สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
สัปดาห์นี้ราคาที่เกษตรกรขายได้ปรับตัวลดลงเล็กน้อย เนื่องจากภาวะตลาดซบเซา ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเกิดจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยต่อการคมนาคม และสัตว์น้ำธรรมชาติ ออกสู่ตลาดมาก รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและมีสินค้าที่ค้างสต๊อกในห้องเย็นจำนวนมาก แนวโน้ม คาดว่าราคาจะอ่อนตัวลงอีก
สมาคมผู้ผลิตและผู้เลี้ยงไก่ กล่าวถึงแนวทางการเจรจาขอคงระบบการนำเข้าวิธีเดิม ขอให้สหภาพยุโรป (EU) จัดสรรโควตาให้ไม่น้อยกว่า 200,000 ตัน/ปี และปีถัดไปเพิ่มโควตาให้ไม่น้อยกว่า 20% ของโควตาปีที่ผ่านมา ซึ่งระบบการนำเข้าแบบใหม่ของอียู ทำให้ผู้ส่งออกไทยเสียเปรียบ เพราะถูกจำกัดในเรื่องโควตา หากการส่งออกที่เกินโควตาอัตราภาษีจะสูงมาก ผู้ส่งออกไก่จึงต้องการให้อียูใช้การนำเข้าเดิม แต่คงเป็นได้ยาก ขณะนี้ผู้ส่งออกมีความวิตกกังวลว่าหากอียูกำหนดโควตารวมทุกประเทศ จะทำให้เกิดการแข่งขันกันเร่งส่งออกทั้งระดับประเทศ และผู้ส่งออกไทยด้วยกัน เพราะต่างคนต่างต้องการส่งออกภายใต้อัตราภาษีที่ต่ำ เพราะเมื่อเกินโควตาภาษีจะสูง ซึ่งจะทำให้ผู้ซื้อฉวยโอกาสกดราคานำเข้าได้ ผลกระทบที่เกิดขึ้น คือ ผู้ส่งออกรายย่อยแข่งขันไม่ได้ ทั้งนี้ผลการเจรจาของทั้งสองประเทศจะเกิดขึ้นในช่วงเดือน ก.ย. ที่จะถึงนี้ ส่วนการชดเชยที่อียูจะให้กับประเทศไทย จะอยู่ในรูปของการให้โควตาการส่งออกสินค้าจำพวกของทะเลหรือสินค้าอื่นๆ มากขึ้น
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 29.29 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 30.19 บาท ของสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 2.18 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือไม่มีรายงาน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 34.00 บาท ภาคกลางกิโลกรัมละ 23.79 บาท และภาคใต้กิโลกรัมละ 29.86 บาท ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ตัวละ 4.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตในตลาดกรุงเทพฯ จากกรมการค้าภายในเฉลี่ยกิโลกรัมละ 21.50 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 25.50 บาท ของสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 15.69 และราคาขายส่งไก่สดกิโลกรัมละ 31.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 32.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 3.13
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ฉบับที่ 34 ประจำวันที่ 28 สิงหาคม - 3 กันยายน 2549--
-พห-
สัปดาห์นี้ราคาที่เกษตรกรขายได้ปรับตัวลดลงเล็กน้อย เนื่องจากภาวะตลาดซบเซา ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเกิดจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยต่อการคมนาคม และสัตว์น้ำธรรมชาติ ออกสู่ตลาดมาก รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและมีสินค้าที่ค้างสต๊อกในห้องเย็นจำนวนมาก แนวโน้ม คาดว่าราคาจะอ่อนตัวลงอีก
สมาคมผู้ผลิตและผู้เลี้ยงไก่ กล่าวถึงแนวทางการเจรจาขอคงระบบการนำเข้าวิธีเดิม ขอให้สหภาพยุโรป (EU) จัดสรรโควตาให้ไม่น้อยกว่า 200,000 ตัน/ปี และปีถัดไปเพิ่มโควตาให้ไม่น้อยกว่า 20% ของโควตาปีที่ผ่านมา ซึ่งระบบการนำเข้าแบบใหม่ของอียู ทำให้ผู้ส่งออกไทยเสียเปรียบ เพราะถูกจำกัดในเรื่องโควตา หากการส่งออกที่เกินโควตาอัตราภาษีจะสูงมาก ผู้ส่งออกไก่จึงต้องการให้อียูใช้การนำเข้าเดิม แต่คงเป็นได้ยาก ขณะนี้ผู้ส่งออกมีความวิตกกังวลว่าหากอียูกำหนดโควตารวมทุกประเทศ จะทำให้เกิดการแข่งขันกันเร่งส่งออกทั้งระดับประเทศ และผู้ส่งออกไทยด้วยกัน เพราะต่างคนต่างต้องการส่งออกภายใต้อัตราภาษีที่ต่ำ เพราะเมื่อเกินโควตาภาษีจะสูง ซึ่งจะทำให้ผู้ซื้อฉวยโอกาสกดราคานำเข้าได้ ผลกระทบที่เกิดขึ้น คือ ผู้ส่งออกรายย่อยแข่งขันไม่ได้ ทั้งนี้ผลการเจรจาของทั้งสองประเทศจะเกิดขึ้นในช่วงเดือน ก.ย. ที่จะถึงนี้ ส่วนการชดเชยที่อียูจะให้กับประเทศไทย จะอยู่ในรูปของการให้โควตาการส่งออกสินค้าจำพวกของทะเลหรือสินค้าอื่นๆ มากขึ้น
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 29.29 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 30.19 บาท ของสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 2.18 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือไม่มีรายงาน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 34.00 บาท ภาคกลางกิโลกรัมละ 23.79 บาท และภาคใต้กิโลกรัมละ 29.86 บาท ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ตัวละ 4.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตในตลาดกรุงเทพฯ จากกรมการค้าภายในเฉลี่ยกิโลกรัมละ 21.50 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 25.50 บาท ของสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 15.69 และราคาขายส่งไก่สดกิโลกรัมละ 31.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 32.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 3.13
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ฉบับที่ 34 ประจำวันที่ 28 สิงหาคม - 3 กันยายน 2549--
-พห-