วันนี้ (4 ก.ย.49) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่พรรคไทยรักไทยออกมาวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับวาระประชาชนเรื่องรถไฟฟ้าของพรรคประชาธิปัตย์ว่าพรรคประชาธิปัตย์ขอยืนยันว่า การกำหนดวาระประชาชนด้านขนส่งมวลชนรถไฟฟ้าของพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ผ่านการศึกษาวิจัยโดยยึดถือแผนแม่บทของระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานครซึ่งเป็นแผนแม่บทที่จัดทำขึ้นในสมัยรัฐบาลชวน 1 และก็ทำต่อเนื่องมาจนถึงชวน 2 ฉะนั้นสิ่งที่พรรคไทยรักไทยนำเสนออยู่ในขณะนี้หรือสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์นำเสนออยู่ในขณะนี้ล้วนแล้วแต่มีพื้นฐานจากแผนแม่บทด้านขนส่งมวลชนของประเทศไทยโดยเฉพาะในกรุงเทพหานครจากการศึกษาจากรอบด้านใช้เงินงบประมาณมากมายมาแล้วตั้งแต่สมัยรัฐบาลชวน 1
“ฉะนั้นข้อกล่าวหาที่หาว่าพรรคประชาธิปัตย์ว่าเหลาะแหละ มาเน้นเรื่อง C and D นั้นก็ไม่เป็นความจริง ผมคิดว่า ผู้ที่กล่าวหาพรรคประชาธิปัตย์คือ พรรคไทยรักไทยมีความเลวร้ายยิ่งกว่าคน เพราะเอาข้อมูลจากแผนแม่บทมาบอกเป็นนโยบายของตัวเองและก็มากล่าวหาคนอื่นว่ามาลอกนโยบายของตัวเอง ซึ่งผมคิดว่าไม่เป็นความจริง จริงๆแล้วพรรคไทยรักไทยถือว่า ปล้น ก็คือปล้นแผนแม่บทของประเทศ และก็นำมาพัฒนาเป็นนโยบายของตัวเองซึ่งภาษาอังกฤษเรียกว่า R and B เหมือนกัน แต่ไม่ใช่ R ที่ย่อมาจากคำว่า Research เป็น R ที่ย่อมาจากคำว่า ROB ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยว่า ปล้น” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อไปว่า ตนคิดว่าคนที่มีพฤติกรรมในการปล้นแล้วมาบอกว่าของนั้นเป็นของของตัวเอง ตนคิดว่าเป็นพฤติกรรมที่เลวร้ายและไม่ควรเกิดขึ้นในการนำเสนอนโยบายประชาชนต่อไป ตนคิดว่าน่าจะเริ่มต้นพูดความจริงกัน นโยบายที่และพรรคนำมาเสนอมีที่มาที่ไปอย่างไร ตนคิดว่าสิ่งเหล่านี้ต้องมาพูดความจริงกัน ไม่ควรมาพูดเพื่อที่จะให้ตนเองมีคะแนนนิยมที่ดีขึ้น
“นอกเหนือจากนั้นสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่า ความพยายามของรัฐบาลพรรคไทยรักไทยถือว่าเป็นเพียงการโฆษณาที่ยังไม่เกิดผลจะเห็นได้ว่าตั้งแต่เลือกตั้งปี 48 บอกว่าจะทำรถไฟฟ้า 10 สาย พอมาเลือกตั้งมีเพิ่มตามมาปี 49 ปี 50 ก็จะบอกว่าจะทำ 10 สายอีก และเพิ่มเติมว่าจะเก็บ 15 บาท ผมคิดว่าในปี 48 คำพูดที่เคยบอกว่าจะทำรถไฟฟ้า 10 สายยังไม่เกิดขึ้น และวันนี้มาบอกว่าจะทำ 15 บาท ผมคิดว่าเป็นคำพูดที่ไม่สามารถเชื่อถือได้” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อไปว่า สังเกตได้ว่า พรรคไทยรักไทยชูนโยบายการเลือกตั้งรถไฟฟ้า 10 สายตอนการเลือกตั้งปี 2548 ได้รับเลือกตั้งตั้งแต่ต้นปี ปรากฎว่า ไม่ดำเนินการอะไร มาดำเนินการปลายปี 48 เดือนธันวาคม โดยรัฐบาลเชิญทูตจากประเทศต่างๆเข้ามาพูดคุยเพื่อให้ข้อมูลของเรื่องรถไฟฟ้า 10 สาย ถ้าการเลือกตั้งปี 48 บอกว่าจะทำก็หมายถึงต้องมีข้อมูลพร้อมอยู่แล้วว่าจะดำเนินการอย่างไรแต่ปรากฎว่า ปี 48 ปลายปีเดือนธันวาคมพึ่งจะเชิญทูตประเทศต่างๆเข้ามาพูดคุยเพื่อให้ข้อมูลรถไฟฟ้า 10 สาย
“กระทรวงคมนาคมออกหนังสือ Expression of interest ซึ่งยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลย พอมาเดือนมกราคมปี 49 จากที่เคยบอก 10 สาย ก็ไปออกทีโออาร์เหลือ 7 สายให้คนที่สนใจร่วมประมูล โดยกำหนดวันส่งคือเดือนเมษายน แต่ภายหลังเดือนเมษายนก็เลื่อนอีกไปเดือนพฤษภาคม ที่น่าตลกขบขันที่สุดก็คือว่า ทีโออาร์ ไม่มีการกำหนดมาตรฐานใดๆทั้งสิ้น เพียงแต่ให้ผู้ร่วมประมูลเสนอทุกอย่างมาเอง รัฐบาลจะเลือกเอาสิ่งที่เห็นว่าดีที่สุด ความจริงรัฐบาลจะต้องเป็นผู้กำหนดทีโออาร์ว่าการก่อสร้างรถไฟฟ้าจะต้องเป็นไปตามแผนแม่บทอย่างไร” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อไปว่า รัฐบาลมีความต้องการอย่างไร บริษัทต่างๆประเทศต่างๆที่ให้ความสนใจจะได้มีกรอบมีแนวทางไม่ใช่ใช้วิธีการบอกว่า เสนออะไรมาก็ได้รัฐบาลจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดซึ่งตนคิดว่า เป็นลักษณะการทำงานที่ค่อนข้างมั่วมาก พอมาถึงเดือนพฤษภาคม 2549 วันที่กำหนดส่งซองปรากฎว่าเชิญทูตไปทำข่าวใหญ่โตที่ทำเนียบมีบางประเทศส่งซองมาบ้าง แต่รู้ไหมว่าอะไรเกิดขึ้น
“รัฐบาลเลิกกระทำการทุกอย่างตั้งแต่ปลายปี 48 เดือนธันวาคมเชิญทูตยกเลิกหมด ไม่มีการตั้งคณะกรรมการมาพิจารณาใดๆทั้งสิ้น และก็ตั้งแต่วันนั้นมาพฤษภาคมปี 2549 จนถึงขณะนี้กว่ามาแถลงข่าวไปตรวจสอบดูแล้ว
ปรากฎว่า รัฐบาลก็ไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกเลยจนกระทั่งวันดีคืนดีก็เอาเรื่องเข้าการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัปดาห์ที่แล้ว วันเสาร์ที่ผ่านมาก็ออกมาพูดว่าจะทำรถไฟฟ้า 10 สาย เก็บค่าโดยสาร 15 บาทอะไรต่างๆ” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อไปว่า เหตุที่รัฐบาลไม่สามารถดำเนินการอะไรต่อได้เนื่องจากไม่มีการกำหนดมาตรฐานในทีโออาร์ที่ทำให้สามารถเปรียบเทียบได้ คือไม่รู้ว่าจะเลือกอย่างไร เพราะทุกคนเสนอสิ่งที่ดีที่สุด สิ่งที่ดีที่สุดที่เสนอเข้ามาก็ต้องมีมาตรฐานกลางเพื่อเปรียบทียบว่าสิ่งใดดีที่สุดที่เสนอดีทุ่ดเข้ามารัฐาลก็ไม่มีมาตรฐานกลางไว้ก็เลยทำให้ค่อนข้างเป็นปัญหา
“เพราะฉะนั้น พรรคประชาธิปัตย์เรียนว่า ประการที่ 1 ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่จะได้รับจากรถไฟฟ้าของพรรคประชาธิปัตย์นั้นจำนวนผู้โดยสารต่อวันนั้นจะได้มากถึง 1.5 — 2 ล้านคนต่อวันหลังจากดำเนินการทุกโครงการเสร็จสิ้นในระยะเวลาหนึ่ง ประการที่ 2 คือเรื่องของการประหยัดพลังงาน ลดปริมาณพลังงานที่ใช้จากการใช้รถยนต์ส่วนตัวนี่ก็ชัดเจน ประการที่ 3 คือเรื่องของการแก้ปัญหาการจราจรประหยัดเวลาในการเดินทาง” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กลาวต่อไปว่า ข้อสำคัญก็คือวิธีการของพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นวิธีการส่งต่อความรู้ และเทคโนโลยีในการต่อรถต่อไปก็จะมีความรู้ของประเทศไม่ใช่ไปเอาสิ่งที่ดีจากเมืองนอกมาทั้งหมด โดยที่ไทยไม่ได้ประโยชน์อะไร ไทยก็ต้องซื้อเทคโนยีต่างประเทศอย่างเดียวเพราะว่าในสัญญาการซื้อขายรถไฟฟ้าของพรรคประชาธิปัตย์ระบุชัดเจนเกี่ยวกับการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับประเทศไทยด้วย
“สิ่งที่พรรรคประชาธิปัตย์ดำเนินการนี้ พรรคประชาธิปัตย์เรียนว่า เป็นสิ่งที่ทำได้ เพราะมีหลายประเทศได้ดำเนินการมาแล้ว ยกตัวอย่างประเทศที่ได้ดำเนินการมาแล้วอย่างประเทศมาเลเซียก็ดำเนินการในลักษณะนี้ในบางส่วนแล้ว ฉะนั้น พรรคประชาธิปัตย์ก็ขอยืนยัน รถไฟฟ้าของพรรคประชาธิปัตย์นั้นเป็นระบบขนส่งมวลชนที่สามารถทำได้จริงโดยผ่านการศึกษาวิจัยบนพื้นฐานของแผ่นแม่บทขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานครและก็มีมาตรการในการดำเนินการชัดเจน มีกรอบระยเวลา มีงบประมาณที่จะใช้ อย่างตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรเคลือบแฝง” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อไปว่า พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ได้รีบร้อนทำ เพื่อที่จะมาเกทับมักใหญ่กันในกรเลือกตั้งครั้งนี้เท่านั้น พรรคได้ดำเนินการมาเป็นระยะๆ ก่อนหน้านี้มาพอสมควร จึงอยากจะขอความกรุณาพรรคไทยรักไทยใหนำเสนอนโยบายโดยพื้นฐานของความเป็นจริงและก็ไม่ควรใช้วิธีการปล้นไปพัฒนาอีกต่อไป
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 4 ก.ย. 2549--จบ--
“ฉะนั้นข้อกล่าวหาที่หาว่าพรรคประชาธิปัตย์ว่าเหลาะแหละ มาเน้นเรื่อง C and D นั้นก็ไม่เป็นความจริง ผมคิดว่า ผู้ที่กล่าวหาพรรคประชาธิปัตย์คือ พรรคไทยรักไทยมีความเลวร้ายยิ่งกว่าคน เพราะเอาข้อมูลจากแผนแม่บทมาบอกเป็นนโยบายของตัวเองและก็มากล่าวหาคนอื่นว่ามาลอกนโยบายของตัวเอง ซึ่งผมคิดว่าไม่เป็นความจริง จริงๆแล้วพรรคไทยรักไทยถือว่า ปล้น ก็คือปล้นแผนแม่บทของประเทศ และก็นำมาพัฒนาเป็นนโยบายของตัวเองซึ่งภาษาอังกฤษเรียกว่า R and B เหมือนกัน แต่ไม่ใช่ R ที่ย่อมาจากคำว่า Research เป็น R ที่ย่อมาจากคำว่า ROB ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยว่า ปล้น” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อไปว่า ตนคิดว่าคนที่มีพฤติกรรมในการปล้นแล้วมาบอกว่าของนั้นเป็นของของตัวเอง ตนคิดว่าเป็นพฤติกรรมที่เลวร้ายและไม่ควรเกิดขึ้นในการนำเสนอนโยบายประชาชนต่อไป ตนคิดว่าน่าจะเริ่มต้นพูดความจริงกัน นโยบายที่และพรรคนำมาเสนอมีที่มาที่ไปอย่างไร ตนคิดว่าสิ่งเหล่านี้ต้องมาพูดความจริงกัน ไม่ควรมาพูดเพื่อที่จะให้ตนเองมีคะแนนนิยมที่ดีขึ้น
“นอกเหนือจากนั้นสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่า ความพยายามของรัฐบาลพรรคไทยรักไทยถือว่าเป็นเพียงการโฆษณาที่ยังไม่เกิดผลจะเห็นได้ว่าตั้งแต่เลือกตั้งปี 48 บอกว่าจะทำรถไฟฟ้า 10 สาย พอมาเลือกตั้งมีเพิ่มตามมาปี 49 ปี 50 ก็จะบอกว่าจะทำ 10 สายอีก และเพิ่มเติมว่าจะเก็บ 15 บาท ผมคิดว่าในปี 48 คำพูดที่เคยบอกว่าจะทำรถไฟฟ้า 10 สายยังไม่เกิดขึ้น และวันนี้มาบอกว่าจะทำ 15 บาท ผมคิดว่าเป็นคำพูดที่ไม่สามารถเชื่อถือได้” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อไปว่า สังเกตได้ว่า พรรคไทยรักไทยชูนโยบายการเลือกตั้งรถไฟฟ้า 10 สายตอนการเลือกตั้งปี 2548 ได้รับเลือกตั้งตั้งแต่ต้นปี ปรากฎว่า ไม่ดำเนินการอะไร มาดำเนินการปลายปี 48 เดือนธันวาคม โดยรัฐบาลเชิญทูตจากประเทศต่างๆเข้ามาพูดคุยเพื่อให้ข้อมูลของเรื่องรถไฟฟ้า 10 สาย ถ้าการเลือกตั้งปี 48 บอกว่าจะทำก็หมายถึงต้องมีข้อมูลพร้อมอยู่แล้วว่าจะดำเนินการอย่างไรแต่ปรากฎว่า ปี 48 ปลายปีเดือนธันวาคมพึ่งจะเชิญทูตประเทศต่างๆเข้ามาพูดคุยเพื่อให้ข้อมูลรถไฟฟ้า 10 สาย
“กระทรวงคมนาคมออกหนังสือ Expression of interest ซึ่งยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลย พอมาเดือนมกราคมปี 49 จากที่เคยบอก 10 สาย ก็ไปออกทีโออาร์เหลือ 7 สายให้คนที่สนใจร่วมประมูล โดยกำหนดวันส่งคือเดือนเมษายน แต่ภายหลังเดือนเมษายนก็เลื่อนอีกไปเดือนพฤษภาคม ที่น่าตลกขบขันที่สุดก็คือว่า ทีโออาร์ ไม่มีการกำหนดมาตรฐานใดๆทั้งสิ้น เพียงแต่ให้ผู้ร่วมประมูลเสนอทุกอย่างมาเอง รัฐบาลจะเลือกเอาสิ่งที่เห็นว่าดีที่สุด ความจริงรัฐบาลจะต้องเป็นผู้กำหนดทีโออาร์ว่าการก่อสร้างรถไฟฟ้าจะต้องเป็นไปตามแผนแม่บทอย่างไร” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อไปว่า รัฐบาลมีความต้องการอย่างไร บริษัทต่างๆประเทศต่างๆที่ให้ความสนใจจะได้มีกรอบมีแนวทางไม่ใช่ใช้วิธีการบอกว่า เสนออะไรมาก็ได้รัฐบาลจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดซึ่งตนคิดว่า เป็นลักษณะการทำงานที่ค่อนข้างมั่วมาก พอมาถึงเดือนพฤษภาคม 2549 วันที่กำหนดส่งซองปรากฎว่าเชิญทูตไปทำข่าวใหญ่โตที่ทำเนียบมีบางประเทศส่งซองมาบ้าง แต่รู้ไหมว่าอะไรเกิดขึ้น
“รัฐบาลเลิกกระทำการทุกอย่างตั้งแต่ปลายปี 48 เดือนธันวาคมเชิญทูตยกเลิกหมด ไม่มีการตั้งคณะกรรมการมาพิจารณาใดๆทั้งสิ้น และก็ตั้งแต่วันนั้นมาพฤษภาคมปี 2549 จนถึงขณะนี้กว่ามาแถลงข่าวไปตรวจสอบดูแล้ว
ปรากฎว่า รัฐบาลก็ไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกเลยจนกระทั่งวันดีคืนดีก็เอาเรื่องเข้าการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัปดาห์ที่แล้ว วันเสาร์ที่ผ่านมาก็ออกมาพูดว่าจะทำรถไฟฟ้า 10 สาย เก็บค่าโดยสาร 15 บาทอะไรต่างๆ” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อไปว่า เหตุที่รัฐบาลไม่สามารถดำเนินการอะไรต่อได้เนื่องจากไม่มีการกำหนดมาตรฐานในทีโออาร์ที่ทำให้สามารถเปรียบเทียบได้ คือไม่รู้ว่าจะเลือกอย่างไร เพราะทุกคนเสนอสิ่งที่ดีที่สุด สิ่งที่ดีที่สุดที่เสนอเข้ามาก็ต้องมีมาตรฐานกลางเพื่อเปรียบทียบว่าสิ่งใดดีที่สุดที่เสนอดีทุ่ดเข้ามารัฐาลก็ไม่มีมาตรฐานกลางไว้ก็เลยทำให้ค่อนข้างเป็นปัญหา
“เพราะฉะนั้น พรรคประชาธิปัตย์เรียนว่า ประการที่ 1 ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่จะได้รับจากรถไฟฟ้าของพรรคประชาธิปัตย์นั้นจำนวนผู้โดยสารต่อวันนั้นจะได้มากถึง 1.5 — 2 ล้านคนต่อวันหลังจากดำเนินการทุกโครงการเสร็จสิ้นในระยะเวลาหนึ่ง ประการที่ 2 คือเรื่องของการประหยัดพลังงาน ลดปริมาณพลังงานที่ใช้จากการใช้รถยนต์ส่วนตัวนี่ก็ชัดเจน ประการที่ 3 คือเรื่องของการแก้ปัญหาการจราจรประหยัดเวลาในการเดินทาง” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กลาวต่อไปว่า ข้อสำคัญก็คือวิธีการของพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นวิธีการส่งต่อความรู้ และเทคโนโลยีในการต่อรถต่อไปก็จะมีความรู้ของประเทศไม่ใช่ไปเอาสิ่งที่ดีจากเมืองนอกมาทั้งหมด โดยที่ไทยไม่ได้ประโยชน์อะไร ไทยก็ต้องซื้อเทคโนยีต่างประเทศอย่างเดียวเพราะว่าในสัญญาการซื้อขายรถไฟฟ้าของพรรคประชาธิปัตย์ระบุชัดเจนเกี่ยวกับการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับประเทศไทยด้วย
“สิ่งที่พรรรคประชาธิปัตย์ดำเนินการนี้ พรรคประชาธิปัตย์เรียนว่า เป็นสิ่งที่ทำได้ เพราะมีหลายประเทศได้ดำเนินการมาแล้ว ยกตัวอย่างประเทศที่ได้ดำเนินการมาแล้วอย่างประเทศมาเลเซียก็ดำเนินการในลักษณะนี้ในบางส่วนแล้ว ฉะนั้น พรรคประชาธิปัตย์ก็ขอยืนยัน รถไฟฟ้าของพรรคประชาธิปัตย์นั้นเป็นระบบขนส่งมวลชนที่สามารถทำได้จริงโดยผ่านการศึกษาวิจัยบนพื้นฐานของแผ่นแม่บทขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานครและก็มีมาตรการในการดำเนินการชัดเจน มีกรอบระยเวลา มีงบประมาณที่จะใช้ อย่างตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรเคลือบแฝง” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อไปว่า พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ได้รีบร้อนทำ เพื่อที่จะมาเกทับมักใหญ่กันในกรเลือกตั้งครั้งนี้เท่านั้น พรรคได้ดำเนินการมาเป็นระยะๆ ก่อนหน้านี้มาพอสมควร จึงอยากจะขอความกรุณาพรรคไทยรักไทยใหนำเสนอนโยบายโดยพื้นฐานของความเป็นจริงและก็ไม่ควรใช้วิธีการปล้นไปพัฒนาอีกต่อไป
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 4 ก.ย. 2549--จบ--