"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" เข้าหารือกับผู้จัดการ ตลท. พร้อมเรียกร้องให้เร่งสร้างธรรมาภิบาล คุ้มครองนักลงทุนรายย่อย และกำจัดผลประโยชน์ทับซ้อน เพื่อสร้างความมั่นใจต่อการลงทุนในตลาดหุ้น ส่วนการเรียกร้องตรวจสอบกรณีขายหุ้นชินคอร์ป ยังไม่ได้รับการตอบรับจาก ก.ล.ต.
วันนี้(19มิ.ย. 49)เวลา 14.00 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางไปพบนางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อหารือถึงทิศทางนโยบายของตลาดทุน พร้อมกันนี้นายอภิสิทธิ์ กล่าวภายหลังการหารือกับ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า การเดินทางมาพบกับผู้จัดการ ตลท.วันนี้ เป็นการเดินสายพบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามนโยบายวาระเพื่อประชาชนของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเห็นว่า ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยปรับลดลงมากต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนยังขาดความเชื่อมั่นในบางเรื่อง จึงต้องการเสนอให้ ตลท. ดำเนินบางมาตรการ เช่น 1. สร้างธรรมาภิบาลที่ดี เพราะนักลงทุนมีความวิตกว่า จะมีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะประเด็นผลประโยชน์ทับซ้อน 2. ต้องการให้มีมาตรการคุ้มครองนักลงทุนรายย่อย เพราะหากนักลงทุนรายย่อยไม่มีความเชื่อมั่นในตลาดหลักทรัพย์ไทย ก็จะไม่เข้ามาลงทุน
“ปัจจุบันนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนยังคงกระจุกตัว และมีคนอาศัยผลประโยชน์จากตลาดหุ้นไปหาผลประโยชน์ทางการเมือง ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำด้านข้อมูล ซึ่งหาก ตลท. มีการแก้ไขในเรื่องนี้ได้ ก็จะทำให้ตลาดเติบโตมากกว่านี้” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ยื่นเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ดำเนินการตรวจสอบการซื้อขายหุ้นชิน คอร์ปอเรชั่น กับกลุ่มเทมาเส็ก ว่า ขั้นตอนทั้งหมดอยู่ที่ ก.ล.ต. ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ได้สอบถามไปหลายครั้ง แต่ก็ได้รับคำตอบจาก ก.ล.ต.ว่า ข้อมูลต่างๆ เป็นข้อมูลต่างประเทศ ซึ่งไม่สามารถชี้แจงเพิ่มเติมได้ ขณะเดียวกันพรรคประชาธิปัตย์ได้สอบถามเรื่องรายละเอียดการซื้อขายหุ้นดังกล่าว ก็ได้คำตอบว่า เป็นการกรอกแบบฟอร์มผิด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า การทำงานของ ก.ล.ต.ขาดความเข้มแข็ง
ส่วนนโยบายการแปรรูปรัฐวิสาหกิจเพื่อเข้าจดทะเบียนใน ตลท.นั้น ทางพรรคประชาธิปัตย์ยังยืนยันไม่เห็นด้วย หากเป้าหมายการแปรรูปคือ การเพิ่มมูลค่าตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) เพียงอย่างเดียว และสุดท้ายก็จะไปตกอยู่ในมือนักลงทุนต่างชาติ ทั้งนี้ การแปรรูปควรมีผลดีต่อประเทศในด้านอื่นๆ ด้วย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 20 มิ.ย. 2549--จบ--
วันนี้(19มิ.ย. 49)เวลา 14.00 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางไปพบนางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อหารือถึงทิศทางนโยบายของตลาดทุน พร้อมกันนี้นายอภิสิทธิ์ กล่าวภายหลังการหารือกับ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า การเดินทางมาพบกับผู้จัดการ ตลท.วันนี้ เป็นการเดินสายพบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามนโยบายวาระเพื่อประชาชนของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเห็นว่า ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยปรับลดลงมากต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนยังขาดความเชื่อมั่นในบางเรื่อง จึงต้องการเสนอให้ ตลท. ดำเนินบางมาตรการ เช่น 1. สร้างธรรมาภิบาลที่ดี เพราะนักลงทุนมีความวิตกว่า จะมีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะประเด็นผลประโยชน์ทับซ้อน 2. ต้องการให้มีมาตรการคุ้มครองนักลงทุนรายย่อย เพราะหากนักลงทุนรายย่อยไม่มีความเชื่อมั่นในตลาดหลักทรัพย์ไทย ก็จะไม่เข้ามาลงทุน
“ปัจจุบันนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนยังคงกระจุกตัว และมีคนอาศัยผลประโยชน์จากตลาดหุ้นไปหาผลประโยชน์ทางการเมือง ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำด้านข้อมูล ซึ่งหาก ตลท. มีการแก้ไขในเรื่องนี้ได้ ก็จะทำให้ตลาดเติบโตมากกว่านี้” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ยื่นเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ดำเนินการตรวจสอบการซื้อขายหุ้นชิน คอร์ปอเรชั่น กับกลุ่มเทมาเส็ก ว่า ขั้นตอนทั้งหมดอยู่ที่ ก.ล.ต. ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ได้สอบถามไปหลายครั้ง แต่ก็ได้รับคำตอบจาก ก.ล.ต.ว่า ข้อมูลต่างๆ เป็นข้อมูลต่างประเทศ ซึ่งไม่สามารถชี้แจงเพิ่มเติมได้ ขณะเดียวกันพรรคประชาธิปัตย์ได้สอบถามเรื่องรายละเอียดการซื้อขายหุ้นดังกล่าว ก็ได้คำตอบว่า เป็นการกรอกแบบฟอร์มผิด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า การทำงานของ ก.ล.ต.ขาดความเข้มแข็ง
ส่วนนโยบายการแปรรูปรัฐวิสาหกิจเพื่อเข้าจดทะเบียนใน ตลท.นั้น ทางพรรคประชาธิปัตย์ยังยืนยันไม่เห็นด้วย หากเป้าหมายการแปรรูปคือ การเพิ่มมูลค่าตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) เพียงอย่างเดียว และสุดท้ายก็จะไปตกอยู่ในมือนักลงทุนต่างชาติ ทั้งนี้ การแปรรูปควรมีผลดีต่อประเทศในด้านอื่นๆ ด้วย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 20 มิ.ย. 2549--จบ--