ไม่กี่วันก่อนราคาขายปลีก น้ำมันดีเซลในบ้านเรา พุ่งทะลุเพดานแพงเกินหน้า ราคาน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์ไปลิตรละ 20 สตางค์...ในอนาคตอันใกล้ จะแพงไปมากกว่านี้
เพราะล่าสุดราคาน้ำมันสำเร็จรูป ในตลาดสิงคโปร์ น้ำมันเบนซิน 95 ซื้อขายกันที่ 73.85 ดอลลาร์ฯต่อบาร์เรล...ดีเซล 75.79 ดอลลาร์ฯต่อบาร์เรล
น้ำมันเบนซิน 95 ที่เคยมีราคาแพงสุด เสียแชมป์ให้ดีเซลไปเป็นที่เรียบร้อย
ใครที่ใช้ดีเซลเตรียมร้องไห้...ส่วนคนไม่ใช้ดีเซล หลีกหนีไม่พ้นเตรียม พร้อมรับมือราคาข้าวของขึ้นราคาอีกรอบ
เพราะประเทศไทยของเรายังไม่อาจหาน้ำมันดีเซลราคาถูกมาใช้ได้
นับแต่วิกฤติราคาน้ำมันที่ขยับขึ้นมาอย่างต่อเนื่องหลายปีติดต่อกัน มีเสียงเรียกร้องรัฐบาลซึ่งประชาชนเชื่อว่าน่าจะมีวิสัยทัศน์ยาวไกล ให้มองหาแหล่งพลังงานใหม่ๆ มาทดแทนการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ
แต่จนแล้วจนรอด 5 ปีที่ผ่านไป...แหล่งพลังงานทดแทนใหม่ๆ ไม่มีให้เห็นแม้แต่เค้าราง
ที่เห็นจะมีก็เพียงพลังงานช่วยลดการนำเข้าน้ำมันเบนซินจากต่างประเทศ นั่นก็คือ...แก๊สโซฮอล์ แต่ก็ช่วยลดการนำเข้าเบนซินได้ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินเทียบไม่ได้กับปริมาณการใช้น้ำมัน ดีเซล ประเทศไทยนำเข้าน้ำมันดีเซลมากกว่าเบนซินถึงเกือบ 4 เท่าตัว
ถ้าต้องการจะลดการนำเข้าให้ถูกฝาถูกตัว รัฐบาลน่าจะมุ่งเน้นไปที่การผลิตไบโอดีเซลมากกว่าแก๊สโซฮอล์
ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ออกมาพูด ขานรับนโยบายจะเร่งผลิตไบโอดีเซล ย้ำทุกครั้งที่น้ำมันขึ้นราคา แต่ทุกอย่างเป็น ได้แค่การสร้างภาพให้คนไทยเพ้อฝันไปวันๆ
วันนี้...โครงการผลิตไบโอดีเซล ที่จะส่งผลเป็นจริงเป็นจังเหมือนอย่างแก๊สโซฮอล์...ยังไม่ มีวี่แววให้เห็นความสำเร็จเหมือนที่รัฐบาลได้วางนโยบายไว้แต่ประการใด
“รัฐบาลมีนโยบายไบโอดีเซลตั้งแต่ปี 2547 ตั้งเป้าจะเพิ่มพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันเพื่อนำมาผลิตเป็นไบโอดีเซลให้ได้ 5 ล้านไร่ ภายใน 5 ปี ตั้งแต่ปี 2548 ถึงปี 2552
จะเริ่มผลิตเป็นไบโอดีเซล วันละ 3 ล้านลิตร จำหน่ายในปี 2550
จะขายให้ได้ในปีหน้า แต่ปรากฏว่าขณะนี้ยังไม่มีอะไรเป็นรูปธรรมที่จับต้องได้ ตามเป้าหมายปี 2548 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะต้องเพิ่มพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันใหม่ให้ได้ 260,000 ไร่ ก็ยังไม่มีการปลูกปาล์มน้ำมันเพิ่มขึ้นเลยแม้แต่น้อย”
ดร.อนันต์ ดาโลดม อดีต ส.ว.สุราษฎร์ธานี ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการเศรษฐกิจ ด้านพาณิชย์ บอก
ดร.อนันต์ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ การพาณิชย์ และอุตสาหกรรม วุฒิสภา ให้ศึกษาการพัฒนาและส่งเสริมไบโอดีเซล ให้ข้อมูลถึงการติดตามโครงการสำคัญที่จะมีส่วนแก้วิกฤติพลังงานของประเทศชาติ
หากโครงการเพิ่มพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันไม่สามารถบริหารจัดการ ให้บรรลุเป้าหมาย...โครงการผลิตน้ำมันไบโอดีเซลย่อมไปไม่ถึงฝั่งฝันเช่นกัน
คนไทยที่คิดฝันว่าจะได้ใช้น้ำมันดีเซล ในราคาถูก..เหมือนเบนซินแก๊สโซฮอล์ก็จะไม่เป็นจริง
พื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันในประเทศไทยขณะนี้มีอยู่ประมาณ 2.2 ล้านไร่ ให้ผลผลิตเป็นน้ำมันปาล์มดิบปีประมาณ 9 แสนตัน ซึ่งเพียงพอแค่การผลิตเป็นน้ำมันพืชใช้บริโภคในประเทศเท่านั้น ถ้าจะนำไปผลิตเป็นไบโอดีเซลต้องมีการปลูกปาล์มน้ำมันเพิ่ม
และรัฐบาลได้มีการคาดการณ์ไว้ว่า ในปี 2555 คนไทยจะต้องการใช้น้ำมันดีเซลกันวันละ 85 ล้านลิตร ถ้าต้องการนำน้ำมันปาล์มไปผสมเป็นไบโอดีเซล ลดการใช้ดีเซล 10 เปอร์เซ็นต์ ก็ต้องผลิตให้ได้วันละ 8.5 ล้านลิตร นั่นคือต้องเพิ่มพื้นที่ปลูกให้ได้ 5 ล้านไร่
ช่วยให้ประเทศชาติประหยัดเงินตราต่างประเทศ ที่จะต้องเอาไปซื้อน้ำมันดีเซลได้ถึงปีละประมาณ 50,000 ล้านบาท ตามที่กระทรวงพลังงานได้ประมาณการไว้
สำหรับพื้นที่จะปลูกปาล์มน้ำมันใหม่ 5 ล้านไร่นั้น รัฐบาลตั้งเป้า ปี 2548 จะปลูกใหม่ให้ได้ 260,000 ไร่, ปี 2549 ปลูกใหม่ 600,000 ไร่, ปี 2550 ปลูกใหม่ 670,000 ไร่, ปี 2551 ปลูกใหม่ 1,070,000 ไร่, ปี 2552 ปลูกใหม่อีก 1,400,000 ไร่
รวมแล้วเป็น 4 ล้านไร่ ส่วนอีก 1 ล้านไร่ รัฐบาลจะไปส่งเสริมให้มีการปลูกในประเทศเพื่อนบ้าน
แต่จากการตรวจสอบของคณะอนุกรรมาธิการฯชุดนี้พบว่า ไม่เพียงการปลูกปาล์มน้ำมันใหม่ในปี 2548 จะไม่คืบหน้า โครงการปลูกปาล์มน้ำมันในปี 2549 ที่กระทรวงเกษตรฯตั้งเป้าจะปลูกให้ได้อีก 600,000 ไร่ มีเกษตรกรมาลงทะเบียนขอเข้าร่วมโครงการแค่เพียง 200,000 ไร่เท่านั้น
เหตุที่เป็นเช่นนี้ เนื่องมาจากเกษตรกรไม่มั่นใจในนโยบาย รัฐบาลว่ามีความตั้งใจจะทำโครงการนี้จริงจังแค่ไหน
เรื่องเมล็ดพันธุ์ ต้นกล้าที่จะนำมาปลูก กระทรวงเกษตรฯไม่มีความพร้อมทั้งในเรื่องปริมาณที่จะผลิตให้เพียงพอกับพื้นที่เพาะปลูก ในเรื่องคุณภาพว่าจะใช้พันธุ์อะไรปลูก ถึงจะให้ผลผลิตสูงเหมาะสมกับพื้นที่เพาะปลูก ก็ยังไม่ชัดเจน
ปลูกแล้วรัฐบาลจะรับซื้อในราคาเท่าไร โรงงานผลิตไบโอดีเซลจะอยู่ตรงไหนก็ยังไม่มีคำตอบแน่ชัด
“ปัญหาเหล่านี้เกิดจากผู้บริหารระดับสูงในกระทรวงเกษตรฯไม่ได้ ให้ความสำคัญกับโครงการนี้ เหมือนที่ได้พูดสัญญาไว้กับประชาชนเลย
เห็นได้จากผู้ได้รับมอบหมายให้เข้ามาบริหารโครงการ เป็นข้าราชการในระดับกรม เจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่อย่างปลัดกระทรวง หรือรัฐมนตรีไม่ได้เข้ามากำกับดูแลผลักดันโครงการด้วยตัวเอง เลยทำให้เกิดปัญหาขาดศักยภาพในการสั่งงาน สั่งไปแล้ว ขอความร่วมมือไปแล้ว ทุกอย่างเงียบเฉย โครงการจึงไม่คืบหน้า”
ดร.อนันต์ ชี้ว่า ความฝันของคนไทยที่จะได้ใช้น้ำมันดีเซลราคาถูกทั่วทั้งประเทศในปี 2555 ด้วยการมีน้ำมันปาล์มวันละ 8.5 ล้านลิตร ผสมเป็นไบโอดีเซลให้คนไทยได้ใช้กันวันละ 85 ล้านลิตร....จึงเป็นไปได้ยาก
กระทั่งปี 2550 ที่ตั้งเป้าจะผลิตให้ได้วันละ 3 แสนลิตร เพื่อนำไปผสมเป็นไบโอดีเซลวันละ 3 ล้านลิตร ใช้เฉพาะในบางพื้นที่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ลงมือปลูกปาล์มวันนี้...ใช่ว่าพรุ่งนี้เก็บเกี่ยวได้ ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 ปีครึ่ง
นั่นหมายความว่า ปี 2555 จะมีไบโอดีเซลได้ใช้กันทั่วประเทศ รัฐบาลต้องบริหารจัดการให้มีการปลูกปาล์มน้ำมันใหม่ให้ครบ 5 ล้านไร่ ภายในกลางปี 2551...ณ วันนี้เหลือเวลาแค่ 2 ปีครึ่งจะทำได้หรือไม่
สำหรับปีหน้า...ไบโอดีเซลไม่มีสิทธิได้เกิดเหมือนที่คุยไว้แน่
แต่กระนั้น ก็ยังมีอีกช่องทาง ใครหลายคนอยากจะทำใจจะขาด ดร.อนันต์ พบว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาได้มีการวิ่งเต้นผลักดันขอนำเข้าปาล์มน้ำมันจากต่างประเทศ
“การอนุญาตให้นำน้ำมันปาล์มจะมีคนได้ผลประโยชน์ ได้ทั้งค่าหัวคิวนำเข้า ได้ค่าจัดสรรโควตานำเข้า ขายโควตานำเข้าน้ำมันปาล์ม”
เลยให้หายสงสัย โครงการเร่งด่วนช่วยเศรษฐกิจประเทศชาติ ทำไมถึงไม่ค่อยมีใครสนใจผลักดัน ปล่อยให้ช้ากว่ากำหนด
จะเอามาอ้างเป็นเหตุผลขอนำเข้าน้ำมันปาล์มก็ไม่บอก...ชาวบ้าน จะได้เลิกฝันค้างกันซะที.
--กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม--
-พห-
เพราะล่าสุดราคาน้ำมันสำเร็จรูป ในตลาดสิงคโปร์ น้ำมันเบนซิน 95 ซื้อขายกันที่ 73.85 ดอลลาร์ฯต่อบาร์เรล...ดีเซล 75.79 ดอลลาร์ฯต่อบาร์เรล
น้ำมันเบนซิน 95 ที่เคยมีราคาแพงสุด เสียแชมป์ให้ดีเซลไปเป็นที่เรียบร้อย
ใครที่ใช้ดีเซลเตรียมร้องไห้...ส่วนคนไม่ใช้ดีเซล หลีกหนีไม่พ้นเตรียม พร้อมรับมือราคาข้าวของขึ้นราคาอีกรอบ
เพราะประเทศไทยของเรายังไม่อาจหาน้ำมันดีเซลราคาถูกมาใช้ได้
นับแต่วิกฤติราคาน้ำมันที่ขยับขึ้นมาอย่างต่อเนื่องหลายปีติดต่อกัน มีเสียงเรียกร้องรัฐบาลซึ่งประชาชนเชื่อว่าน่าจะมีวิสัยทัศน์ยาวไกล ให้มองหาแหล่งพลังงานใหม่ๆ มาทดแทนการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ
แต่จนแล้วจนรอด 5 ปีที่ผ่านไป...แหล่งพลังงานทดแทนใหม่ๆ ไม่มีให้เห็นแม้แต่เค้าราง
ที่เห็นจะมีก็เพียงพลังงานช่วยลดการนำเข้าน้ำมันเบนซินจากต่างประเทศ นั่นก็คือ...แก๊สโซฮอล์ แต่ก็ช่วยลดการนำเข้าเบนซินได้ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินเทียบไม่ได้กับปริมาณการใช้น้ำมัน ดีเซล ประเทศไทยนำเข้าน้ำมันดีเซลมากกว่าเบนซินถึงเกือบ 4 เท่าตัว
ถ้าต้องการจะลดการนำเข้าให้ถูกฝาถูกตัว รัฐบาลน่าจะมุ่งเน้นไปที่การผลิตไบโอดีเซลมากกว่าแก๊สโซฮอล์
ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ออกมาพูด ขานรับนโยบายจะเร่งผลิตไบโอดีเซล ย้ำทุกครั้งที่น้ำมันขึ้นราคา แต่ทุกอย่างเป็น ได้แค่การสร้างภาพให้คนไทยเพ้อฝันไปวันๆ
วันนี้...โครงการผลิตไบโอดีเซล ที่จะส่งผลเป็นจริงเป็นจังเหมือนอย่างแก๊สโซฮอล์...ยังไม่ มีวี่แววให้เห็นความสำเร็จเหมือนที่รัฐบาลได้วางนโยบายไว้แต่ประการใด
“รัฐบาลมีนโยบายไบโอดีเซลตั้งแต่ปี 2547 ตั้งเป้าจะเพิ่มพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันเพื่อนำมาผลิตเป็นไบโอดีเซลให้ได้ 5 ล้านไร่ ภายใน 5 ปี ตั้งแต่ปี 2548 ถึงปี 2552
จะเริ่มผลิตเป็นไบโอดีเซล วันละ 3 ล้านลิตร จำหน่ายในปี 2550
จะขายให้ได้ในปีหน้า แต่ปรากฏว่าขณะนี้ยังไม่มีอะไรเป็นรูปธรรมที่จับต้องได้ ตามเป้าหมายปี 2548 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะต้องเพิ่มพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันใหม่ให้ได้ 260,000 ไร่ ก็ยังไม่มีการปลูกปาล์มน้ำมันเพิ่มขึ้นเลยแม้แต่น้อย”
ดร.อนันต์ ดาโลดม อดีต ส.ว.สุราษฎร์ธานี ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการเศรษฐกิจ ด้านพาณิชย์ บอก
ดร.อนันต์ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ การพาณิชย์ และอุตสาหกรรม วุฒิสภา ให้ศึกษาการพัฒนาและส่งเสริมไบโอดีเซล ให้ข้อมูลถึงการติดตามโครงการสำคัญที่จะมีส่วนแก้วิกฤติพลังงานของประเทศชาติ
หากโครงการเพิ่มพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันไม่สามารถบริหารจัดการ ให้บรรลุเป้าหมาย...โครงการผลิตน้ำมันไบโอดีเซลย่อมไปไม่ถึงฝั่งฝันเช่นกัน
คนไทยที่คิดฝันว่าจะได้ใช้น้ำมันดีเซล ในราคาถูก..เหมือนเบนซินแก๊สโซฮอล์ก็จะไม่เป็นจริง
พื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันในประเทศไทยขณะนี้มีอยู่ประมาณ 2.2 ล้านไร่ ให้ผลผลิตเป็นน้ำมันปาล์มดิบปีประมาณ 9 แสนตัน ซึ่งเพียงพอแค่การผลิตเป็นน้ำมันพืชใช้บริโภคในประเทศเท่านั้น ถ้าจะนำไปผลิตเป็นไบโอดีเซลต้องมีการปลูกปาล์มน้ำมันเพิ่ม
และรัฐบาลได้มีการคาดการณ์ไว้ว่า ในปี 2555 คนไทยจะต้องการใช้น้ำมันดีเซลกันวันละ 85 ล้านลิตร ถ้าต้องการนำน้ำมันปาล์มไปผสมเป็นไบโอดีเซล ลดการใช้ดีเซล 10 เปอร์เซ็นต์ ก็ต้องผลิตให้ได้วันละ 8.5 ล้านลิตร นั่นคือต้องเพิ่มพื้นที่ปลูกให้ได้ 5 ล้านไร่
ช่วยให้ประเทศชาติประหยัดเงินตราต่างประเทศ ที่จะต้องเอาไปซื้อน้ำมันดีเซลได้ถึงปีละประมาณ 50,000 ล้านบาท ตามที่กระทรวงพลังงานได้ประมาณการไว้
สำหรับพื้นที่จะปลูกปาล์มน้ำมันใหม่ 5 ล้านไร่นั้น รัฐบาลตั้งเป้า ปี 2548 จะปลูกใหม่ให้ได้ 260,000 ไร่, ปี 2549 ปลูกใหม่ 600,000 ไร่, ปี 2550 ปลูกใหม่ 670,000 ไร่, ปี 2551 ปลูกใหม่ 1,070,000 ไร่, ปี 2552 ปลูกใหม่อีก 1,400,000 ไร่
รวมแล้วเป็น 4 ล้านไร่ ส่วนอีก 1 ล้านไร่ รัฐบาลจะไปส่งเสริมให้มีการปลูกในประเทศเพื่อนบ้าน
แต่จากการตรวจสอบของคณะอนุกรรมาธิการฯชุดนี้พบว่า ไม่เพียงการปลูกปาล์มน้ำมันใหม่ในปี 2548 จะไม่คืบหน้า โครงการปลูกปาล์มน้ำมันในปี 2549 ที่กระทรวงเกษตรฯตั้งเป้าจะปลูกให้ได้อีก 600,000 ไร่ มีเกษตรกรมาลงทะเบียนขอเข้าร่วมโครงการแค่เพียง 200,000 ไร่เท่านั้น
เหตุที่เป็นเช่นนี้ เนื่องมาจากเกษตรกรไม่มั่นใจในนโยบาย รัฐบาลว่ามีความตั้งใจจะทำโครงการนี้จริงจังแค่ไหน
เรื่องเมล็ดพันธุ์ ต้นกล้าที่จะนำมาปลูก กระทรวงเกษตรฯไม่มีความพร้อมทั้งในเรื่องปริมาณที่จะผลิตให้เพียงพอกับพื้นที่เพาะปลูก ในเรื่องคุณภาพว่าจะใช้พันธุ์อะไรปลูก ถึงจะให้ผลผลิตสูงเหมาะสมกับพื้นที่เพาะปลูก ก็ยังไม่ชัดเจน
ปลูกแล้วรัฐบาลจะรับซื้อในราคาเท่าไร โรงงานผลิตไบโอดีเซลจะอยู่ตรงไหนก็ยังไม่มีคำตอบแน่ชัด
“ปัญหาเหล่านี้เกิดจากผู้บริหารระดับสูงในกระทรวงเกษตรฯไม่ได้ ให้ความสำคัญกับโครงการนี้ เหมือนที่ได้พูดสัญญาไว้กับประชาชนเลย
เห็นได้จากผู้ได้รับมอบหมายให้เข้ามาบริหารโครงการ เป็นข้าราชการในระดับกรม เจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่อย่างปลัดกระทรวง หรือรัฐมนตรีไม่ได้เข้ามากำกับดูแลผลักดันโครงการด้วยตัวเอง เลยทำให้เกิดปัญหาขาดศักยภาพในการสั่งงาน สั่งไปแล้ว ขอความร่วมมือไปแล้ว ทุกอย่างเงียบเฉย โครงการจึงไม่คืบหน้า”
ดร.อนันต์ ชี้ว่า ความฝันของคนไทยที่จะได้ใช้น้ำมันดีเซลราคาถูกทั่วทั้งประเทศในปี 2555 ด้วยการมีน้ำมันปาล์มวันละ 8.5 ล้านลิตร ผสมเป็นไบโอดีเซลให้คนไทยได้ใช้กันวันละ 85 ล้านลิตร....จึงเป็นไปได้ยาก
กระทั่งปี 2550 ที่ตั้งเป้าจะผลิตให้ได้วันละ 3 แสนลิตร เพื่อนำไปผสมเป็นไบโอดีเซลวันละ 3 ล้านลิตร ใช้เฉพาะในบางพื้นที่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ลงมือปลูกปาล์มวันนี้...ใช่ว่าพรุ่งนี้เก็บเกี่ยวได้ ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 ปีครึ่ง
นั่นหมายความว่า ปี 2555 จะมีไบโอดีเซลได้ใช้กันทั่วประเทศ รัฐบาลต้องบริหารจัดการให้มีการปลูกปาล์มน้ำมันใหม่ให้ครบ 5 ล้านไร่ ภายในกลางปี 2551...ณ วันนี้เหลือเวลาแค่ 2 ปีครึ่งจะทำได้หรือไม่
สำหรับปีหน้า...ไบโอดีเซลไม่มีสิทธิได้เกิดเหมือนที่คุยไว้แน่
แต่กระนั้น ก็ยังมีอีกช่องทาง ใครหลายคนอยากจะทำใจจะขาด ดร.อนันต์ พบว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาได้มีการวิ่งเต้นผลักดันขอนำเข้าปาล์มน้ำมันจากต่างประเทศ
“การอนุญาตให้นำน้ำมันปาล์มจะมีคนได้ผลประโยชน์ ได้ทั้งค่าหัวคิวนำเข้า ได้ค่าจัดสรรโควตานำเข้า ขายโควตานำเข้าน้ำมันปาล์ม”
เลยให้หายสงสัย โครงการเร่งด่วนช่วยเศรษฐกิจประเทศชาติ ทำไมถึงไม่ค่อยมีใครสนใจผลักดัน ปล่อยให้ช้ากว่ากำหนด
จะเอามาอ้างเป็นเหตุผลขอนำเข้าน้ำมันปาล์มก็ไม่บอก...ชาวบ้าน จะได้เลิกฝันค้างกันซะที.
--กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม--
-พห-