กรุงเทพ--31 ส.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
สืบเนื่องจากการสอบสวนของทางการปากีสถานพบว่าสถาบันสอนศาสนาอิสลามของเอกชนหลายแห่งในปากีสถานเป็นแหล่งซ่องสุมของกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงหรือสนับสนุนให้เกิดแนวความคิดเชิงรุนแรงซึ่งอาจนำไปสู่การก่อการร้ายได้ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ศกนี้ ประธานาธิบดีมูชาราฟ แห่งปากีสถาน จึงได้แถลงต่อสื่อมวลชนว่า นักศึกษาต่างชาติที่กำลังศึกษาอยู่ในสถาบันสอนศาสนาอิสลามทั่วประเทศ ซึ่งมีประมาณ 1,400 คน ต้องเดินทางกลับประเทศ และจะไม่มีการออกวีซ่าให้นักศึกษาต่างชาติที่จะเข้าไปศึกษาในสถาบันดังกล่าวอีก
ต่อมา ทางการปากีสถานประกาศว่า จะยกเลิกวีซ่าสำหรับนักเรียนต่างชาติที่เดินทางเข้าไปศึกษาเป็นการส่วนตัว (แต่ไม่รวมถึงนักศึกษาภายใต้โครงการแลกเปลี่ยนหรือภายใต้ข้อตกลงระหว่างรัฐต่อรัฐ) แม้จะมีหนังสือแสดงความยินยอม (Non Objection Certificate — NOC) ที่ออกให้โดยทางการของแต่ละประเทศก็ตาม จะต้องเดินทางกลับประเทศภายในระยะเวลาที่ทางการปากีสถานจะประกาศอีกครั้งหนึ่ง
เรื่องนี้มีผลกระทบต่อนักศึกษาไทยในการาจีซึ่งมีอยู่ประมาณ 122 คน ส่วนใหญ่ไปจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และกำลังศึกษาอยู่ในสถาบันสอนศาสนาอิสลาม 3 แห่ง ดังนั้น เจ้าหน้าที่สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองการาจี จึงได้เข้าพบผู้บริหารและนักศึกษาไทยของ 3 สถาบันดังกล่าว และได้รับแจ้งว่า ขณะนี้สถาบันทั้ง 3 แห่งยังไม่ได้รับหนังสือเพื่อขอความร่วมมือและดำเนินการในเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ เพียงแต่ได้รับการตรวจสอบและประสานงานจากหน่วยงานความมั่นคงถึงสถานะของนักศึกษาต่างชาติของแต่ละสถาบัน
ผู้บริหารสถาบันแจ้งด้วยว่า ขณะนี้นักศึกษาอยู่ระหว่างเตรียมตัวเพื่อสอบเทอมสุดท้ายของปีการศึกษานี้ (เดือนกันยายน 2548) สหพันธ์สมาคมโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามของปากีสถานได้ร้องขอให้รัฐบาลพิจารณายืดระยะเวลาการเดินทางกลับประเทศของนักศึกษาต่างชาติออกไปจนกว่าจะสอบเสร็จ ซึ่งรัฐมนตรีมหาดไทยปากีสถานได้แถลงว่าจะผ่อนผันยืดเวลาการเดินทางกลับจนถึงสิ้นปี 2548 นี้
อย่างไรก็ตาม สถานกงสุลใหญ่ฯ มีความเห็นว่าหากสถาบันดังกล่าวได้รับแจ้งจากทางการปากีสถานเพื่อให้ดำเนินการในเรื่องนี้เมื่อใด นักศึกษาต่างชาติทั้งหมดรวมถึงนักศึกษาไทยต้องเดินทางกลับประเทศเช่นกัน ดังนั้น นักศึกษาไทยที่ประสงค์จะเดินทางไปเรียนที่สถาบันสอนศาสนาอิสลามของเอกชนในปากีสถาน ควรจะชลอหรือเลื่อนไปก่อนจนกว่าทางการปากีสถานจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับเรื่องนี้
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
สืบเนื่องจากการสอบสวนของทางการปากีสถานพบว่าสถาบันสอนศาสนาอิสลามของเอกชนหลายแห่งในปากีสถานเป็นแหล่งซ่องสุมของกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงหรือสนับสนุนให้เกิดแนวความคิดเชิงรุนแรงซึ่งอาจนำไปสู่การก่อการร้ายได้ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ศกนี้ ประธานาธิบดีมูชาราฟ แห่งปากีสถาน จึงได้แถลงต่อสื่อมวลชนว่า นักศึกษาต่างชาติที่กำลังศึกษาอยู่ในสถาบันสอนศาสนาอิสลามทั่วประเทศ ซึ่งมีประมาณ 1,400 คน ต้องเดินทางกลับประเทศ และจะไม่มีการออกวีซ่าให้นักศึกษาต่างชาติที่จะเข้าไปศึกษาในสถาบันดังกล่าวอีก
ต่อมา ทางการปากีสถานประกาศว่า จะยกเลิกวีซ่าสำหรับนักเรียนต่างชาติที่เดินทางเข้าไปศึกษาเป็นการส่วนตัว (แต่ไม่รวมถึงนักศึกษาภายใต้โครงการแลกเปลี่ยนหรือภายใต้ข้อตกลงระหว่างรัฐต่อรัฐ) แม้จะมีหนังสือแสดงความยินยอม (Non Objection Certificate — NOC) ที่ออกให้โดยทางการของแต่ละประเทศก็ตาม จะต้องเดินทางกลับประเทศภายในระยะเวลาที่ทางการปากีสถานจะประกาศอีกครั้งหนึ่ง
เรื่องนี้มีผลกระทบต่อนักศึกษาไทยในการาจีซึ่งมีอยู่ประมาณ 122 คน ส่วนใหญ่ไปจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และกำลังศึกษาอยู่ในสถาบันสอนศาสนาอิสลาม 3 แห่ง ดังนั้น เจ้าหน้าที่สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองการาจี จึงได้เข้าพบผู้บริหารและนักศึกษาไทยของ 3 สถาบันดังกล่าว และได้รับแจ้งว่า ขณะนี้สถาบันทั้ง 3 แห่งยังไม่ได้รับหนังสือเพื่อขอความร่วมมือและดำเนินการในเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ เพียงแต่ได้รับการตรวจสอบและประสานงานจากหน่วยงานความมั่นคงถึงสถานะของนักศึกษาต่างชาติของแต่ละสถาบัน
ผู้บริหารสถาบันแจ้งด้วยว่า ขณะนี้นักศึกษาอยู่ระหว่างเตรียมตัวเพื่อสอบเทอมสุดท้ายของปีการศึกษานี้ (เดือนกันยายน 2548) สหพันธ์สมาคมโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามของปากีสถานได้ร้องขอให้รัฐบาลพิจารณายืดระยะเวลาการเดินทางกลับประเทศของนักศึกษาต่างชาติออกไปจนกว่าจะสอบเสร็จ ซึ่งรัฐมนตรีมหาดไทยปากีสถานได้แถลงว่าจะผ่อนผันยืดเวลาการเดินทางกลับจนถึงสิ้นปี 2548 นี้
อย่างไรก็ตาม สถานกงสุลใหญ่ฯ มีความเห็นว่าหากสถาบันดังกล่าวได้รับแจ้งจากทางการปากีสถานเพื่อให้ดำเนินการในเรื่องนี้เมื่อใด นักศึกษาต่างชาติทั้งหมดรวมถึงนักศึกษาไทยต้องเดินทางกลับประเทศเช่นกัน ดังนั้น นักศึกษาไทยที่ประสงค์จะเดินทางไปเรียนที่สถาบันสอนศาสนาอิสลามของเอกชนในปากีสถาน ควรจะชลอหรือเลื่อนไปก่อนจนกว่าทางการปากีสถานจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับเรื่องนี้
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-