วันนี้ (8 ตค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับโผครม.ชุดใหม่ โดยมองว่า เป็นครม.ที่ยอมรับได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน และถือว่าเป็นชุดที่รวมบรรดาข้าราชการเก่า และนักวิชาการจำนวนหนึ่งเข้ามาอยู่ด้วยกัน ซึ่งภาระหน้าที่ของคนที่เข้ามารวมอยู่ด้วยกันนั้นมีเป็นจำนวนมาก เพราะเป็นรัฐบาลที่เกิดขึ้นหลังการยึดอำนาจโดยคณะทหาร ฉะนั้นภาระหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีจะมีความแตกต่างไปจากคณะรัฐมนตรีตามปกติที่เคยพบเห็นมา
ในครม.ตามโผที่เห็นทั้งหมด ตามที่รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เห็นว่ายอมรับได้นั้น นายองอาจได้แสดงความเห็นเพิ่มเติมว่า แม้บางท่านมีรอยขีดข่วนอยู่บ้าง แต่เป็นเรื่องที่ต้องติดตามการทำงานต่อไปว่ารอยขีดข่วนในรัฐมนตรีบางท่านที่จะถูกแต่งตั้งนั้นจะกลายเป็นแผลใหญ่ในอนาคตหรือไม่
“บุคคลที่ได้รับแต่งตั้งนั้นเอง ก็จะรู้ตัวเองดีว่าตัวเองนั้นมีรอยขีดข่วนอยู่ตรงไหนอย่างไร ท่านเหล่านั้นควรระมัดระวังตัวเอง อย่าปล่อยให้รอยขีดข่วนเหล่านั้นขยายตัวกลายเป็นแผลใหญ่ต่อไปในอนาคต ซึ่งจะกลายเป็นภาระของนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีโดยรวม” นายองอาจกล่าว
นอกจากนี้โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้ฝากนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ถึงภาระหน้าที่สำคัญ 3 ด้าน กล่าวคือประการแรกการจัดการให้บ้านเมืองกลับเข้าสู่สังคมคุณธรรม และจริยธรรม โดยชี้ว่าในช่วง 4 — 5 ปีที่ผ่านมาสังคมไทยมีปัญหาเรื่องคุณธรรม และจริยธรรม ค่อนข้างมาก ฉะนั้นนอกเหนือจากการบริหารงานตามปกติแล้ว คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ยังต้องจัดการให้บ้านเมืองกลับเข้าสู่สังคม คุณธรรม จริยธรรม ประการที่สอง ต้องเข้ามามีส่วนสำคัญในการแก้ไขปัญหาความแตกแยกในสังคมไทย ประการที่ 3 เห็นว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ควรจะปรับโครงสร้าง เพราะต้องเข้ามาจัดการกับปัญหาพื้นฐานของสังคมไทย ให้เดินไปสู่ทิศทางที่ถูกต้องชอบธรรม โดยเห็นว่าแนวทางตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หลายแนวทางนอกเหนือจากแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงแล้ว ยังมีแนวทางตามพระราชดำริอีกหลายแนวทางที่สามารถนำมาใช้ในการปรับโครงสร้างและจัดการปัญหาพื้นฐานของสังคมไทยให้เดินไปสู่ทิศทางที่ถูกต้องชอบธรรมได้
ส่วนด้านเศรษฐกิจซึ่งเป็นเรื่องที่มีผู้คนให้ความสนใจนั้น นายองอาจ ได้แสดงความเห็นไว้ส่วนหนึ่งคือ เศรษฐกิจไทย มีพื้นฐานดีเป็นเบื้องต้นอยู่แล้ว ดังนั้นน่าจะมีส่วนสำคัญที่ทำให้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ น่าจะสามารถนำพาเศรษฐกิจให้เกิดเสถียรภาพไปได้อย่างต่อเนื่อง และน่าจะมีส่วนในการผลักดันให้เกิดการขยายตัวของภาวะการใช้จ่ายภาคประชาชนให้เดินหน้าต่อไปได้ โดยการนำงบประมาณจากภาครัฐมามีส่วนในการกระตุ้นการใช้จ่ายมากขึ้น ด้านการลงทุนในเมกะโปรเจกส์ ซึ่งเป็นโครงการสำคัญหนึ่งที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้เดินหน้าไปได้เพิ่มเติมจากพื้นฐานเศรษฐกิจของไทย
นอกเหนือจากภาระหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่แล้ว นายองอาจ ยังได้ฝากถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้พิจารณาเรื่องต่อไปนี้อีกด้วยเรื่องแรก จะต้องใช้อำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวนี้ มีส่วนในการดำเนินการทุกวิถีทางที่จะยุติความแตกแยกในสังคมไทย ประการที่สอง จะต้องป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้นจากทุก ๆ ฝ่ายในสังคมไทย เนื่องจากปรากฎการณ์การยึดอำนาจในอดีต ทำให้ไม่สามารถวางใจได้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างจะอยู่ในสภาวะราบเรียบ ปกติ ฉะนั้น คมช. ควรพยายามที่จะช่วยกันป้องกันความรุนแรงไม่ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย ประการที่สาม คมช.จะต้องไม่ใช้อำนาจเกินพอดี คำนึงถึงผลกระทบของการใช้อำนาจ และการใช้อำนาจใด ๆ นับจากนี้ไปจะต้องเป็นการใช้อำนาจเพื่อเกิดประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติให้มากที่สุด ไม่ควรที่จะปล่อยให้มีการใช้อำนาจใด ๆ ที่เป็นการแสดงให้เห็นว่าเป็นการใช้อำนาจ เพื่อประโยชน์ของตนเองหรือหมู่คณะที่มีส่วนในการยึดอำนาจในครั้งที่ผ่านมา และประการที่สี่ คมช.ควรเร่งให้มีการคืนอำนาจกลับไปสู่ประชาชนโดยเร็ว หากคมช.สามารถดำเนินการได้ ก็จะทำให้สถานการณ์ในบ้านเมืองสามารถเดินหน้าไปได้ตามเป้าหมายที่ได้วางไว้
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 8 ต.ค. 2549--จบ--
ในครม.ตามโผที่เห็นทั้งหมด ตามที่รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เห็นว่ายอมรับได้นั้น นายองอาจได้แสดงความเห็นเพิ่มเติมว่า แม้บางท่านมีรอยขีดข่วนอยู่บ้าง แต่เป็นเรื่องที่ต้องติดตามการทำงานต่อไปว่ารอยขีดข่วนในรัฐมนตรีบางท่านที่จะถูกแต่งตั้งนั้นจะกลายเป็นแผลใหญ่ในอนาคตหรือไม่
“บุคคลที่ได้รับแต่งตั้งนั้นเอง ก็จะรู้ตัวเองดีว่าตัวเองนั้นมีรอยขีดข่วนอยู่ตรงไหนอย่างไร ท่านเหล่านั้นควรระมัดระวังตัวเอง อย่าปล่อยให้รอยขีดข่วนเหล่านั้นขยายตัวกลายเป็นแผลใหญ่ต่อไปในอนาคต ซึ่งจะกลายเป็นภาระของนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีโดยรวม” นายองอาจกล่าว
นอกจากนี้โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้ฝากนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ถึงภาระหน้าที่สำคัญ 3 ด้าน กล่าวคือประการแรกการจัดการให้บ้านเมืองกลับเข้าสู่สังคมคุณธรรม และจริยธรรม โดยชี้ว่าในช่วง 4 — 5 ปีที่ผ่านมาสังคมไทยมีปัญหาเรื่องคุณธรรม และจริยธรรม ค่อนข้างมาก ฉะนั้นนอกเหนือจากการบริหารงานตามปกติแล้ว คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ยังต้องจัดการให้บ้านเมืองกลับเข้าสู่สังคม คุณธรรม จริยธรรม ประการที่สอง ต้องเข้ามามีส่วนสำคัญในการแก้ไขปัญหาความแตกแยกในสังคมไทย ประการที่ 3 เห็นว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ควรจะปรับโครงสร้าง เพราะต้องเข้ามาจัดการกับปัญหาพื้นฐานของสังคมไทย ให้เดินไปสู่ทิศทางที่ถูกต้องชอบธรรม โดยเห็นว่าแนวทางตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หลายแนวทางนอกเหนือจากแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงแล้ว ยังมีแนวทางตามพระราชดำริอีกหลายแนวทางที่สามารถนำมาใช้ในการปรับโครงสร้างและจัดการปัญหาพื้นฐานของสังคมไทยให้เดินไปสู่ทิศทางที่ถูกต้องชอบธรรมได้
ส่วนด้านเศรษฐกิจซึ่งเป็นเรื่องที่มีผู้คนให้ความสนใจนั้น นายองอาจ ได้แสดงความเห็นไว้ส่วนหนึ่งคือ เศรษฐกิจไทย มีพื้นฐานดีเป็นเบื้องต้นอยู่แล้ว ดังนั้นน่าจะมีส่วนสำคัญที่ทำให้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ น่าจะสามารถนำพาเศรษฐกิจให้เกิดเสถียรภาพไปได้อย่างต่อเนื่อง และน่าจะมีส่วนในการผลักดันให้เกิดการขยายตัวของภาวะการใช้จ่ายภาคประชาชนให้เดินหน้าต่อไปได้ โดยการนำงบประมาณจากภาครัฐมามีส่วนในการกระตุ้นการใช้จ่ายมากขึ้น ด้านการลงทุนในเมกะโปรเจกส์ ซึ่งเป็นโครงการสำคัญหนึ่งที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้เดินหน้าไปได้เพิ่มเติมจากพื้นฐานเศรษฐกิจของไทย
นอกเหนือจากภาระหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่แล้ว นายองอาจ ยังได้ฝากถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้พิจารณาเรื่องต่อไปนี้อีกด้วยเรื่องแรก จะต้องใช้อำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวนี้ มีส่วนในการดำเนินการทุกวิถีทางที่จะยุติความแตกแยกในสังคมไทย ประการที่สอง จะต้องป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้นจากทุก ๆ ฝ่ายในสังคมไทย เนื่องจากปรากฎการณ์การยึดอำนาจในอดีต ทำให้ไม่สามารถวางใจได้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างจะอยู่ในสภาวะราบเรียบ ปกติ ฉะนั้น คมช. ควรพยายามที่จะช่วยกันป้องกันความรุนแรงไม่ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย ประการที่สาม คมช.จะต้องไม่ใช้อำนาจเกินพอดี คำนึงถึงผลกระทบของการใช้อำนาจ และการใช้อำนาจใด ๆ นับจากนี้ไปจะต้องเป็นการใช้อำนาจเพื่อเกิดประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติให้มากที่สุด ไม่ควรที่จะปล่อยให้มีการใช้อำนาจใด ๆ ที่เป็นการแสดงให้เห็นว่าเป็นการใช้อำนาจ เพื่อประโยชน์ของตนเองหรือหมู่คณะที่มีส่วนในการยึดอำนาจในครั้งที่ผ่านมา และประการที่สี่ คมช.ควรเร่งให้มีการคืนอำนาจกลับไปสู่ประชาชนโดยเร็ว หากคมช.สามารถดำเนินการได้ ก็จะทำให้สถานการณ์ในบ้านเมืองสามารถเดินหน้าไปได้ตามเป้าหมายที่ได้วางไว้
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 8 ต.ค. 2549--จบ--