัวขนาดเล็กลง และมีลักษณะเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น การมีบุตรน้อยลงจากนโยบายลูกคนเดียวของรัฐบาลจีน ตลอดจนค่านิยมในการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเพื่อแสดงฐานะทางสังคม จากปัจจัยเกื้อหนุนต่าง ๆ ดังกล่าว ประกอบกับศักยภาพของไทยในการเป็นผู้ส่งออกอาหารสุนัขและแมวรายใหญ่อันดับ 1 ของเอเชีย และอันดับ 5 ของโลก ทำให้คาดว่าอาหารสุนัขและแมวของไทยจะมีแนวโน้มสดใสในตลาดจีน และมีโอกาสอีกมากในการขยายส่วนแบ่งตลาดที่มีอยู่ร้อยละ 27 ในปัจจุบัน เป็นรองแต่เพียงนิวซีแลนด์ ซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 35
ข้อมูลที่น่าสนใจของตลาดอาหารสุนัขและแมวในจีน มีดังนี้
* ขนาดและลักษณะตลาด ปัจจุบันชาวจีน โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ นิยมเลี้ยงสุนัขและแมวเพิ่มขึ้นมาก ส่งผลให้ยอดจำหน่ายอาหารสุนัขและแมวในจีนสูงถึง 220 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2548 (ขยายตัวร้อยละ 13) แบ่งเป็นมูลค่าจำหน่ายอาหารสุนัข 134 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อาหารแมว 86 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ตลาดอาหารสุนัขและแมวในจีนแบ่งเป็น 2 ระดับ คือ
- ตลาดระดับบน เน้นอาหารสุนัขและแมวคุณภาพดี (ใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงใกล้เคียงกับวัตถุดิบที่ใช้ผลิตอาหารคน และให้สารอาหารที่จำเป็นครบถ้วน) และอาหารที่มีสูตรเฉพาะ อาทิ อาหารควบคุมน้ำหนัก อาหารบำรุงกระดูกและฟัน ซึ่งมีทั้งอาหารแบบแห้งและแบบเปียก1/ มีกลุ่มลูกค้าหลัก คือ ชาวจีนที่มีรายได้สูง โดยเฉพาะที่อาศัยอยู่ในปักกิ่ง และเซี่ยงไฮ้ ซึ่งมักนิยมซื้ออาหารสุนัขและแมวที่มีตราสินค้าของผู้ผลิตต่างชาติมากกว่าที่ผลิตโดยผู้ผลิตในประเทศ
- ตลาดระดับกลางถึงระดับล่าง เป็นอาหารสุนัขและแมวคุณภาพปานกลาง (ใช้วัตถุดิบเกรดอาหารสัตว์) มีราคาไม่สูงนัก ส่วนใหญ่เป็นอาหารสุนัขและแมวแบบแห้งเพราะราคาถูกกว่าอาหารสุนัขและแมวแบบเปียก มีกลุ่มลูกค้าหลัก คือ ชาวจีนที่มีรายได้น้อยถึงปานกลาง
* รสนิยมของตลาด อาหารสุนัข ที่นิยม เป็นอาหารแบบแห้ง มีสัดส่วนร้อยละ 55 ของยอดจำหน่ายอาหารสุนัขทั้งหมด ที่เหลือร้อยละ 37 เป็นอาหารสุนัขแบบเปียก และอีกร้อยละ 8 เป็นของขบเคี้ยวสำหรับสุนัข สำหรับอาหารแมวที่นิยม คือ อาหารแมวแบบแห้ง มีสัดส่วนร้อยละ 65 ของยอดจำหน่ายอาหารแมวทั้งหมด ขณะที่อาหารแมวแบบเปียกมีสัดส่วนร้อยละ 35 อย่างไรก็ตาม อาหารสุนัขและอาหารแมวแบบเปียกมีแนวโน้มขยายตัวสูง โดยเฉพาะในเซี่ยงไฮ้ และปักกิ่ง เพราะประชากรมีกำลังซื้อสูง
* อัตราภาษีนำเข้า จีนเรียกเก็บภาษีนำเข้าอาหารสัตว์เลี้ยง รวมถึงอาหารสุนัขและแมว ในอัตราร้อยละ 15
* คู่แข่งและส่วนแบ่งตลาด ตลาดอาหารสุนัขและแมวในจีนแข่งขันกันค่อนข้างรุนแรง โดยมีคู่แข่งสำคัญ 2 กลุ่ม คือ
- บริษัทต่างชาติ ทั้งที่เข้าไปตั้งโรงงานผลิตในจีน และที่เข้าไปตั้งสำนักงานในจีนเพื่อนำเข้าอาหารสุนัขและแมว
ผู้ประกอบการกลุ่มนี้มีส่วนแบ่งตลาดราวร้อยละ 70 ของยอดจำหน่ายอาหารสุนัขและแมวทั้งหมดในจีน โดยมีผู้ประกอบการรายสำคัญ ดังนี้
บริษัท Effem Foods มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 42 จำหน่ายสินค้าตรา Pedigree, Whiskas, Advance และ Cesar
บริษัท Royal Canin มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 16 จำหน่ายสินค้าตรา Royal Canin และ Canine 163
บริษัท Iams มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 7 จำหน่ายสินค้าตรา Iams และ Eukanuba
บริษัท Nestle มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 4 จำหน่ายสินค้าตรา Purina, Pro Plan และ Cat Chow
บริษัท Hill's Pet Nutrition มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 4 จำหน่ายสินค้าตรา Hill's Science Diet และ Hill's Prescription Diet
- บริษัทของชาวจีน มีส่วนแบ่งตลาดราวร้อยละ 30 ของยอดจำหน่ายอาหารสุนัขและแมวทั้งหมดในจีน บริษัทที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงที่สุดในบรรดาบริษัทของชาวจีนด้วยกัน คือ บริษัท Chengdu Care Pet Food มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 1 ผลิตสินค้าตรา Care
* ช่องทางการจัดจำหน่าย
- ร้านจำหน่ายสัตว์เลี้ยงและของใช้สำหรับสัตว์เลี้ยง (Pet Shops) เป็นช่องทางจำหน่ายอาหารสุนัขและแมวสำคัญที่สุดของจีน มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 50 ของยอดจำหน่ายอาหารสุนัขและแมว เน้นจำหน่ายสินค้าหลากหลายยี่ห้อ
- ซูเปอร์มาร์เก็ตและไฮเปอร์มาร์เก็ต มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 31 ของยอดจำหน่ายอาหารสุนัขและแมว เน้นจำหน่ายอาหารสุนัขและแมวราคาปานกลาง ทั้งนี้ บริษัทต่างชาติมักใช้ช่องทางนี้สร้างการรับรู้ในตราสินค้าแก่ชาวจีน เนื่องจากเป็นแหล่งที่ชาวจีนในเมืองนิยมซื้อสินค้า
- คลีนิกรักษาสัตว์ (Veterinary Clinics) มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 10 ของยอดจำหน่ายอาหารสุนัขและแมว
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธันวาคม 2549--
-พห-