นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่ากรมการค้าต่างประเทศ (คต.) กำหนดจัดสัมมนาให้ความรู้ในเรื่องกฎหมายเกี่ยวกับการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ ในหัวข้อเรื่อง “ ทำการค้าและการลงทุนในกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง และสาธารณรัฐประชาชนจีนได้อย่างไร ” ในวันที่ 8 สิงหาคม 2549 ณ ห้องประชุม 30410 ชั้น 4 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ สนามบินน้ำ จังหวัดนนทบุรี เชิญผู้สนใจเข้าร่วมได้ฟรี
เนื่องจากสภาวะการณ์ทางการค้ากับต่างประเทศในปัจจุบันมีการแข่งขันอย่างสูง แต่ละประเทศ มีการกำหนดมาตรการกีดกันทางการค้าในรูปแบบต่าง ๆ กรมการค้าต่างประเทศจึงได้มีการปรับเปลี่ยนบทบาท ภารกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยจัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษากฎหมายการค้าระหว่างประเทศ เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นทางด้านการค้าและการลงทุนในต่างประเทศ รวมทั้งข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับประเทศนั้น ๆ ซึ่งเป็นข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจการค้า การลงทุน ซึ่งในชั้นนี้ กรมฯ ได้จัดทำโครงการสัมมนากฎหมายการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ ในหัวข้อเรื่อง “ ทำการค้าและการลงทุนในกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง และสาธารณรัฐประชาชนจีนได้อย่างไร ” โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์การทำการค้าและการลงทุนในกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง มาบรรยายและให้คำปรึกษา เช่น กลยุทธ์ในการเข้าสู่ตลาดและวิธีดำเนินการค้าและการลงทุน , ปัจจัยแวดล้อมและกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง บรรยายโดย นายธนิต โสรัตน์ ประธานคณะกรรมการเศรษฐกิจจังหวัด สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายสืบพงศ์ เกตุนุติ กรรมการผู้จัดการบริษัท ชะอำพีรพัฒน์เคมิคอล จำกัด และนายศักดิ์ชัย อุ่นจิตติกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท ศรีเชียงใหม่อุตสาหกรรม จำกัด และในการบรรยายเรื่อง กฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการค้าและการลงทุนของสาธารณรัฐประชาชนจีนที่นักลงทุนไทยพึงรู้ โดยนายวิบูลย์ ตั้งกิตติภากรณ์ บริษัทที่ปรึกษากฎหมายฟาร์อีสต์ จำกัด เป็นต้น ผู้สนใจที่จะเข้าร่วมสัมมนาฯ โปรดสำรองที่นั่งด่วน ที่ 0-2547-4726 โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น
ในปัจจุบันการทำการค้ากับกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ประกอบด้วย สหภาพพม่า สปป.ลาว เวียดนาม กัมพูชา สาธารณรัฐประชาชนจีน และไทย มีมูลค่าการค้าในปี 2548 รวมทั้งสิ้น 1,125,590 ล้านบาท และในปี 2549 (ม.ค. — มิ.ย.) รวม 626,668.8 ล้านบาท แยกเป็น สหภาพพม่า 54,283.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ 14.92 สปป. ลาว 30,251.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 73.23 เวียดนาม 72,895.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 34.55 กัมพูชา 22,676.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.09 และสาธารณรัฐประชาชนจีน 446,561.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.43
--กรมการค้าต่างประเทศ--
-สส-
เนื่องจากสภาวะการณ์ทางการค้ากับต่างประเทศในปัจจุบันมีการแข่งขันอย่างสูง แต่ละประเทศ มีการกำหนดมาตรการกีดกันทางการค้าในรูปแบบต่าง ๆ กรมการค้าต่างประเทศจึงได้มีการปรับเปลี่ยนบทบาท ภารกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยจัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษากฎหมายการค้าระหว่างประเทศ เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นทางด้านการค้าและการลงทุนในต่างประเทศ รวมทั้งข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับประเทศนั้น ๆ ซึ่งเป็นข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจการค้า การลงทุน ซึ่งในชั้นนี้ กรมฯ ได้จัดทำโครงการสัมมนากฎหมายการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ ในหัวข้อเรื่อง “ ทำการค้าและการลงทุนในกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง และสาธารณรัฐประชาชนจีนได้อย่างไร ” โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์การทำการค้าและการลงทุนในกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง มาบรรยายและให้คำปรึกษา เช่น กลยุทธ์ในการเข้าสู่ตลาดและวิธีดำเนินการค้าและการลงทุน , ปัจจัยแวดล้อมและกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง บรรยายโดย นายธนิต โสรัตน์ ประธานคณะกรรมการเศรษฐกิจจังหวัด สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายสืบพงศ์ เกตุนุติ กรรมการผู้จัดการบริษัท ชะอำพีรพัฒน์เคมิคอล จำกัด และนายศักดิ์ชัย อุ่นจิตติกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท ศรีเชียงใหม่อุตสาหกรรม จำกัด และในการบรรยายเรื่อง กฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการค้าและการลงทุนของสาธารณรัฐประชาชนจีนที่นักลงทุนไทยพึงรู้ โดยนายวิบูลย์ ตั้งกิตติภากรณ์ บริษัทที่ปรึกษากฎหมายฟาร์อีสต์ จำกัด เป็นต้น ผู้สนใจที่จะเข้าร่วมสัมมนาฯ โปรดสำรองที่นั่งด่วน ที่ 0-2547-4726 โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น
ในปัจจุบันการทำการค้ากับกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ประกอบด้วย สหภาพพม่า สปป.ลาว เวียดนาม กัมพูชา สาธารณรัฐประชาชนจีน และไทย มีมูลค่าการค้าในปี 2548 รวมทั้งสิ้น 1,125,590 ล้านบาท และในปี 2549 (ม.ค. — มิ.ย.) รวม 626,668.8 ล้านบาท แยกเป็น สหภาพพม่า 54,283.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ 14.92 สปป. ลาว 30,251.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 73.23 เวียดนาม 72,895.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 34.55 กัมพูชา 22,676.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.09 และสาธารณรัฐประชาชนจีน 446,561.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.43
--กรมการค้าต่างประเทศ--
-สส-