วันนี้(6ก.ค.49)นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้งได้แจ้งข้อกล่าวกับพรรคประชาธิปัตย์ว่ากระทำความผิด พระราชบัญัติพรรคการเมือง และนำไปสู่การเสนอให้ยุบพรรค การดำเนินการดังกล่าวขณะนี้ ทางกกต.ได้ส่งเรื่องให้สำนักงานอัยการสูงสุด(อสส.) ซึ่ง อสส.ได้พิจารณายื่นคำร้องยุบพรรคประชาธิปัตย์ 3 ข้อหา กล่าวคือ 1.ข้อหาล้มล้างประชาธิปไตย 2. ยุยงให้ประชาชนคนรักสงขลาขัดขวางการรับสมัครของพรรคเล็กที่สมัครเพื่อจะให้พรรคไทยรักไทยผ่านเกณฑ์ 20 % และ3. จ้างพรรคเล็กให้ใส่ร้ายพรรคไทยรักไทย ว่าพรรคไทยรักไทยจ้างพรรคเล็กลงรับสมัครเลือกตั้งเพื่อที่จะหนีกฎเกณฑ์ 20 %
นายถาวร ได้ยืนยัน ว่า‘พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้กระทำความผิดใดๆ ทั้ง 3 ประเด็น ไม่ว่าจะเป็นข้อหาว่าล้มล้างระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ข้อหานี้หากพรรคกระทำความผิดจริง บุคคลซึ่งเป็นซึ่งเป็นบุคคลากรควรจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาว่าได้กระทำความผิดตามกฎหมายอาญา แต่ปรากฎว่าบุคคลที่ทางกกต.และอัยการ นำมาวินิจฉัยว่าเป็นการทำแทนพรรคปรากฎว่าบุคคลเหล่านั้นไม่ได้ถูกดำเนินคดี แต่อย่างใด’ นายถาวรกล่าว
รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นที่บอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ ยุยงให้ประชาชนคนรักสงขลา ขัดขวางการรับสมัครเลือกตั้งของพรรคประชากรไทย พรรคคนขอปลดหนี้ กรณีนี้ พ.ต.อ.พิเศษสุธรรม วรรณปทุม ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดสงขลา ได้มีหนังสือถึงคณะกรรมการการเลือกตั้งส่วนกลางว่า ในวันเวลาดังกล่าวไม่มีการขัดขวาง หรือขู่เข็ญ ไม่มีการบังคับใด อันเป็นการขัดขวางไม่ให้ผู้สมัครจากพรรคการเมืองเล็กไปยื่นสมัครแต่อย่างใด ส่วนที่ไม่สามารถยื่นสมัครได้เนื่องจากบุคคลเหล่านั้นขาดหลักฐานเอกสารที่จะยื่นสมัคร ส.ส.
ส่วนที่กล่าวหาว่าพรรคประชาธิปัตย์ จ้างพรรคการเมืองเล็ก กล่าวหา ใส่ร้ายพรรคไทยรักไทยว่าจ้างพรรคเล็กลงสมัครเลือกตั้ง นายถาวร กล่าวว่า ประเด็นนี้เห็นได้ชัดเจนว่าคณะอนุกรรมการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยนายนาม ยิ้มแย้ม อดีตรองประธานศาลฎีกา เป็นประธาน ได้สรุปออกมาแล้วว่า พรรคไทยรักไทย จ้างพรรคเล็กลงรับสมัครเลือกตั้งในการเลือกตั้งครั้งนี้จริง
ซึ่งพรรคจะได้นำไปชี้แจงในที่ประชุมสัมมนากรรมการบริหารสาขา และแกนนำของพรรค ที่โรงแรม เจบี หาดใหญ่ จ.สงขลา ในวันเสาร์ที่ 8 กรกฎาคม เพื่อให้แกนนำและสมาชิกพรรคให้รับทราบข้อมูล ข่าวสาร ที่เป็นความจริง พร้อมกันนี้จะเป็นการประกาศว่าพรรคมีความพร้อมที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ทั้งด้านตัวผู้สมัคร และนโยบาย โดยพรรคได้จัดทำนโยบายด้วยการสำรวจความต้องการของประชาชน เพราะนโยบายของพรรคจะต้องตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริง ทั้งนโยบายเศรษฐกิจ ความมั่นคง การแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ การศึกษา สาธารณสุข การปราบปรามทุจริต การกระจายอำนาจ การหาพลังงานทดแทน รวมถึงนโยบายที่เกี่ยกับการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และที่สำคัญที่สุด คือนโยบายเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 6 ก.ค. 2549--จบ--
นายถาวร ได้ยืนยัน ว่า‘พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้กระทำความผิดใดๆ ทั้ง 3 ประเด็น ไม่ว่าจะเป็นข้อหาว่าล้มล้างระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ข้อหานี้หากพรรคกระทำความผิดจริง บุคคลซึ่งเป็นซึ่งเป็นบุคคลากรควรจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาว่าได้กระทำความผิดตามกฎหมายอาญา แต่ปรากฎว่าบุคคลที่ทางกกต.และอัยการ นำมาวินิจฉัยว่าเป็นการทำแทนพรรคปรากฎว่าบุคคลเหล่านั้นไม่ได้ถูกดำเนินคดี แต่อย่างใด’ นายถาวรกล่าว
รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นที่บอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ ยุยงให้ประชาชนคนรักสงขลา ขัดขวางการรับสมัครเลือกตั้งของพรรคประชากรไทย พรรคคนขอปลดหนี้ กรณีนี้ พ.ต.อ.พิเศษสุธรรม วรรณปทุม ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดสงขลา ได้มีหนังสือถึงคณะกรรมการการเลือกตั้งส่วนกลางว่า ในวันเวลาดังกล่าวไม่มีการขัดขวาง หรือขู่เข็ญ ไม่มีการบังคับใด อันเป็นการขัดขวางไม่ให้ผู้สมัครจากพรรคการเมืองเล็กไปยื่นสมัครแต่อย่างใด ส่วนที่ไม่สามารถยื่นสมัครได้เนื่องจากบุคคลเหล่านั้นขาดหลักฐานเอกสารที่จะยื่นสมัคร ส.ส.
ส่วนที่กล่าวหาว่าพรรคประชาธิปัตย์ จ้างพรรคการเมืองเล็ก กล่าวหา ใส่ร้ายพรรคไทยรักไทยว่าจ้างพรรคเล็กลงสมัครเลือกตั้ง นายถาวร กล่าวว่า ประเด็นนี้เห็นได้ชัดเจนว่าคณะอนุกรรมการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยนายนาม ยิ้มแย้ม อดีตรองประธานศาลฎีกา เป็นประธาน ได้สรุปออกมาแล้วว่า พรรคไทยรักไทย จ้างพรรคเล็กลงรับสมัครเลือกตั้งในการเลือกตั้งครั้งนี้จริง
ซึ่งพรรคจะได้นำไปชี้แจงในที่ประชุมสัมมนากรรมการบริหารสาขา และแกนนำของพรรค ที่โรงแรม เจบี หาดใหญ่ จ.สงขลา ในวันเสาร์ที่ 8 กรกฎาคม เพื่อให้แกนนำและสมาชิกพรรคให้รับทราบข้อมูล ข่าวสาร ที่เป็นความจริง พร้อมกันนี้จะเป็นการประกาศว่าพรรคมีความพร้อมที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ทั้งด้านตัวผู้สมัคร และนโยบาย โดยพรรคได้จัดทำนโยบายด้วยการสำรวจความต้องการของประชาชน เพราะนโยบายของพรรคจะต้องตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริง ทั้งนโยบายเศรษฐกิจ ความมั่นคง การแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ การศึกษา สาธารณสุข การปราบปรามทุจริต การกระจายอำนาจ การหาพลังงานทดแทน รวมถึงนโยบายที่เกี่ยกับการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และที่สำคัญที่สุด คือนโยบายเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 6 ก.ค. 2549--จบ--