‘วิทยา แก้วภราดัย’ ระบุ คนจนยังฝังใจกับนโยบาย 4 ปีซ่อม 4 ปีสร้าง จึงฝากความหวังไว้หลังจากรบ.เคยประกาศว่าอีก 6 ปีจะไม่มีคนจน พร้อมถามหาความจริงใจในการแก้ปัญหา
นายวิทยา แก้วภราดัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) จ.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายนโยบายขจัดปัญหาความยากจนว่า ตนมีความยินดีที่รัฐบาลถือนโยบายข้อนี้เป็นข้อแรก เพราะเห็นว่าผลจากการที่รัฐบาลสามารถจัดตั้งได้ในวันนี้ เพราะคนทั้งประเทศยังฝังใจกับนโยบาย 4 ปีซ่อม 4 ปีสร้าง ซึ่งคนจนทั้งประเทศยังฝากความหวังไว้หลังจากรัฐบาลที่แล้วเคยประกาศว่าอีก 6 ปีประเทศไทยจะไม่มีคนยากจน ซึ่งปัญหาความยากจนเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าใครสามารถแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ ตนคิดว่าจะเป็นรัฐบาลอีก 100 ปี หรือกี่ปี ก็เป็นไปได้หมด
นายวิทยากล่าวว่า รัฐบาลได้เสนอนโยบายขจัดปัญหาความยากจนใน 3 ด้านคือ 1.แก้ปัญหาความยากจนในระดับบุคคล โดยรัฐบาลจะเน้นการขยายโอกาส สร้างรายได้ ลดรายจ่าย ซึ่งตนอยากถามรัฐบาลว่า รัฐบาลจะลดรายจ่ายประชาชนอย่างไร ในเมื่อวันนี้น้ำมันขึ้นราคา ส่งผลให้ราคาสินค้า และต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น รายได้ของคนจนส่วนใหญ่มาจากการขายแรงงาน และเกษตรกรรม แต่วันนี้เกษตรกรต้องแบกรับต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น ราคาสินค้าทางการเกษตรตกต่ำลง ทำให้ในระยะเวลา 4 ปี เกิดความล้มเหลวในภาคเกษตรกรรมโดยทั่วหน้า เพราะฉะนั้นรัฐบาลมีหลักประกันหรือไม่ว่ารายได้ของคนยากจนมาจากไหน เราจะลดรายจ่าย เพิ่มรายได้อย่างไร ในเมื่อปัจจัยทุกอย่างขึ้นราคาหมด
2. แก้ปัญหาความยากจนในระดับชุมชน รัฐบาลจะเสริมสร้างความเข้มแข็งรายได้ในระดับชุมชน ซึ่งตนไม่มั่นใจ เพราะ 4 ปีที่ผ่านมารัฐบาลไม่เคยเชื่อในแนวทางการสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน รัฐบาลเชื่อในระบบรวมอำนาจ และไม่เคยมั่นใจในระบบกระจายอำนาจ ความเชื่อมั่นชุมชนจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อรัฐบาลเชื่อมั่นประชาชน พร้อมที่จะกระจายอำนาจจากรัฐบาลสู่ท้องถิ่น กฎหมายกำหนดว่าในปี 2549 รัฐบาลจะต้องกระจายงบประมาณให้ท้องถิ่น 35% แต่รัฐบาลเพิ่งให้แค่ 23% จึงอยากถามหาความจริงใจจากรัฐบาลว่า รัฐบาลกล้าที่จะกระจายอำนาจหรือไม่
3. แก้ปัญหาความยากจนในระดับประเทศ รัฐบาลจะส่งเสริมให้เกษตรกรที่ดินอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ซึ่งตนไม่มั่นใจว่ารัฐบาลจะจัดสรรที่ดินอย่างเป็นธรรมจริงหรือไม่ เพราะการจัดสรรที่ดินในประเทศไทยไม่เป็นธรรม เนื่องจากที่ดินดีๆจะตกอยู่ในมือคนรวย เกษตรกรมีที่ดินแปลงเล็ก แปลงน้อย ถ้าจะจัดสรรที่ดินอย่างเป็นธรรม รัฐบาลกล้าปฏิรูปที่ดินโดยการเอาที่จากคนรวยไปจัดสรรให้คนจนหรือไม่
‘ใน 4 ปีที่ผ่านมาคนยากคนจนไม่มีรายได้เพิ่ม ในเมื่อต้นทุนการผลิตของเกษตรกรยังสูง ในเมื่อผลผลิตทางการเกษตรยังราคาตกต่ำ ในเมื่อเกษตรกรยังถูกยุให้ยืมเงินตลอดเวลา ถามว่าเราจะแก้ความยากจนอย่างไร ถามว่ารายจ่ายที่จ่ายกันทุกวันมาจากไหน คนจนทั้งประเทศล้วงกระเป๋าดู เงินในกระเป๋าไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่ทุกคนเมื่อค้นในบ้านตัวเองพบสัญญากู้เพิ่มขึ้นทุกคน ผมคิดว่าการแก้ปัญหาความยากจนไม่ใช่การชักชวนประชาชนไปหาแหล่งเงินกู้ใหม่ 4 ปีที่ผ่านมาเรายังไม่พ้นจากความยากจน ผมจึงฝากความหวังกับ 4 ปีสร้างของรัฐบาล’ นายวิทยากล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 23 มี.ค. 2548--จบ--
-ดท-
นายวิทยา แก้วภราดัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) จ.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายนโยบายขจัดปัญหาความยากจนว่า ตนมีความยินดีที่รัฐบาลถือนโยบายข้อนี้เป็นข้อแรก เพราะเห็นว่าผลจากการที่รัฐบาลสามารถจัดตั้งได้ในวันนี้ เพราะคนทั้งประเทศยังฝังใจกับนโยบาย 4 ปีซ่อม 4 ปีสร้าง ซึ่งคนจนทั้งประเทศยังฝากความหวังไว้หลังจากรัฐบาลที่แล้วเคยประกาศว่าอีก 6 ปีประเทศไทยจะไม่มีคนยากจน ซึ่งปัญหาความยากจนเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าใครสามารถแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ ตนคิดว่าจะเป็นรัฐบาลอีก 100 ปี หรือกี่ปี ก็เป็นไปได้หมด
นายวิทยากล่าวว่า รัฐบาลได้เสนอนโยบายขจัดปัญหาความยากจนใน 3 ด้านคือ 1.แก้ปัญหาความยากจนในระดับบุคคล โดยรัฐบาลจะเน้นการขยายโอกาส สร้างรายได้ ลดรายจ่าย ซึ่งตนอยากถามรัฐบาลว่า รัฐบาลจะลดรายจ่ายประชาชนอย่างไร ในเมื่อวันนี้น้ำมันขึ้นราคา ส่งผลให้ราคาสินค้า และต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น รายได้ของคนจนส่วนใหญ่มาจากการขายแรงงาน และเกษตรกรรม แต่วันนี้เกษตรกรต้องแบกรับต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น ราคาสินค้าทางการเกษตรตกต่ำลง ทำให้ในระยะเวลา 4 ปี เกิดความล้มเหลวในภาคเกษตรกรรมโดยทั่วหน้า เพราะฉะนั้นรัฐบาลมีหลักประกันหรือไม่ว่ารายได้ของคนยากจนมาจากไหน เราจะลดรายจ่าย เพิ่มรายได้อย่างไร ในเมื่อปัจจัยทุกอย่างขึ้นราคาหมด
2. แก้ปัญหาความยากจนในระดับชุมชน รัฐบาลจะเสริมสร้างความเข้มแข็งรายได้ในระดับชุมชน ซึ่งตนไม่มั่นใจ เพราะ 4 ปีที่ผ่านมารัฐบาลไม่เคยเชื่อในแนวทางการสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน รัฐบาลเชื่อในระบบรวมอำนาจ และไม่เคยมั่นใจในระบบกระจายอำนาจ ความเชื่อมั่นชุมชนจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อรัฐบาลเชื่อมั่นประชาชน พร้อมที่จะกระจายอำนาจจากรัฐบาลสู่ท้องถิ่น กฎหมายกำหนดว่าในปี 2549 รัฐบาลจะต้องกระจายงบประมาณให้ท้องถิ่น 35% แต่รัฐบาลเพิ่งให้แค่ 23% จึงอยากถามหาความจริงใจจากรัฐบาลว่า รัฐบาลกล้าที่จะกระจายอำนาจหรือไม่
3. แก้ปัญหาความยากจนในระดับประเทศ รัฐบาลจะส่งเสริมให้เกษตรกรที่ดินอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ซึ่งตนไม่มั่นใจว่ารัฐบาลจะจัดสรรที่ดินอย่างเป็นธรรมจริงหรือไม่ เพราะการจัดสรรที่ดินในประเทศไทยไม่เป็นธรรม เนื่องจากที่ดินดีๆจะตกอยู่ในมือคนรวย เกษตรกรมีที่ดินแปลงเล็ก แปลงน้อย ถ้าจะจัดสรรที่ดินอย่างเป็นธรรม รัฐบาลกล้าปฏิรูปที่ดินโดยการเอาที่จากคนรวยไปจัดสรรให้คนจนหรือไม่
‘ใน 4 ปีที่ผ่านมาคนยากคนจนไม่มีรายได้เพิ่ม ในเมื่อต้นทุนการผลิตของเกษตรกรยังสูง ในเมื่อผลผลิตทางการเกษตรยังราคาตกต่ำ ในเมื่อเกษตรกรยังถูกยุให้ยืมเงินตลอดเวลา ถามว่าเราจะแก้ความยากจนอย่างไร ถามว่ารายจ่ายที่จ่ายกันทุกวันมาจากไหน คนจนทั้งประเทศล้วงกระเป๋าดู เงินในกระเป๋าไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่ทุกคนเมื่อค้นในบ้านตัวเองพบสัญญากู้เพิ่มขึ้นทุกคน ผมคิดว่าการแก้ปัญหาความยากจนไม่ใช่การชักชวนประชาชนไปหาแหล่งเงินกู้ใหม่ 4 ปีที่ผ่านมาเรายังไม่พ้นจากความยากจน ผมจึงฝากความหวังกับ 4 ปีสร้างของรัฐบาล’ นายวิทยากล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 23 มี.ค. 2548--จบ--
-ดท-