โครงสร้างทางธรณีวิทยา หินธรรมชาติมี 3 ชนิด คือ หินอัคนี หินชั้นหรือหินตะกอน และหินแปร ซึ่งในส่วนย่อยของหินทั้ง 3 ชนิด มีหินชนิดต่างๆ อีกมาก เช่น แร่ไมก้า ควอร์ตไซต์ในหินอัคนี หินทราย หินปูนในหินชั้น หินกาบ หินควอร์ตไซต์ หินดินดานในหินแปร เป็นต้น ในชั้นของหินแปรที่แปรสภาพมาจากหินอัคนี หินชั้นเนื่องมาจากความร้อน ความกดดันของโลก มักจะพบเห็นหินที่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากลักษณะเดิมอยู่มาก โดยเฉพาะหินควอร์ตไซต์ที่แปรมาจากหินทราย พบมากในภูเขาแถบจังหวัดน่าน เชียงราย เขตที่ราบสูงโคราช แถบจังหวัดชัยภูมิ เพชรบูรณ์
และความเป็นมาของหินดังกล่าวเป็นที่มาของ "หินสีล้านปี" ที่วันนี้มีผู้คิดค้นสร้างสรรค์นำมาประดิษฐ์เป็นเครื่องประดับ เครื่องตกแต่งเพิ่มมูลค่าก่อให้เกิดรายได้ชนิดเป็นอาชีพหลักของสมาชิกในครอบครัว 4-5 คน ได้อย่างสบายๆ
จากโบรกเกอร์เดินพลอย
สร้างอาชีพใหม่ประดิษฐ์เครื่องประดับ
คุณวิเชียร และ คุณเยาวนารถ อินทรประเสริฐ สองสามีภรรยา วัย 50 ปีเศษ อยู่บ้านเลขที่ 415/25-26 หมู่ 14 ตำบลคลองนารายณ์ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี โดยคุณวิเชียร เล่าให้ฟังว่า เดิมทีเมื่อ 30 กว่าปีก่อน มีอาชีพเดินซื้อขายพลอยหรือโบรกเกอร์ในตลาดพลอย ที่บ้านนาวงศ์ อำเภอบ่อไร่ จังหวัดตราด ต่อมาแต่งงานกับคุณเยาวนารถ หรือ "คุณตุ้ม" ที่มีอาชีพเป็นช่างเจียระไนพลอย กระทั่งปี 2531 พลอยที่บ้านาวงศ์ หมดตลาด จึงได้ย้ายไปซื้อต่อที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ระหว่างนี้เองเห็นว่าอาชีพเดินพลอยได้ถึงทางตันเพราะมีการแข่งขันกันสูง ใช้ต้นทุนมาก บางครั้งไม่มีกำไรเลยแถมขาดทุนด้วย ระยะหลังพกเงินออกจากบ้านไปทำทุน 10,000-20,000 บาท บางครั้งกลับบ้านมือเปล่า จึงคิดมองหาอาชีพใหม่ที่ทำให้ครอบครัวอยู่รอด
คุณวิเชียร เล่าให้ฟังต่อว่า ช่วงเวลาเดินทางไปแวะเยี่ยมเยียนเพื่อนฝูงไปเรื่อยๆ เมื่อไปหาเพื่อนที่จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อนคุยให้ฟังเรื่องหินสีสวยๆ ที่พบตามทุ่งนา ที่ทำไร่ ที่เนิน ที่นำมาวางขายเป็นก้อนๆ แถบจังหวัดชัยภูมิ ตำบลลำนารายณ์ จังหวัดลพบุรี จังหวัดศรีสะเกษ เป็นหินที่มาจากภูเขาไฟมีอายุเป็น 10,000 ปี 1,000,000 ปี ช่วงนี้เองฉุกคิดขึ้นมาว่าน่าจะนำไปเจียระไนเป็นเครื่องประดับที่สวยงามแบบพลอยได้
"อาชีพซื้อขายพลอยต้องเดินทางไม่อยู่กับที่ ใช้ทุนสูง กำไรยาก จึงคิดว่าน่าจะลองหาอาชีพใหม่ที่ทำอยู่กับที่ น่าจะเป็นความพอเหมาะพอดีที่เคยอยู่ในวงการพลอย ดูพลอยเป็น สีไหนสวยไม่สวย แม่บ้านเป็นช่างเจียระไนพลอย คิดว่าถ้าเราเอาความรู้มาประยุกต์เป็นอาชีพใหม่น่าจะเรียนรู้ได้ไม่ยาก โดยนำหินสีมาประดิษฐ์ตกแต่งในลักษณะเดียวกับอัญมณี พลอยต่างๆ น่าจะเป็นเครื่องประดับที่สวยงามได้ แม้ว่าคุณค่าไม่เท่าอัญมณีอย่างพลอย เพชร แต่มีความแปลกตา มีเอกลักษณ์สวยงามไม่เหมือนใคร จึงได้คิดทดลองทำเอาไปให้เพื่อนดูบอกสวยแต่ไม่ยอมรับในคุณค่าของงานหาว่าผมเป็นคนคิดแปลกๆ" คุณวิเชียร เล่าที่มาของหินสีสร้างอาชีพใหม่
เริ่มต้นจากเงินทุนก็ยืม 50,000 บาท
ใช้เวลา 8 ปี สร้างชิ้นงานให้เป็นที่ยอมรับ
คุณวิเชียรและคุณตุ้ม เล่าอีกว่า เมื่อหลงใหลในความสวยงามของหินสีต่างๆ แล้ว ประมาณปี 2531 จึงได้ทดลองซื้อหินจากจังหวัดชัยภูมิมาประดิษฐ์เป็นเครื่องประดับ เริ่มจากหินก้อนตกแต่งกับแก่นไม้ที่เป็นไม้ค้างพริกไทย เป็นหินก้อนใช้ประดับบ้าน ตกแต่งโต๊ะทำงาน วางโชว์ พอขายได้บ้าง จากนั้นทำเป็นหลังเบี้ย หัวแหวน และเปิดตัวจำหน่ายผลผลิตชิ้นงานในปี 2538 ในงานประจำปีของจังหวัดจันทบุรี แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ตลาดไม่ยอมรับเพราะไปเปรียบเทียบมูลค่ากับอัญมณี และมองเห็นว่าพลอยมีคุณค่ามากกว่า
"จริงๆ แล้วเราคิดว่า 100 คน สนใจงานเรา 1 คน ก็พอใจแล้ว ที่ร้ายกว่านั้นมองว่าเป็นพลาสติคสังเคราะห์ ที่เรียกว่าเรซิ่นเสียอีก ซึ่งแทบไม่มีค่าอะไรเลย แต่ไม่ได้ท้อถอยหรือละความพยายามกลับคิดออกแบบใหม่เพิ่มขึ้น หวังจะให้โดนใจลูกค้า มีรูปแบบปล้องอ้อยที่มาทำสร้อยคอแบบโกเมน ครั้งนี้ลูกค้าเริ่มให้ความสนใจและมีการบอกต่อ ประมาณปี 2542 ตลาดเริ่มดีขึ้นทำให้มีกำลังใจคิดพัฒนารูปแบบต่างๆ เพิ่มขึ้น เช่น จี้ หัวเข็มขัด กำไล สร้อยข้อมือ" คุณวิเชียร ย้อนอดีตเมื่อครั้งเริ่มต้นอาชีพใหม่
คุณวิเชียร เล่าต่ออีกว่า เริ่มด้วยทุนเพียง 50,000 บาท เป็นการซื้อหาเครื่องมือเท่าที่จำเป็นราคาไม่แพง เช่น เครื่องขัดหิน เครื่องตัดหิน จากนั้นจึงไปซื้อหินมาในราคาต่างๆ กัน 100 บาท 1,000 บาท 30,000-50,000 บาท มีเงินเท่าไรซื้อเท่านั้น กระทั่งปี 2545 ได้รับการสนับสนุนให้เป็นเป็นสินค้า OTOP ระดับ 4 ดาว แต่ตอนนี้ไม่ได้เข้าเป็นสินค้า OTOP แล้ว เพราะทางคณะกรรมการเห็นว่างานลักษณะนี้เครื่องประดับอัญมณีมีมาตรฐานได้รับการยอมรับกว้างขวางกว่า แต่ทางเราไม่ได้ยึดติดอะไรยังคงผลิตงานออกมาเรื่อยๆ จำหน่ายให้กับลูกค้าที่มาซื้อที่บ้าน
ต้องดูหินเป็น...
จินตนาการ คือหัวใจของงาน
คุณวิเชียร เล่าอีกว่า การประดิษฐ์เครื่องประดับหินสีนี้ สำคัญที่สุดต้องดูหินให้เป็น ซึ่งเป็นศาสตร์บวกศิลปะ บอกเป็นหลักการตายตัวไม่ได้ ต้องอาศัยประสบการณ์หลายๆ ปี แต่พอจะแยกแยะได้ว่าต้องดูอะไรบ้าง 3 อย่างที่สำคัญ คือ รูปร่าง สี ลวดลาย หากจะให้เห็นชัดเจนต้องตัดหินออกมาเป็นชั้นๆ ก่อน สีของหินจะมีหลายสี เช่น ขาว น้ำตาล ฟ้า แดง ส้ม เหลือง ม่วง เขียว ลวดลายจะเป็นจินตนาการมากกว่า เช่น ภูเขา ลูกนัยน์ตา รูปร่างจะเป็นโดยธรรมชาติของหินเอง ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดรูปแบบของชิ้นงาน ส่วนสีที่หายาก ราคาแพง เช่น สีฟ้า สีส้มออกแดง หรือที่เรียกว่าแก้วขนเหล็ก สีลูกนัยน์ตานกฮูก หินสองสีนี้ถ้านำมาทำเครื่องประดับจะราคาแพงกว่าสีอื่นๆ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของเครื่องประดับด้วย
สำหรับขั้นตอนในการทำเครื่องประดับหินสี มี 4-5 ขั้นตอน โดยคุณวิเชียร อธิบายว่า ต้องเริ่มจากการนำหินสีก้อนมาตัดให้เห็นเนื้อหิน แล้วจึงเข้าสู่ขั้นตอนที่ 1 คือการออกแบบ ขั้นตอนนี้สำคัญมาก เพราะต้องใช้จินตนาการจากรูปร่างหิน สี ลวดลาย ออกแบบสิ่งประดิษฐ์ ขั้นที่ 2 การตัดเนื้อหินเป็นแผ่นหนา ซึ่งขนาดความหนาจะขึ้นอยู่กับสิ่งประดิษฐ์ เช่น จี้ กำไล สร้อยคอ ขั้นที่ 3 การโกน จะทำลักษณะเดียวกับการโกนพลอย คือ ขึ้นรูปเสร็จแล้วนำมาจี้กับหินโกน เพื่อทำให้รอยหยักเป็นคลื่นเรียบ ขั้นที่ 4 การตกแต่งให้เรียบ ใช้กระดาษทรายขัดหินให้ลื่น จากนั้นนำไปขัดเงาเป็นขั้นตอนสุดท้าย การปัดเงาใช้กระดาษทรายอย่างหยาบและละเอียดผสมกับหินเฟอร์ที่เป็นผงขัดเงาช่วยให้เงางามยิ่งขึ้น เสร็จแล้วขัดด้วยผ้าสักหลาดอีกครั้งเป็นอันเสร็จเรียบร้อย
"ขั้นตอนการออกแบบถือว่าเป็นสุดยอด หากคิดได้เร็วจะทำได้เร็ว รูปร่างของหิน สีสัน ลวดลายจะเป็นตัวกำหนดจินตนาการของเราโดยอัตโนมัติ เพราะภาพบางอย่างมองเห็นไปเอง เช่น ภูเขา วิว งานบางอย่างจะเป็นงานชิ้นเดียวในโลกก็ว่าได้ เพราะหินไม่มีลวดลายที่เหมือนกัน ตรงนี้เองที่ทำให้ลูกค้าพอใจ เพราะไม่เหมือนใคร ไม่มีขายในท้องตลาด ตอนนี้เราประดิษฐ์เครื่องประดับประมาณ 10 อย่าง ลวดลาย สีแต่ละอย่างไม่เหมือนกัน เช่น จี้ สร้อยคอ กำไล หัวแหวน หัวเข็มขัด เลสข้อมือ ต่างหู ล่าสุดมีงานแกะสลักภาพนูนต่ำรูป รัชกาลที่ 5 เจ้าแม่กวนอิม ซึ่งต้องมีการออกแบบพัฒนาไปเรื่อยๆ มีทั้งที่คิดเอง และที่ลูกค้านำหนังสือทั้งไทยและต่างประเทศมาให้ดู" คุณวิเชียร กล่าวด้วยความภูมิใจ
ตลาดในประเทศไปได้ดี
แต่ต่างประเทศมีข้อจำกัด
คุณวิเชียร เล่าอีกว่า ตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นมา ลูกค้าให้ความนิยมหินสีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตลาดเป็นที่น่าพอใจ เพราะทำกันระบบครอบครัว สมาชิก 5 คน คือ พ่อ แม่ ลูกสาว 1 คน ลูกชาย 1 คน และลูกสะใภ้ 1 คน งานที่ผลิตไม่มากนักจึงไม่ได้ทำการเผยแพร่อย่างจริงจัง เคยรับลูกค้าแบบกลุ่มทัวร์อยู่ระยะหนึ่ง แต่มีปัญหาเรื่องสถานที่รับรองคับแคบและคนบริการ ต่อมาจึงยกเลิกให้เป็นการเข้ามาของลูกค้าตามปกติ ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าที่มาจากกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดในจันทบุรีมีน้อย สำหรับตลาดต่างประเทศมีลูกค้าซื้อไปขายต่อเองที่อเมริกาแต่เล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ตลาดต่างประเทศไม่คิดจะทำเพราะมีข้อจำกัดที่สินค้าเราเป็นสินค้าแฮนด์เมด
"ในการผลิตชิ้นงานระบบครอบครัว ผมออกแบบ คุณตุ้มขึ้นแบบสร้อย ทำกำไลข้อมือ ลูกชายเข้าห่วง ลูกสาวกับลูกสะใภ้ 2 คน ถักสายสร้อย สายกำไล บางอย่างเราต้องส่งโรงงานไปทำเพราะไม่มีเครื่องมือ เช่น การตัดแผ่นหิน การเจาะห่วง ทำกันจริงๆ แล้วอย่างจี้ วันหนึ่ง คนหนึ่งตก 3-4 อัน เรื่องราคาหินสีเมื่อ 10 กว่าปี ราคาไม่เปลี่ยนแปลง บางอย่างจะถูกลงเพราะเราไม่เอาเปรียบลูกค้า อย่างปล้องอ้อยที่ใช้ทำสร้อยเมื่อก่อนค่าเจียระไนแพง ตกแท่งละ 130 บาท ปัจจุบันแท่งละ 30-40 บาท เพราะเครื่องมือทำได้สะดวกขึ้น ราคาเราจะปรับลดลงมาด้วย ทุกวันนี้ครอบครัวอยู่ได้ด้วยอาชีพนี้ รายได้จะอยู่ที่กำไรสุทธิของแต่ละชิ้นงานประมาณ 30% ราคาหินสีเครื่องประดับที่ขาย อย่างจี้ มีราคาตั้งแต่ 100-700 บาท กำไล ราคา 2,500-8,000 บาท สร้อยลูกปัดทวารวดี ราคา 2,500-10,000 บาท สร้อยสังวาล ราคา 5,000-10,000 บาท ราคาขึ้นอยู่กับแบบ ขนาด ลวดลาย สี" คุณวิเชียร กล่าวในตอนท้าย
สำหรับแผนงานในอนาคต คุณวิเชียร บอกว่า ต้องการถ่ายทอดอาชีพความรู้ให้กับอนุชนรุ่นหลัง ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่ต้องเรียนรู้และสร้างสมมาเอง โดยใช้เวลากับประสบการณ์ร่วม 15-16 ปีทีเดียว โดยไม่เจาะจงว่าต้องเป็นลูกหลานเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม อาชีพนี้คุณวิเชียรและคุณตุ้มสรุปว่า ต้องขึ้นอยู่กับ "ใจรัก มีศิลปะ ตั้งใจจริง"
หากสนใจเลือกซื้อ หรือศึกษาความสวยงาม ความแปลกของหินสีล้านปี เดินทางมาจันทบุรี ตามเส้นทางถนนสุขุมวิท หรือถนนหมายเลข 3 ช่วงที่จะเข้าเขตจังหวัดตราด หาไม่ยากเพราะมีป้ายหินสีล้านปีให้เห็น ลองสอบถามที่เบอร์โทรศัพท์ของคุณวิเชียรและคุณตุ้ม โทร. (01) 945-2223 หรือ (06) 311-5266 รับรองไม่หลงทางแน่นอน...แต่หลงใหลในหินสีนั้น อาจจะไม่แน่ก็เป็นได้!
--กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม--
-พห-
และความเป็นมาของหินดังกล่าวเป็นที่มาของ "หินสีล้านปี" ที่วันนี้มีผู้คิดค้นสร้างสรรค์นำมาประดิษฐ์เป็นเครื่องประดับ เครื่องตกแต่งเพิ่มมูลค่าก่อให้เกิดรายได้ชนิดเป็นอาชีพหลักของสมาชิกในครอบครัว 4-5 คน ได้อย่างสบายๆ
จากโบรกเกอร์เดินพลอย
สร้างอาชีพใหม่ประดิษฐ์เครื่องประดับ
คุณวิเชียร และ คุณเยาวนารถ อินทรประเสริฐ สองสามีภรรยา วัย 50 ปีเศษ อยู่บ้านเลขที่ 415/25-26 หมู่ 14 ตำบลคลองนารายณ์ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี โดยคุณวิเชียร เล่าให้ฟังว่า เดิมทีเมื่อ 30 กว่าปีก่อน มีอาชีพเดินซื้อขายพลอยหรือโบรกเกอร์ในตลาดพลอย ที่บ้านนาวงศ์ อำเภอบ่อไร่ จังหวัดตราด ต่อมาแต่งงานกับคุณเยาวนารถ หรือ "คุณตุ้ม" ที่มีอาชีพเป็นช่างเจียระไนพลอย กระทั่งปี 2531 พลอยที่บ้านาวงศ์ หมดตลาด จึงได้ย้ายไปซื้อต่อที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ระหว่างนี้เองเห็นว่าอาชีพเดินพลอยได้ถึงทางตันเพราะมีการแข่งขันกันสูง ใช้ต้นทุนมาก บางครั้งไม่มีกำไรเลยแถมขาดทุนด้วย ระยะหลังพกเงินออกจากบ้านไปทำทุน 10,000-20,000 บาท บางครั้งกลับบ้านมือเปล่า จึงคิดมองหาอาชีพใหม่ที่ทำให้ครอบครัวอยู่รอด
คุณวิเชียร เล่าให้ฟังต่อว่า ช่วงเวลาเดินทางไปแวะเยี่ยมเยียนเพื่อนฝูงไปเรื่อยๆ เมื่อไปหาเพื่อนที่จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อนคุยให้ฟังเรื่องหินสีสวยๆ ที่พบตามทุ่งนา ที่ทำไร่ ที่เนิน ที่นำมาวางขายเป็นก้อนๆ แถบจังหวัดชัยภูมิ ตำบลลำนารายณ์ จังหวัดลพบุรี จังหวัดศรีสะเกษ เป็นหินที่มาจากภูเขาไฟมีอายุเป็น 10,000 ปี 1,000,000 ปี ช่วงนี้เองฉุกคิดขึ้นมาว่าน่าจะนำไปเจียระไนเป็นเครื่องประดับที่สวยงามแบบพลอยได้
"อาชีพซื้อขายพลอยต้องเดินทางไม่อยู่กับที่ ใช้ทุนสูง กำไรยาก จึงคิดว่าน่าจะลองหาอาชีพใหม่ที่ทำอยู่กับที่ น่าจะเป็นความพอเหมาะพอดีที่เคยอยู่ในวงการพลอย ดูพลอยเป็น สีไหนสวยไม่สวย แม่บ้านเป็นช่างเจียระไนพลอย คิดว่าถ้าเราเอาความรู้มาประยุกต์เป็นอาชีพใหม่น่าจะเรียนรู้ได้ไม่ยาก โดยนำหินสีมาประดิษฐ์ตกแต่งในลักษณะเดียวกับอัญมณี พลอยต่างๆ น่าจะเป็นเครื่องประดับที่สวยงามได้ แม้ว่าคุณค่าไม่เท่าอัญมณีอย่างพลอย เพชร แต่มีความแปลกตา มีเอกลักษณ์สวยงามไม่เหมือนใคร จึงได้คิดทดลองทำเอาไปให้เพื่อนดูบอกสวยแต่ไม่ยอมรับในคุณค่าของงานหาว่าผมเป็นคนคิดแปลกๆ" คุณวิเชียร เล่าที่มาของหินสีสร้างอาชีพใหม่
เริ่มต้นจากเงินทุนก็ยืม 50,000 บาท
ใช้เวลา 8 ปี สร้างชิ้นงานให้เป็นที่ยอมรับ
คุณวิเชียรและคุณตุ้ม เล่าอีกว่า เมื่อหลงใหลในความสวยงามของหินสีต่างๆ แล้ว ประมาณปี 2531 จึงได้ทดลองซื้อหินจากจังหวัดชัยภูมิมาประดิษฐ์เป็นเครื่องประดับ เริ่มจากหินก้อนตกแต่งกับแก่นไม้ที่เป็นไม้ค้างพริกไทย เป็นหินก้อนใช้ประดับบ้าน ตกแต่งโต๊ะทำงาน วางโชว์ พอขายได้บ้าง จากนั้นทำเป็นหลังเบี้ย หัวแหวน และเปิดตัวจำหน่ายผลผลิตชิ้นงานในปี 2538 ในงานประจำปีของจังหวัดจันทบุรี แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ตลาดไม่ยอมรับเพราะไปเปรียบเทียบมูลค่ากับอัญมณี และมองเห็นว่าพลอยมีคุณค่ามากกว่า
"จริงๆ แล้วเราคิดว่า 100 คน สนใจงานเรา 1 คน ก็พอใจแล้ว ที่ร้ายกว่านั้นมองว่าเป็นพลาสติคสังเคราะห์ ที่เรียกว่าเรซิ่นเสียอีก ซึ่งแทบไม่มีค่าอะไรเลย แต่ไม่ได้ท้อถอยหรือละความพยายามกลับคิดออกแบบใหม่เพิ่มขึ้น หวังจะให้โดนใจลูกค้า มีรูปแบบปล้องอ้อยที่มาทำสร้อยคอแบบโกเมน ครั้งนี้ลูกค้าเริ่มให้ความสนใจและมีการบอกต่อ ประมาณปี 2542 ตลาดเริ่มดีขึ้นทำให้มีกำลังใจคิดพัฒนารูปแบบต่างๆ เพิ่มขึ้น เช่น จี้ หัวเข็มขัด กำไล สร้อยข้อมือ" คุณวิเชียร ย้อนอดีตเมื่อครั้งเริ่มต้นอาชีพใหม่
คุณวิเชียร เล่าต่ออีกว่า เริ่มด้วยทุนเพียง 50,000 บาท เป็นการซื้อหาเครื่องมือเท่าที่จำเป็นราคาไม่แพง เช่น เครื่องขัดหิน เครื่องตัดหิน จากนั้นจึงไปซื้อหินมาในราคาต่างๆ กัน 100 บาท 1,000 บาท 30,000-50,000 บาท มีเงินเท่าไรซื้อเท่านั้น กระทั่งปี 2545 ได้รับการสนับสนุนให้เป็นเป็นสินค้า OTOP ระดับ 4 ดาว แต่ตอนนี้ไม่ได้เข้าเป็นสินค้า OTOP แล้ว เพราะทางคณะกรรมการเห็นว่างานลักษณะนี้เครื่องประดับอัญมณีมีมาตรฐานได้รับการยอมรับกว้างขวางกว่า แต่ทางเราไม่ได้ยึดติดอะไรยังคงผลิตงานออกมาเรื่อยๆ จำหน่ายให้กับลูกค้าที่มาซื้อที่บ้าน
ต้องดูหินเป็น...
จินตนาการ คือหัวใจของงาน
คุณวิเชียร เล่าอีกว่า การประดิษฐ์เครื่องประดับหินสีนี้ สำคัญที่สุดต้องดูหินให้เป็น ซึ่งเป็นศาสตร์บวกศิลปะ บอกเป็นหลักการตายตัวไม่ได้ ต้องอาศัยประสบการณ์หลายๆ ปี แต่พอจะแยกแยะได้ว่าต้องดูอะไรบ้าง 3 อย่างที่สำคัญ คือ รูปร่าง สี ลวดลาย หากจะให้เห็นชัดเจนต้องตัดหินออกมาเป็นชั้นๆ ก่อน สีของหินจะมีหลายสี เช่น ขาว น้ำตาล ฟ้า แดง ส้ม เหลือง ม่วง เขียว ลวดลายจะเป็นจินตนาการมากกว่า เช่น ภูเขา ลูกนัยน์ตา รูปร่างจะเป็นโดยธรรมชาติของหินเอง ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดรูปแบบของชิ้นงาน ส่วนสีที่หายาก ราคาแพง เช่น สีฟ้า สีส้มออกแดง หรือที่เรียกว่าแก้วขนเหล็ก สีลูกนัยน์ตานกฮูก หินสองสีนี้ถ้านำมาทำเครื่องประดับจะราคาแพงกว่าสีอื่นๆ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของเครื่องประดับด้วย
สำหรับขั้นตอนในการทำเครื่องประดับหินสี มี 4-5 ขั้นตอน โดยคุณวิเชียร อธิบายว่า ต้องเริ่มจากการนำหินสีก้อนมาตัดให้เห็นเนื้อหิน แล้วจึงเข้าสู่ขั้นตอนที่ 1 คือการออกแบบ ขั้นตอนนี้สำคัญมาก เพราะต้องใช้จินตนาการจากรูปร่างหิน สี ลวดลาย ออกแบบสิ่งประดิษฐ์ ขั้นที่ 2 การตัดเนื้อหินเป็นแผ่นหนา ซึ่งขนาดความหนาจะขึ้นอยู่กับสิ่งประดิษฐ์ เช่น จี้ กำไล สร้อยคอ ขั้นที่ 3 การโกน จะทำลักษณะเดียวกับการโกนพลอย คือ ขึ้นรูปเสร็จแล้วนำมาจี้กับหินโกน เพื่อทำให้รอยหยักเป็นคลื่นเรียบ ขั้นที่ 4 การตกแต่งให้เรียบ ใช้กระดาษทรายขัดหินให้ลื่น จากนั้นนำไปขัดเงาเป็นขั้นตอนสุดท้าย การปัดเงาใช้กระดาษทรายอย่างหยาบและละเอียดผสมกับหินเฟอร์ที่เป็นผงขัดเงาช่วยให้เงางามยิ่งขึ้น เสร็จแล้วขัดด้วยผ้าสักหลาดอีกครั้งเป็นอันเสร็จเรียบร้อย
"ขั้นตอนการออกแบบถือว่าเป็นสุดยอด หากคิดได้เร็วจะทำได้เร็ว รูปร่างของหิน สีสัน ลวดลายจะเป็นตัวกำหนดจินตนาการของเราโดยอัตโนมัติ เพราะภาพบางอย่างมองเห็นไปเอง เช่น ภูเขา วิว งานบางอย่างจะเป็นงานชิ้นเดียวในโลกก็ว่าได้ เพราะหินไม่มีลวดลายที่เหมือนกัน ตรงนี้เองที่ทำให้ลูกค้าพอใจ เพราะไม่เหมือนใคร ไม่มีขายในท้องตลาด ตอนนี้เราประดิษฐ์เครื่องประดับประมาณ 10 อย่าง ลวดลาย สีแต่ละอย่างไม่เหมือนกัน เช่น จี้ สร้อยคอ กำไล หัวแหวน หัวเข็มขัด เลสข้อมือ ต่างหู ล่าสุดมีงานแกะสลักภาพนูนต่ำรูป รัชกาลที่ 5 เจ้าแม่กวนอิม ซึ่งต้องมีการออกแบบพัฒนาไปเรื่อยๆ มีทั้งที่คิดเอง และที่ลูกค้านำหนังสือทั้งไทยและต่างประเทศมาให้ดู" คุณวิเชียร กล่าวด้วยความภูมิใจ
ตลาดในประเทศไปได้ดี
แต่ต่างประเทศมีข้อจำกัด
คุณวิเชียร เล่าอีกว่า ตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นมา ลูกค้าให้ความนิยมหินสีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตลาดเป็นที่น่าพอใจ เพราะทำกันระบบครอบครัว สมาชิก 5 คน คือ พ่อ แม่ ลูกสาว 1 คน ลูกชาย 1 คน และลูกสะใภ้ 1 คน งานที่ผลิตไม่มากนักจึงไม่ได้ทำการเผยแพร่อย่างจริงจัง เคยรับลูกค้าแบบกลุ่มทัวร์อยู่ระยะหนึ่ง แต่มีปัญหาเรื่องสถานที่รับรองคับแคบและคนบริการ ต่อมาจึงยกเลิกให้เป็นการเข้ามาของลูกค้าตามปกติ ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าที่มาจากกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดในจันทบุรีมีน้อย สำหรับตลาดต่างประเทศมีลูกค้าซื้อไปขายต่อเองที่อเมริกาแต่เล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ตลาดต่างประเทศไม่คิดจะทำเพราะมีข้อจำกัดที่สินค้าเราเป็นสินค้าแฮนด์เมด
"ในการผลิตชิ้นงานระบบครอบครัว ผมออกแบบ คุณตุ้มขึ้นแบบสร้อย ทำกำไลข้อมือ ลูกชายเข้าห่วง ลูกสาวกับลูกสะใภ้ 2 คน ถักสายสร้อย สายกำไล บางอย่างเราต้องส่งโรงงานไปทำเพราะไม่มีเครื่องมือ เช่น การตัดแผ่นหิน การเจาะห่วง ทำกันจริงๆ แล้วอย่างจี้ วันหนึ่ง คนหนึ่งตก 3-4 อัน เรื่องราคาหินสีเมื่อ 10 กว่าปี ราคาไม่เปลี่ยนแปลง บางอย่างจะถูกลงเพราะเราไม่เอาเปรียบลูกค้า อย่างปล้องอ้อยที่ใช้ทำสร้อยเมื่อก่อนค่าเจียระไนแพง ตกแท่งละ 130 บาท ปัจจุบันแท่งละ 30-40 บาท เพราะเครื่องมือทำได้สะดวกขึ้น ราคาเราจะปรับลดลงมาด้วย ทุกวันนี้ครอบครัวอยู่ได้ด้วยอาชีพนี้ รายได้จะอยู่ที่กำไรสุทธิของแต่ละชิ้นงานประมาณ 30% ราคาหินสีเครื่องประดับที่ขาย อย่างจี้ มีราคาตั้งแต่ 100-700 บาท กำไล ราคา 2,500-8,000 บาท สร้อยลูกปัดทวารวดี ราคา 2,500-10,000 บาท สร้อยสังวาล ราคา 5,000-10,000 บาท ราคาขึ้นอยู่กับแบบ ขนาด ลวดลาย สี" คุณวิเชียร กล่าวในตอนท้าย
สำหรับแผนงานในอนาคต คุณวิเชียร บอกว่า ต้องการถ่ายทอดอาชีพความรู้ให้กับอนุชนรุ่นหลัง ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่ต้องเรียนรู้และสร้างสมมาเอง โดยใช้เวลากับประสบการณ์ร่วม 15-16 ปีทีเดียว โดยไม่เจาะจงว่าต้องเป็นลูกหลานเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม อาชีพนี้คุณวิเชียรและคุณตุ้มสรุปว่า ต้องขึ้นอยู่กับ "ใจรัก มีศิลปะ ตั้งใจจริง"
หากสนใจเลือกซื้อ หรือศึกษาความสวยงาม ความแปลกของหินสีล้านปี เดินทางมาจันทบุรี ตามเส้นทางถนนสุขุมวิท หรือถนนหมายเลข 3 ช่วงที่จะเข้าเขตจังหวัดตราด หาไม่ยากเพราะมีป้ายหินสีล้านปีให้เห็น ลองสอบถามที่เบอร์โทรศัพท์ของคุณวิเชียรและคุณตุ้ม โทร. (01) 945-2223 หรือ (06) 311-5266 รับรองไม่หลงทางแน่นอน...แต่หลงใหลในหินสีนั้น อาจจะไม่แน่ก็เป็นได้!
--กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม--
-พห-