แท็ก
ธนาคารโลก
คำถาม : ประเทศใดมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเข้าไปทำธุรกิจมากที่สุดในโลก
คำตอบ : ธนาคารโลก (World Bank) ได้สรุปผลการสำรวจสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเข้าไปทำธุรกิจของประเทศต่าง ๆ ไว้ในรายงานเรื่อง "Doing Business in 2006 : Creating Jobs" ซึ่งจัดทำขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อประเมินโอกาสและศักยภาพในการเข้าไปลงทุนของแต่ละประเทศ โดยจะพิจารณาในแง่ของกฎระเบียบของภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน
สำหรับประเทศที่ได้รับการจัดอันดับสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเข้าไปทำธุรกิจในปี 2549 ในรายงานฉบับนี้ มี 155 ประเทศ โดยใช้ดัชนีและข้อมูลในการวิเคราะห์ ดังนี้
* ดัชนีที่ใช้วัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเข้าไปทำธุรกิจ คำนวณจาก 10 ปัจจัย ได้แก่ การจัดตั้งธุรกิจการสร้างคลังสินค้า ความยืดหยุ่นของกฎหมายแรงงาน การจดทะเบียนทรัพย์สิน ข้อมูลเครดิตและกฎหมายล้มละลาย มาตรการปกป้องผู้ถือหุ้นรายย่อย ระบบภาษี มาตรการทางการค้าระหว่างประเทศ การบังคับใช้สัญญาทางธุรกิจ และการปิดกิจการของธุรกิจ
* ข้อมูลที่ใช้ในการประเมิน มาจาก 2 แหล่ง คือ การรวบรวมข้อมูลสถิติและกฎหมายต่าง ๆ ที่มีผลบังคับใช้ในขณะนั้น และการสำรวจความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญจากหลายสาขาของแต่ละประเทศ
สำหรับผลการสำรวจสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเข้าไปทำธุรกิจในปี 2549 ของประเทศต่าง ๆ สรุปได้ดังนี้
- ประเทศที่ได้รับการจัดอันดับว่ามีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเข้าไปทำธุรกิจมากที่สุด คือ นิวซีแลนด์ เนื่องจากมีขั้นตอนการจัดตั้งธุรกิจที่สะดวกและรวดเร็ว โดยใช้เวลาเฉลี่ยราว 12 วัน อีกทั้งกฎหมายแรงงานยังมีความยืดหยุ่นสูง นอกจากนี้ ยังมีมาตรการคุ้มครองนักลงทุนต่างชาติสูง รองลงมา ได้แก่ สิงคโปร์ สหรัฐฯ แคนาดา นอร์เวย์ ออสเตรเลีย ฮ่องกง เดนมาร์ก สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่น ตามลำดับ
- ประเทศที่มีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเข้าไปทำธุรกิจน้อยที่สุด คือ คองโก เนื่องจากมีขั้นตอนในการจัดตั้งธุรกิจซับซ้อน และใช้เวลาเฉลี่ยสูงราว 155 วัน นอกจากนี้ ยังมีระบบกฎหมายต่าง ๆ ที่ไม่ทันสมัยรองลงมา ได้แก่ บูร์กินาฟาโซ สาธารณรัฐแอฟริกากลาง ชาด และซูดาน ตามลำดับ
- ประเทศในแถบยุโรปมีความก้าวหน้าในการปฏิรูปเศรษฐกิจมากที่สุด ขณะที่ประเทศในแถบแอฟริกา มีการปฏิรูปเศรษฐกิจช้าที่สุด และมีกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนมากที่สุด ส่วนประเทศในแถบเอเชียนั้น แม้ว่าหลายประเทศจะมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูง แต่บางประเทศ อาทิ จีน ไต้หวัน และสปป.ลาว ฯลฯ ยังขาดความพร้อมในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
- ไทย เป็นประเทศที่มีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำธุรกิจเป็นอันดับที่ 20 เนื่องจากกระบวนการจัดตั้งธุรกิจในไทยยังมีความซับซ้อน และใช้เวลาเฉลี่ยราว 33 วัน นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ของภาครัฐยังขาดความชำนาญในการติดต่อสื่อสารภาษาอังกฤษ
อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นอื่น ๆ ที่นักลงทุนหรือนักธุรกิจควรใช้ประกอบการพิจารณาก่อนที่จะเข้าไปลงทุนในประเทศต่าง ๆ ซึ่งในรายงานฉบับนี้ไม่ได้นำมาพิจารณา อาทิ ภาวะเศรษฐกิจ ความพร้อมของระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน ทำเลที่ตั้งของประเทศนั้น ๆ ว่าเอื้อต่อการกระจายสินค้าไปยังประเทศใกล้เคียงหรือไม่ อัตราค่าจ้างแรงงาน และค่าเช่าที่ดิน เป็นต้น
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย เมษายน 2549--
-พห-
คำตอบ : ธนาคารโลก (World Bank) ได้สรุปผลการสำรวจสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเข้าไปทำธุรกิจของประเทศต่าง ๆ ไว้ในรายงานเรื่อง "Doing Business in 2006 : Creating Jobs" ซึ่งจัดทำขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อประเมินโอกาสและศักยภาพในการเข้าไปลงทุนของแต่ละประเทศ โดยจะพิจารณาในแง่ของกฎระเบียบของภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน
สำหรับประเทศที่ได้รับการจัดอันดับสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเข้าไปทำธุรกิจในปี 2549 ในรายงานฉบับนี้ มี 155 ประเทศ โดยใช้ดัชนีและข้อมูลในการวิเคราะห์ ดังนี้
* ดัชนีที่ใช้วัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเข้าไปทำธุรกิจ คำนวณจาก 10 ปัจจัย ได้แก่ การจัดตั้งธุรกิจการสร้างคลังสินค้า ความยืดหยุ่นของกฎหมายแรงงาน การจดทะเบียนทรัพย์สิน ข้อมูลเครดิตและกฎหมายล้มละลาย มาตรการปกป้องผู้ถือหุ้นรายย่อย ระบบภาษี มาตรการทางการค้าระหว่างประเทศ การบังคับใช้สัญญาทางธุรกิจ และการปิดกิจการของธุรกิจ
* ข้อมูลที่ใช้ในการประเมิน มาจาก 2 แหล่ง คือ การรวบรวมข้อมูลสถิติและกฎหมายต่าง ๆ ที่มีผลบังคับใช้ในขณะนั้น และการสำรวจความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญจากหลายสาขาของแต่ละประเทศ
สำหรับผลการสำรวจสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเข้าไปทำธุรกิจในปี 2549 ของประเทศต่าง ๆ สรุปได้ดังนี้
- ประเทศที่ได้รับการจัดอันดับว่ามีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเข้าไปทำธุรกิจมากที่สุด คือ นิวซีแลนด์ เนื่องจากมีขั้นตอนการจัดตั้งธุรกิจที่สะดวกและรวดเร็ว โดยใช้เวลาเฉลี่ยราว 12 วัน อีกทั้งกฎหมายแรงงานยังมีความยืดหยุ่นสูง นอกจากนี้ ยังมีมาตรการคุ้มครองนักลงทุนต่างชาติสูง รองลงมา ได้แก่ สิงคโปร์ สหรัฐฯ แคนาดา นอร์เวย์ ออสเตรเลีย ฮ่องกง เดนมาร์ก สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่น ตามลำดับ
- ประเทศที่มีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเข้าไปทำธุรกิจน้อยที่สุด คือ คองโก เนื่องจากมีขั้นตอนในการจัดตั้งธุรกิจซับซ้อน และใช้เวลาเฉลี่ยสูงราว 155 วัน นอกจากนี้ ยังมีระบบกฎหมายต่าง ๆ ที่ไม่ทันสมัยรองลงมา ได้แก่ บูร์กินาฟาโซ สาธารณรัฐแอฟริกากลาง ชาด และซูดาน ตามลำดับ
- ประเทศในแถบยุโรปมีความก้าวหน้าในการปฏิรูปเศรษฐกิจมากที่สุด ขณะที่ประเทศในแถบแอฟริกา มีการปฏิรูปเศรษฐกิจช้าที่สุด และมีกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนมากที่สุด ส่วนประเทศในแถบเอเชียนั้น แม้ว่าหลายประเทศจะมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูง แต่บางประเทศ อาทิ จีน ไต้หวัน และสปป.ลาว ฯลฯ ยังขาดความพร้อมในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
- ไทย เป็นประเทศที่มีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำธุรกิจเป็นอันดับที่ 20 เนื่องจากกระบวนการจัดตั้งธุรกิจในไทยยังมีความซับซ้อน และใช้เวลาเฉลี่ยราว 33 วัน นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ของภาครัฐยังขาดความชำนาญในการติดต่อสื่อสารภาษาอังกฤษ
อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นอื่น ๆ ที่นักลงทุนหรือนักธุรกิจควรใช้ประกอบการพิจารณาก่อนที่จะเข้าไปลงทุนในประเทศต่าง ๆ ซึ่งในรายงานฉบับนี้ไม่ได้นำมาพิจารณา อาทิ ภาวะเศรษฐกิจ ความพร้อมของระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน ทำเลที่ตั้งของประเทศนั้น ๆ ว่าเอื้อต่อการกระจายสินค้าไปยังประเทศใกล้เคียงหรือไม่ อัตราค่าจ้างแรงงาน และค่าเช่าที่ดิน เป็นต้น
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย เมษายน 2549--
-พห-