ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน ม.ค.49 ปรับลดลงครั้งแรกในรอบ 5 เดือน คณบดีคณะ
เศรษฐศาสตร์ ม.หอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ม.ค.49 ปรับลดลงครั้งแรกในรอบ
5 เดือน โดยดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมเท่ากับ 82.0 ลดลงจากเดือน ธ.ค.ซึ่งอยู่ที่ 83.6 ดัชนี
ความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำเท่ากับ 80.8 ลดลงจากเดือน ธ.ค.ซึ่งอยู่ที่ 82.1 และดัชนีความ
เชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตเท่ากับ 98.5 ลดลงจากเดือน ธ.ค.ซึ่งอยู่ที่ 100.4 ปัจจัยที่มีผลกระทบด้านลบ
ปัจจัยแรกที่ผู้ตอบแบบสอบถามให้ความกังวลสูงสุดถึงร้อยละ 80 คือ ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ ที่เดือน ม.ค.
ปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1.20 บาทต่อลิตร แต่ปัจจัยลบใหม่ที่ผู้ตอบแบบสอบถามแสดงความกังวล คือ ความวิตกต่อ
เสถียรภาพทางการเมืองที่ส่งผลกระทบทางจิตวิทยา นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยความกังวลเกี่ยวกับปัญหาค่าครองชีพ
ราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น ปัจจัยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตร (อาร์/พี) 14 วันอีกร้อยละ
0.25 และปัจจัยความไม่สงบในภาคใต้ (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, เดลินิวส์, บ้านเมือง, มติชน, สยามรัฐ,
แนวหน้า, ข่าวสด)
2. คณะกรรมการ ตลท.มีมติให้ปรับปรุงข้อปฏิบัติในการกำกับดูแลกิจการ รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์
แห่งประเทศไทย(ตลท.)ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการ ตลท.เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ตลท.มีมติให้
ปรับปรุงข้อปฏิบัติในการกำกับดูแลกิจการที่ดีจากหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี 15 ข้อที่ใช้มาตั้งแต่ปี 45 เพื่อให้
สอดคล้องกับหลักการที่เสนอโดยองค์การพัฒนาและความร่วมมือทางเศรษฐกิจ (OECD) ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล
ด้านการกำกับดูแลกิจการ และข้อสังเกตของธนาคารโลก ที่ให้ไว้ในการเข้าร่วมโครงการประเมินผลการปฏิบัติตาม
มาตรฐานสากล ด้านการกำกับดูแลกิจการของประเทศไทย (CG ROSC) เพื่อยกระดับให้การกำกับดูแลกิจการของ
บจ.เป็นไปตามหลักสากลมากขึ้น (โลกวันนี้)
3. เรคกูเรเตอร์เลื่อนประกาศค่าเอฟทีรอบเดือน ก.พ.-พ.ค.เป็นวันที่ 14 ก.พ.49 ประธาน
คณะกรรมการกำกับกิจการไฟฟ้า (เรคกูเรเตอร์) เปิดเผยว่า เรคกูเรเตอร์ได้เลื่อนประกาศค่าไฟฟ้าผันแปร
อัตโนมัติ (เอฟที) รอบเดือน ก.พ.-พ.ค.นี้ ออกไปเป็นวันที่ 14 ก.พ.แทน เนื่องจากจำเป็นต้องมีการตรวจ
สอบตัวเลขของการคำนวณค่าเอฟทีให้รอบคอบที่สุด ทั้งนี้ ในเบื้องต้น คณะอนุกรรมการกรรมการกำกับดูแลค่าไฟฟ้า
และบริการ ได้นำเสนอการปรับเอฟทีขึ้นอีกประมาณ 19.01 สตางค์/หน่วย แต่หากจะมีการปรับตามอัตราที่มีการ
เสนอต้องมีข้อมูลและรายละเอียดให้ชัดเจน นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาถึงแนวทางการเข้าไปช่วยเหลือผู้ใช้ไฟ
รายย่อย ที่มีปริมาณการใช้ไฟฟ้าตั้งแต่ 0-150 หน่วย/เดือน เพราะเมื่อมีการประกาศตัวเลขเอฟทีแล้ว กลุ่มผู้ใช้
ดังกล่าวจะจ่ายไม่เต็มจำนวน เพื่อช่วยไม่ให้ได้รับผลกระทบมากเกินไป (โลกวันนี้, เดลินิวส์, สยามรัฐ, แนวหน้า
,ข่าวสด)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ธ.กลางอังกฤษคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 4.5 ต่อปีเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกันในการ
ประชุมเมื่อวันที่ 9 ก.พ.49 รายงานจากลอนดอน เมื่อ 9 ก.พ.49 ธ.กลาง อังกฤษคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ไว้ที่ร้อยละ 4.5 ต่อปีเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกันในการประชุมเมื่อวันที่ 9 ก.พ.49 ที่ผ่านมา ตรงกับที่ผลสำรวจ
ความเห็นของนักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์คาดไว้ แต่นักวิเคราะห์มีความเห็นแตกต่างกันเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย
ในอนาคต โดยพวกที่คาดว่า ธ.กลางอังกฤษจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไปอ้างตลาดบ้านและการ
ใช้จ่ายของผู้บริโภคที่มีทิศทางที่ดีขึ้น โดยราคาบ้านในอังกฤษมีราคาสูงขึ้นร้อยละ 1.4 ในเดือน ม.ค.49 เช่น
เดียวกับยอดเงินกู้เพื่อซื้อบ้านที่ได้รับอนุมัติแล้วที่เพิ่มขึ้น ส่วนพวกที่คาดว่า ธ.กลางอังกฤษจะลดอัตราดอกเบี้ยให้
เหตุผลว่าในขณะที่รายได้จากค่าแรงไม่ได้เพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน เช่น ค่าน้ำมัน และค่าไฟฟ้า กลับทำให้
ผู้บริโภคมีเงินเหลือในกระเป๋าเพื่อใช้จ่ายน้อยลง อย่างไรก็ดีคาดว่าทั้งนักวิเคราะห์และ ธ.กลางอังกฤษกำลังรอ
ดูรายงานอัตราเงินเฟ้อและอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจรายไตรมาสของ ธ.กลางอังกฤษที่จะออกมาในสัปดาห์
หน้าซึ่งจะช่วยบอกได้ว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยจะไปในทิศทางใด (รอยเตอร์)
2. ดัชนีราคาขายส่งของญี่ปุ่นในเดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 16 ปีรายงานจากโตเกียวเมื่อ
10 ก.พ.49 ธ.กลางญี่ปุ่นเปิดเผยว่า The corporate goods price index (CGPI) ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัด
แนวโน้มราคาขายส่งสินค้า ในเดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 เทียบต่อปี เป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ
16 ปีนับตั้งแต่เดือน มี.ค.33 และสูงกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 ขณะ
ที่เมื่อเทียบต่อเดือน CGPI เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ
0.1 สาเหตุจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันและราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่าการเพิ่มขึ้น
ของ CGPI เป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการกำลังเริ่มส่งผ่านต้นทุนราคาสินค้าให้กับผู้บริโภคเพิ่มขึ้น
เนื่องจากเห็นว่าการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจทำให้ผู้บริโภคมีความสามารถในการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ประกอบกับต้น
ทุนการนำเข้าวัตถุดิบสำหรับผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น (รอยเตอร์)
3. เกาหลีใต้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 5 เดือน รายงานจากโซล เมื่อ
วันที่ 9 ก.พ. 49 ธ.กลางเกาหลีใต้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25 เป็นร้อยละ 4.0 เมื่อวานนี้
อยู่ในระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค. 46 เพื่อสกัดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจากการที่เศรษฐกิจฟื้นตัว รวมทั้งความ
วิตกเกี่ยวกับการแข็งค่าของเงินวอน และผลกระทบจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม นาย Park Seung
ผวก. ธ.กลางเกาหลีใต้ชี้ว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะไม่ปรับเพิ่มขึ้นอีกในระยะนี้ ส่งผลให้ราคาพันธบัตรเพิ่มขึ้น
อย่างมาก ทั้งนี้ ผวก. ธ.กลาง กล่าวว่าต้องรักษาระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้อยู่ในระดับต่ำในปีนี้ เพื่อที่จะ
สนับสนุนให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ ทั้งนี้การปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายดังกล่าวอยู่บนพื้นฐานของ
ดัชนีการบริโภคที่ฟื้นตัว ในขณะที่เศรษฐกรจาก CJ Investment & Securities กล่าวเสริมว่า ช่วงห่าง
ระหว่างอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสรอ. กับเกาหลีใต้ และราคาบ้านก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ที่ทางการต้องคำนึงถึง
ในการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทั้งนี้คาดว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับเพิ่มอีกครั้งหนึ่งในปลาย
ไตรมาสที่ 2 ปีนี้ ซึ่งที่ผ่านมาในช่วงปี 46 และ 47 ธ. กลางเกาหลีใต้ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายมาแล้ว
4 ครั้ง เนื่องจากการใช้จ่ายบริโภคในภาคเอกชนซึ่งมีสัดส่วนถึงครึ่งหนึ่งของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP)
ลดลง หลังจากนั้นในเดือน ต.ค. และ ธ.ค. ปีที่แล้ว ได้ปรับเพิ่มขึ้นครั้งละร้อยละ 0.25 เนื่องจากการใช้จ่าย
บริโภคในประเทศฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากการขยายตัวของยอดค้าปลีก และภาคบริการ (รอยเตอร์)
4. คาดว่าอัตราเงินเฟ้อของจีนในเดือนม.ค. จะสูงเกินกว่าร้อยละ 2.0 รายงานจากปักกิ่ง เมื่อ
วันที่ 9 ก.พ. 49 สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของจีน (Consumer Price
Index - CPI) ซึ่งแสดงอัตราเงินเฟ้อในเดือน ม.ค. 49 อาจจะสูงกว่าร้อยละ 2.0 เนื่องจากมีการใช้จ่าย
บริโภคเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีน ทั้งนี้ที่ผ่านมานับตั้งแต่เดือน เม.ย. 48 CPI อยู่ในระดับ
ต่ำกว่าร้อยละ 2.0 โดยในเดือน พ.ย. และ ธ.ค. ปี 48 CPI อยู่ที่ร้อยละ 1.6 และร้อยละ 1.3 ตามลำดับ
(ตัวเลขเทียบต่อปี) ซึ่ง คาดว่าทางการจีนจะเผยแพร่ตัวเลข CPI ในวันที่ 20 ก.พ. นี้ ซึ่งจะมีการปรับตัวเลข
อ้างอิงในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทางการจีนกล่าวว่าจะปรับลดน้ำหนักของกลุ่มอาหารลง ในการคำนวณ CPI และ
เพิ่มน้ำหนักของภาคอสังหาริมทรัพย์ และภาคบริการใหม่ๆ อาทิ อินเตอร์เน็ต ซอฟท์แวร์การศึกษา และการบริหาร
จัดการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้สะท้อนถึงรูปแบบการบริโภคของภาคเอกชนได้ดีขึ้น (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 10 ก.พ. 49 9 ก.พ. 49 31 ม.ค. 48 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.644 38.557 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.44497/39.7352 38.3598/38.6471 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.3 2..1875 - 2.2000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 733.14/ 25.02 701.91/15.60 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,500/10,600 10,400/10,500 7,750/7,850 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 56.76 57 38.15 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์
เมื่อ 10 ก.พ. 49 26.44*/24.29 26.84/24.29 19.69/14.59 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน ม.ค.49 ปรับลดลงครั้งแรกในรอบ 5 เดือน คณบดีคณะ
เศรษฐศาสตร์ ม.หอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ม.ค.49 ปรับลดลงครั้งแรกในรอบ
5 เดือน โดยดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมเท่ากับ 82.0 ลดลงจากเดือน ธ.ค.ซึ่งอยู่ที่ 83.6 ดัชนี
ความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำเท่ากับ 80.8 ลดลงจากเดือน ธ.ค.ซึ่งอยู่ที่ 82.1 และดัชนีความ
เชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตเท่ากับ 98.5 ลดลงจากเดือน ธ.ค.ซึ่งอยู่ที่ 100.4 ปัจจัยที่มีผลกระทบด้านลบ
ปัจจัยแรกที่ผู้ตอบแบบสอบถามให้ความกังวลสูงสุดถึงร้อยละ 80 คือ ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ ที่เดือน ม.ค.
ปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1.20 บาทต่อลิตร แต่ปัจจัยลบใหม่ที่ผู้ตอบแบบสอบถามแสดงความกังวล คือ ความวิตกต่อ
เสถียรภาพทางการเมืองที่ส่งผลกระทบทางจิตวิทยา นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยความกังวลเกี่ยวกับปัญหาค่าครองชีพ
ราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น ปัจจัยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตร (อาร์/พี) 14 วันอีกร้อยละ
0.25 และปัจจัยความไม่สงบในภาคใต้ (กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, เดลินิวส์, บ้านเมือง, มติชน, สยามรัฐ,
แนวหน้า, ข่าวสด)
2. คณะกรรมการ ตลท.มีมติให้ปรับปรุงข้อปฏิบัติในการกำกับดูแลกิจการ รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์
แห่งประเทศไทย(ตลท.)ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการ ตลท.เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ตลท.มีมติให้
ปรับปรุงข้อปฏิบัติในการกำกับดูแลกิจการที่ดีจากหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี 15 ข้อที่ใช้มาตั้งแต่ปี 45 เพื่อให้
สอดคล้องกับหลักการที่เสนอโดยองค์การพัฒนาและความร่วมมือทางเศรษฐกิจ (OECD) ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล
ด้านการกำกับดูแลกิจการ และข้อสังเกตของธนาคารโลก ที่ให้ไว้ในการเข้าร่วมโครงการประเมินผลการปฏิบัติตาม
มาตรฐานสากล ด้านการกำกับดูแลกิจการของประเทศไทย (CG ROSC) เพื่อยกระดับให้การกำกับดูแลกิจการของ
บจ.เป็นไปตามหลักสากลมากขึ้น (โลกวันนี้)
3. เรคกูเรเตอร์เลื่อนประกาศค่าเอฟทีรอบเดือน ก.พ.-พ.ค.เป็นวันที่ 14 ก.พ.49 ประธาน
คณะกรรมการกำกับกิจการไฟฟ้า (เรคกูเรเตอร์) เปิดเผยว่า เรคกูเรเตอร์ได้เลื่อนประกาศค่าไฟฟ้าผันแปร
อัตโนมัติ (เอฟที) รอบเดือน ก.พ.-พ.ค.นี้ ออกไปเป็นวันที่ 14 ก.พ.แทน เนื่องจากจำเป็นต้องมีการตรวจ
สอบตัวเลขของการคำนวณค่าเอฟทีให้รอบคอบที่สุด ทั้งนี้ ในเบื้องต้น คณะอนุกรรมการกรรมการกำกับดูแลค่าไฟฟ้า
และบริการ ได้นำเสนอการปรับเอฟทีขึ้นอีกประมาณ 19.01 สตางค์/หน่วย แต่หากจะมีการปรับตามอัตราที่มีการ
เสนอต้องมีข้อมูลและรายละเอียดให้ชัดเจน นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาถึงแนวทางการเข้าไปช่วยเหลือผู้ใช้ไฟ
รายย่อย ที่มีปริมาณการใช้ไฟฟ้าตั้งแต่ 0-150 หน่วย/เดือน เพราะเมื่อมีการประกาศตัวเลขเอฟทีแล้ว กลุ่มผู้ใช้
ดังกล่าวจะจ่ายไม่เต็มจำนวน เพื่อช่วยไม่ให้ได้รับผลกระทบมากเกินไป (โลกวันนี้, เดลินิวส์, สยามรัฐ, แนวหน้า
,ข่าวสด)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ธ.กลางอังกฤษคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 4.5 ต่อปีเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกันในการ
ประชุมเมื่อวันที่ 9 ก.พ.49 รายงานจากลอนดอน เมื่อ 9 ก.พ.49 ธ.กลาง อังกฤษคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ไว้ที่ร้อยละ 4.5 ต่อปีเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกันในการประชุมเมื่อวันที่ 9 ก.พ.49 ที่ผ่านมา ตรงกับที่ผลสำรวจ
ความเห็นของนักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์คาดไว้ แต่นักวิเคราะห์มีความเห็นแตกต่างกันเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย
ในอนาคต โดยพวกที่คาดว่า ธ.กลางอังกฤษจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไปอ้างตลาดบ้านและการ
ใช้จ่ายของผู้บริโภคที่มีทิศทางที่ดีขึ้น โดยราคาบ้านในอังกฤษมีราคาสูงขึ้นร้อยละ 1.4 ในเดือน ม.ค.49 เช่น
เดียวกับยอดเงินกู้เพื่อซื้อบ้านที่ได้รับอนุมัติแล้วที่เพิ่มขึ้น ส่วนพวกที่คาดว่า ธ.กลางอังกฤษจะลดอัตราดอกเบี้ยให้
เหตุผลว่าในขณะที่รายได้จากค่าแรงไม่ได้เพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน เช่น ค่าน้ำมัน และค่าไฟฟ้า กลับทำให้
ผู้บริโภคมีเงินเหลือในกระเป๋าเพื่อใช้จ่ายน้อยลง อย่างไรก็ดีคาดว่าทั้งนักวิเคราะห์และ ธ.กลางอังกฤษกำลังรอ
ดูรายงานอัตราเงินเฟ้อและอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจรายไตรมาสของ ธ.กลางอังกฤษที่จะออกมาในสัปดาห์
หน้าซึ่งจะช่วยบอกได้ว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยจะไปในทิศทางใด (รอยเตอร์)
2. ดัชนีราคาขายส่งของญี่ปุ่นในเดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 16 ปีรายงานจากโตเกียวเมื่อ
10 ก.พ.49 ธ.กลางญี่ปุ่นเปิดเผยว่า The corporate goods price index (CGPI) ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัด
แนวโน้มราคาขายส่งสินค้า ในเดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 เทียบต่อปี เป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ
16 ปีนับตั้งแต่เดือน มี.ค.33 และสูงกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 ขณะ
ที่เมื่อเทียบต่อเดือน CGPI เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ
0.1 สาเหตุจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันและราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่าการเพิ่มขึ้น
ของ CGPI เป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการกำลังเริ่มส่งผ่านต้นทุนราคาสินค้าให้กับผู้บริโภคเพิ่มขึ้น
เนื่องจากเห็นว่าการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจทำให้ผู้บริโภคมีความสามารถในการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ประกอบกับต้น
ทุนการนำเข้าวัตถุดิบสำหรับผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น (รอยเตอร์)
3. เกาหลีใต้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 5 เดือน รายงานจากโซล เมื่อ
วันที่ 9 ก.พ. 49 ธ.กลางเกาหลีใต้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25 เป็นร้อยละ 4.0 เมื่อวานนี้
อยู่ในระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค. 46 เพื่อสกัดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจากการที่เศรษฐกิจฟื้นตัว รวมทั้งความ
วิตกเกี่ยวกับการแข็งค่าของเงินวอน และผลกระทบจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม นาย Park Seung
ผวก. ธ.กลางเกาหลีใต้ชี้ว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะไม่ปรับเพิ่มขึ้นอีกในระยะนี้ ส่งผลให้ราคาพันธบัตรเพิ่มขึ้น
อย่างมาก ทั้งนี้ ผวก. ธ.กลาง กล่าวว่าต้องรักษาระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้อยู่ในระดับต่ำในปีนี้ เพื่อที่จะ
สนับสนุนให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ ทั้งนี้การปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายดังกล่าวอยู่บนพื้นฐานของ
ดัชนีการบริโภคที่ฟื้นตัว ในขณะที่เศรษฐกรจาก CJ Investment & Securities กล่าวเสริมว่า ช่วงห่าง
ระหว่างอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสรอ. กับเกาหลีใต้ และราคาบ้านก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ที่ทางการต้องคำนึงถึง
ในการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทั้งนี้คาดว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับเพิ่มอีกครั้งหนึ่งในปลาย
ไตรมาสที่ 2 ปีนี้ ซึ่งที่ผ่านมาในช่วงปี 46 และ 47 ธ. กลางเกาหลีใต้ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายมาแล้ว
4 ครั้ง เนื่องจากการใช้จ่ายบริโภคในภาคเอกชนซึ่งมีสัดส่วนถึงครึ่งหนึ่งของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP)
ลดลง หลังจากนั้นในเดือน ต.ค. และ ธ.ค. ปีที่แล้ว ได้ปรับเพิ่มขึ้นครั้งละร้อยละ 0.25 เนื่องจากการใช้จ่าย
บริโภคในประเทศฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากการขยายตัวของยอดค้าปลีก และภาคบริการ (รอยเตอร์)
4. คาดว่าอัตราเงินเฟ้อของจีนในเดือนม.ค. จะสูงเกินกว่าร้อยละ 2.0 รายงานจากปักกิ่ง เมื่อ
วันที่ 9 ก.พ. 49 สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของจีน (Consumer Price
Index - CPI) ซึ่งแสดงอัตราเงินเฟ้อในเดือน ม.ค. 49 อาจจะสูงกว่าร้อยละ 2.0 เนื่องจากมีการใช้จ่าย
บริโภคเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีน ทั้งนี้ที่ผ่านมานับตั้งแต่เดือน เม.ย. 48 CPI อยู่ในระดับ
ต่ำกว่าร้อยละ 2.0 โดยในเดือน พ.ย. และ ธ.ค. ปี 48 CPI อยู่ที่ร้อยละ 1.6 และร้อยละ 1.3 ตามลำดับ
(ตัวเลขเทียบต่อปี) ซึ่ง คาดว่าทางการจีนจะเผยแพร่ตัวเลข CPI ในวันที่ 20 ก.พ. นี้ ซึ่งจะมีการปรับตัวเลข
อ้างอิงในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทางการจีนกล่าวว่าจะปรับลดน้ำหนักของกลุ่มอาหารลง ในการคำนวณ CPI และ
เพิ่มน้ำหนักของภาคอสังหาริมทรัพย์ และภาคบริการใหม่ๆ อาทิ อินเตอร์เน็ต ซอฟท์แวร์การศึกษา และการบริหาร
จัดการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้สะท้อนถึงรูปแบบการบริโภคของภาคเอกชนได้ดีขึ้น (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 10 ก.พ. 49 9 ก.พ. 49 31 ม.ค. 48 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.644 38.557 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 39.44497/39.7352 38.3598/38.6471 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.3 2..1875 - 2.2000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 733.14/ 25.02 701.91/15.60 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,500/10,600 10,400/10,500 7,750/7,850 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 56.76 57 38.15 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์
เมื่อ 10 ก.พ. 49 26.44*/24.29 26.84/24.29 19.69/14.59 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--