วันนี้ (28 ส.ค.49) เวลา 10.30 น.ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเกียรติ สิทธีอมร กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะคณะทำงานด้านเศรษฐกิจของพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวถึงกรณีที่ นายทนง พิทยะ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้สัมภาษณ์บิดเบือนข้อเท็จจริงการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปและการเข้าตรวจสอบการถือหุ้นนอมินีของกรมธุรกิจการค้าจะทำให้นักลงทุนต่างชาติไม่กล้ามาลงทุนในประเทศว่าตอนแรกที่ตนได้มีโอกาสแถลงข่าวไป 2 -3 ครั้ง พูดชัดเจนว่าเริ่มมีพฤติกรรมที่ไม่ปกติในระดับกระทรวง ไม่ว่าจะเป็นการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาซ้อนคณะกรรมการของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าซึ่งมีอำนาจตามกฎหมายมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาซึ่งไม่มีอำนาจตามกฎหมาย นอกจากนั้นเมื่อไปดูพฤติกรรมเห็นว่า ฝ่ายเลขาของกรรมการชุดใหม่มาจากกรมทรัพย์สินทางปัญญาซึ่งไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการตรวจสอบตามกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว
“ก็เห็นได้ชัดว่า เหตุผลที่ดึงกรมทรัพย์สินทางปัญญามาคงเป็นเพราะเป็นลูกน้องเก่า นอกจากนั้นได้มีการพยายามที่จะลากอีก 10 กว่าบริษัท เข้ามาตรวจสอบไปพร้อมๆกัน พฤติกรรมนี้เห็นได้ชัดแล้ว และในการประชุมนัดแรกมีการพูดถึงว่า การตรวจสอบก็จะตรวจสอบอีกหลายบริษัทร่วมกันไปด้วย ทั้งๆที่เป็นคนละกรณีกัน และท้ายที่สุดพฤติกรรมที่ผิดปกติของกระทรวงก็คือว่า ตอนแรกบอกว่าจะแต่งตั้งเจ้าหน้าที่หรือผู้แทนจากธนาคารแห่งประเทศไทยมาเป็น 1 ในกรรมการพอธนาคารส่งคนไม่ชอบมาเลยไม่ตั้งเลย เห็นได้ชัดว่าพฤติกรรมอย่างนี้เข้าข่ายหน่วงเหนี่ยวและจริงๆแล้วไม่ต้องการให้มีการตรวจสอบอย่างรวดเร็วยังมีธงอยู่เหมือนเดิมคือประกาศ 2 เดือนคงจะมีวัตถุประสงค์เพื่อให้รอหลังเลือกตั้งไปเสียก่อน” นายเกียรติ กล่าว
นายเกียรติ กล่าวต่อว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นไปอีกก็คือว่า ตอนนี้หน่วยงานอื่นเริ่มออกอาการ หน่วยงานที่ออกอาการคือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงานคณะกรรมการ (ก.ล.ต.) เริ่มที่จะไปมีการออกข่าวในลักษณะที่จะไปมีการตรวจสอบเรื่องนอมินีในตลาดอีกทางรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังก็ไปพูดถึงประเพณีปฏิบัติเมื่อพฤหัสที่แล้ว (24 ส.ค.49) ไปพูดถึงว่าการตีความกฎหมายต้องไปดูประเพณีปฏิบัติและต้องไปดูเรื่องการบังคับใช้ย้อนหลัง ไปพูดถึงการถือหุ้นไขว้ทั้งหมดนี้ป็นคนละเรื่องกับการตรวจสอบหุ้นนอมินีทั้งหมด
“ยิ่งไปกว่านั้น ผมถือว่าเป็นการสร้างความสับสนให้กับนักลงทุนทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายต่างประเทศอย่างมาก และเป็นการพูดที่ไม่ตรงกับกฎหมาย เจตนารมณ์ของกฎหมายไม่ได้บอกว่าเป็นต่างชาติแล้วผิด กฎหมายบอกว่าเป็นต่างชาติขอให้มาขอ ถ้าให้ได้เหมาะสมก็ให้ แต่อย่าไปหลบๆ ซ่อนๆ นี่เป็นวัตถุประสงค์ของกฎหมายฉบับนี้ แต่ไปพูดถึงเรื่องหุ้นไขว้ ไปพูดถึงเรื่องของการแก้กฎหมายซึ่งจริงๆ กระบวนการแก้กฎหมายก็มีทบทวนอยู่แล้วทุกปีปีละครั้ง” นายเกียรติกล่าว
นายเกียรติ กล่าวต่อว่า ตนคิดว่าจริงๆแล้ว อย่าอ้างบรรยากาศการลงทุนว่าจะเสียเพราะการตรวจสอบกุหลาบแก้ว ตนว่าคำพูดของรัฐมนตรีทั้งหลายทำให้บรรยากาศการลงทุนเสียและสร้างความสับสน ความตั้งใจ ตอนนี้ดูเหมือนกับว่าตรวจสอบบริษัทเดียวมันเป็นปัญหามันเป็นปัญหาไม่ชอบคำตอบก็ลากหลายๆ บริษัทมาสอบให้ช้า และในที่สุดลากกันไป หลายๆคนทำให้เรื่องเป็นเรื่องใหญ่ป่วนเมืองไป สิ่งเหล่านี้ตนคิดว่า เป็นพฤติกรรมที่ชัดเจน เพราะฉะนั้นพรรคประชาธิปัตย์ก็ประเมินกันแล้วว่า พฤติกรรมที่ผ่านมา 2 -3 อาทิตย์เข้าข่ายการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในบางกรณี
“พรรคประชาธิปัตย์ก็อดทนกันมาพอสมควรและตัดสินใจแล้วว่าวันศุกร์นี้ 1 กันยายน 2549จะไปยื่นหนังสือให้กับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในฐานะรักษาการรองนายกรัฐมนตรี นายสมคิดในฐานะรัฐมนตรีฯต้องรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพราะหน่วยงานที่ออกอาการทั้งหมดอยู่ในกำกับดูแลของนายสมคิด และเวลาให้สัมภาษณ์ในลักษณะลอยตัวนักข่าวไปถาม นายสมคิดบอกให้ไปถามนายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการประเภทไหนที่จะต้องให้ไปถามรัฐมนตรีช่วย” นายเกียรติกล่าว
นายเกียรติ กล่าวว่า เรื่องนี้นายสมคิดต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวพฤติกรรมที่เกิดขึ้นทั้งหมดและพฤติกรรมที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นพฤติกรรมที่เกิดจากฝ่ายการเมืองทั้งสิ้นอย่าไปโทษข้าราชการประจำ ข้าราชการประจำทำงานจบถี่ถ้วน แต่ไม่ยอมให้เรื่องจบ ฝ่ายการเมืองเข้าไปป่วน ซึ่งก็อยู่ในการกำกับดูแลของนายสมคิด
“ผมอยากจะชี้ให้เห็นอีกประเด็นหนึ่งว่าการสอบล่าช้าใครได้ประโยชน์ ถ้าติดตามข่าวดูการจัดสรรหมายเลขให้เอไอเอส เคยมีประเด็นว่าการสอบนอมินีผลเป็นอย่างไร ถ้าเป็นต่างชาติเอาเลขคืน ตอนนี้เหมือนกับว่า ยกประโยชน์ให้จำเลยไปก่อน ตรงนี้ผมคิดว่าเห็นได้ชัดและมีประเด็นเรื่องดาวเทียมชินแซท เทลไลท์ จำกัด(มหาชน) คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) พูดออกมาเช่นกันในทำนองนี้” นายเกียรติกล่าว
นายเกียรติ กล่าวต่อไปว่า เรื่องนี้ยิ่งล่าช้าเท่าไรผู้ประกอบการที่ส่อเค้ากระทำผิดนี้ก็ได้ประโยชน์เท่านั้น นายสมคิดตั้งใจจะยื้อเรื่องนี่เพื่อเอื้อเครือข่ายญาติโยมของผู้มีอำนาจหรือย่างไรนายสมคิดต้องตอบ ถึงเวลาที่นายสมคิดจะต้องตอบว่ายืนอยู่เคียงข้างประชาชนเพื่อความถูกต้องหรือจะอยู่ข้างคนที่อยู่ในอำนาจและเข้าข่ายการทำผิดตามกฎหมายและขอนัดนายสมคิดว่าวันศุกร์นี้ช่วงเช้าตนและตัวแทนพรรคจะไปพบนายสมคิดที่กระทรวงพาณิชย์
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 28 ส.ค. 2549--จบ--
“ก็เห็นได้ชัดว่า เหตุผลที่ดึงกรมทรัพย์สินทางปัญญามาคงเป็นเพราะเป็นลูกน้องเก่า นอกจากนั้นได้มีการพยายามที่จะลากอีก 10 กว่าบริษัท เข้ามาตรวจสอบไปพร้อมๆกัน พฤติกรรมนี้เห็นได้ชัดแล้ว และในการประชุมนัดแรกมีการพูดถึงว่า การตรวจสอบก็จะตรวจสอบอีกหลายบริษัทร่วมกันไปด้วย ทั้งๆที่เป็นคนละกรณีกัน และท้ายที่สุดพฤติกรรมที่ผิดปกติของกระทรวงก็คือว่า ตอนแรกบอกว่าจะแต่งตั้งเจ้าหน้าที่หรือผู้แทนจากธนาคารแห่งประเทศไทยมาเป็น 1 ในกรรมการพอธนาคารส่งคนไม่ชอบมาเลยไม่ตั้งเลย เห็นได้ชัดว่าพฤติกรรมอย่างนี้เข้าข่ายหน่วงเหนี่ยวและจริงๆแล้วไม่ต้องการให้มีการตรวจสอบอย่างรวดเร็วยังมีธงอยู่เหมือนเดิมคือประกาศ 2 เดือนคงจะมีวัตถุประสงค์เพื่อให้รอหลังเลือกตั้งไปเสียก่อน” นายเกียรติ กล่าว
นายเกียรติ กล่าวต่อว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นไปอีกก็คือว่า ตอนนี้หน่วยงานอื่นเริ่มออกอาการ หน่วยงานที่ออกอาการคือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงานคณะกรรมการ (ก.ล.ต.) เริ่มที่จะไปมีการออกข่าวในลักษณะที่จะไปมีการตรวจสอบเรื่องนอมินีในตลาดอีกทางรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังก็ไปพูดถึงประเพณีปฏิบัติเมื่อพฤหัสที่แล้ว (24 ส.ค.49) ไปพูดถึงว่าการตีความกฎหมายต้องไปดูประเพณีปฏิบัติและต้องไปดูเรื่องการบังคับใช้ย้อนหลัง ไปพูดถึงการถือหุ้นไขว้ทั้งหมดนี้ป็นคนละเรื่องกับการตรวจสอบหุ้นนอมินีทั้งหมด
“ยิ่งไปกว่านั้น ผมถือว่าเป็นการสร้างความสับสนให้กับนักลงทุนทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายต่างประเทศอย่างมาก และเป็นการพูดที่ไม่ตรงกับกฎหมาย เจตนารมณ์ของกฎหมายไม่ได้บอกว่าเป็นต่างชาติแล้วผิด กฎหมายบอกว่าเป็นต่างชาติขอให้มาขอ ถ้าให้ได้เหมาะสมก็ให้ แต่อย่าไปหลบๆ ซ่อนๆ นี่เป็นวัตถุประสงค์ของกฎหมายฉบับนี้ แต่ไปพูดถึงเรื่องหุ้นไขว้ ไปพูดถึงเรื่องของการแก้กฎหมายซึ่งจริงๆ กระบวนการแก้กฎหมายก็มีทบทวนอยู่แล้วทุกปีปีละครั้ง” นายเกียรติกล่าว
นายเกียรติ กล่าวต่อว่า ตนคิดว่าจริงๆแล้ว อย่าอ้างบรรยากาศการลงทุนว่าจะเสียเพราะการตรวจสอบกุหลาบแก้ว ตนว่าคำพูดของรัฐมนตรีทั้งหลายทำให้บรรยากาศการลงทุนเสียและสร้างความสับสน ความตั้งใจ ตอนนี้ดูเหมือนกับว่าตรวจสอบบริษัทเดียวมันเป็นปัญหามันเป็นปัญหาไม่ชอบคำตอบก็ลากหลายๆ บริษัทมาสอบให้ช้า และในที่สุดลากกันไป หลายๆคนทำให้เรื่องเป็นเรื่องใหญ่ป่วนเมืองไป สิ่งเหล่านี้ตนคิดว่า เป็นพฤติกรรมที่ชัดเจน เพราะฉะนั้นพรรคประชาธิปัตย์ก็ประเมินกันแล้วว่า พฤติกรรมที่ผ่านมา 2 -3 อาทิตย์เข้าข่ายการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในบางกรณี
“พรรคประชาธิปัตย์ก็อดทนกันมาพอสมควรและตัดสินใจแล้วว่าวันศุกร์นี้ 1 กันยายน 2549จะไปยื่นหนังสือให้กับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในฐานะรักษาการรองนายกรัฐมนตรี นายสมคิดในฐานะรัฐมนตรีฯต้องรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพราะหน่วยงานที่ออกอาการทั้งหมดอยู่ในกำกับดูแลของนายสมคิด และเวลาให้สัมภาษณ์ในลักษณะลอยตัวนักข่าวไปถาม นายสมคิดบอกให้ไปถามนายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการประเภทไหนที่จะต้องให้ไปถามรัฐมนตรีช่วย” นายเกียรติกล่าว
นายเกียรติ กล่าวว่า เรื่องนี้นายสมคิดต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวพฤติกรรมที่เกิดขึ้นทั้งหมดและพฤติกรรมที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นพฤติกรรมที่เกิดจากฝ่ายการเมืองทั้งสิ้นอย่าไปโทษข้าราชการประจำ ข้าราชการประจำทำงานจบถี่ถ้วน แต่ไม่ยอมให้เรื่องจบ ฝ่ายการเมืองเข้าไปป่วน ซึ่งก็อยู่ในการกำกับดูแลของนายสมคิด
“ผมอยากจะชี้ให้เห็นอีกประเด็นหนึ่งว่าการสอบล่าช้าใครได้ประโยชน์ ถ้าติดตามข่าวดูการจัดสรรหมายเลขให้เอไอเอส เคยมีประเด็นว่าการสอบนอมินีผลเป็นอย่างไร ถ้าเป็นต่างชาติเอาเลขคืน ตอนนี้เหมือนกับว่า ยกประโยชน์ให้จำเลยไปก่อน ตรงนี้ผมคิดว่าเห็นได้ชัดและมีประเด็นเรื่องดาวเทียมชินแซท เทลไลท์ จำกัด(มหาชน) คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) พูดออกมาเช่นกันในทำนองนี้” นายเกียรติกล่าว
นายเกียรติ กล่าวต่อไปว่า เรื่องนี้ยิ่งล่าช้าเท่าไรผู้ประกอบการที่ส่อเค้ากระทำผิดนี้ก็ได้ประโยชน์เท่านั้น นายสมคิดตั้งใจจะยื้อเรื่องนี่เพื่อเอื้อเครือข่ายญาติโยมของผู้มีอำนาจหรือย่างไรนายสมคิดต้องตอบ ถึงเวลาที่นายสมคิดจะต้องตอบว่ายืนอยู่เคียงข้างประชาชนเพื่อความถูกต้องหรือจะอยู่ข้างคนที่อยู่ในอำนาจและเข้าข่ายการทำผิดตามกฎหมายและขอนัดนายสมคิดว่าวันศุกร์นี้ช่วงเช้าตนและตัวแทนพรรคจะไปพบนายสมคิดที่กระทรวงพาณิชย์
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 28 ส.ค. 2549--จบ--