กรุงเทพ--20 ก.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2548 นายกฤษณ์ กาญจนกุญชร ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้บรรยายสรุปเกี่ยวกับการที่รัฐบาลออกพระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต่อคณะทูตต่างประเทศประจำประเทศไทย ที่กระทรวงการต่างประเทศ ภายหลังการบรรยายสรุปแล้ว นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับการบรรยายสรุปดังกล่าว ดังนี้
1. คณะทูตต่างประเทศที่ประจำอยู่ในประเทศไทยมาเข้าร่วมรับฟัง การบรรยายสรุปจำนวน 58 ราย
2. ปลัดกระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงแก่คณะทูต ดังนี้
2.1 ตามพระราชกำหนดดังกล่าวได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้ใช้อำนาจในการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจากฝ่ายทหารเป็นฝ่ายพลเรือน โดยผ่านคณะรัฐมนตรี และรัฐสภา
2.2 พระราชกำหนดนี้ไม่ได้ให้อำนาจแก่เจ้าหน้าที่มากเกินกว่าที่กฎหมายในปัจจุบันได้ให้อำนาจไว้
2.3 พระราชกำหนดนี้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
2.4 พระราชกำหนดนี้สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตยที่เป็นสากล และหลักการให้สิทธิแก่พลเมืองและสิทธิทางการเมือง
ในระหว่างการบรรยายสรุป คณะทูตได้สอบถามประเด็นต่างๆ ซึ่งปลัดกระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงให้ทราบดังนี้
1. วัตถุประสงค์ของการออกพระราชกำหนด เพื่อให้การปฏิบัติราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉินมีประสิทธิภาพมากขึ้น
2. ขอบเขตของกฎหมาย พระราชกำหนดนี้ต้องอยู่ภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น การบังคับใช้กฎหมายนี้ต้องพิจารณา ควบคู่กับกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
3. รัฐบาลจะนำพระราชกำหนดนี้เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาเพื่อพิจารณา ในเดือนสิงหาคม 2548 นี้ ซึ่งหากรัฐสภาให้ความเห็นชอบก็จะมีการออกเป็นพระราชบัญญัติต่อไป
4. ประเทศไทยจะดำเนินการให้สอดคล้องกับกฎกติกาของสหประชาชาติ ว่าด้วยสิทธิทางการเมืองและสิทธิของพลเรือนต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2548 นายกฤษณ์ กาญจนกุญชร ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้บรรยายสรุปเกี่ยวกับการที่รัฐบาลออกพระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต่อคณะทูตต่างประเทศประจำประเทศไทย ที่กระทรวงการต่างประเทศ ภายหลังการบรรยายสรุปแล้ว นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับการบรรยายสรุปดังกล่าว ดังนี้
1. คณะทูตต่างประเทศที่ประจำอยู่ในประเทศไทยมาเข้าร่วมรับฟัง การบรรยายสรุปจำนวน 58 ราย
2. ปลัดกระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงแก่คณะทูต ดังนี้
2.1 ตามพระราชกำหนดดังกล่าวได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้ใช้อำนาจในการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจากฝ่ายทหารเป็นฝ่ายพลเรือน โดยผ่านคณะรัฐมนตรี และรัฐสภา
2.2 พระราชกำหนดนี้ไม่ได้ให้อำนาจแก่เจ้าหน้าที่มากเกินกว่าที่กฎหมายในปัจจุบันได้ให้อำนาจไว้
2.3 พระราชกำหนดนี้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
2.4 พระราชกำหนดนี้สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตยที่เป็นสากล และหลักการให้สิทธิแก่พลเมืองและสิทธิทางการเมือง
ในระหว่างการบรรยายสรุป คณะทูตได้สอบถามประเด็นต่างๆ ซึ่งปลัดกระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงให้ทราบดังนี้
1. วัตถุประสงค์ของการออกพระราชกำหนด เพื่อให้การปฏิบัติราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉินมีประสิทธิภาพมากขึ้น
2. ขอบเขตของกฎหมาย พระราชกำหนดนี้ต้องอยู่ภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น การบังคับใช้กฎหมายนี้ต้องพิจารณา ควบคู่กับกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
3. รัฐบาลจะนำพระราชกำหนดนี้เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาเพื่อพิจารณา ในเดือนสิงหาคม 2548 นี้ ซึ่งหากรัฐสภาให้ความเห็นชอบก็จะมีการออกเป็นพระราชบัญญัติต่อไป
4. ประเทศไทยจะดำเนินการให้สอดคล้องกับกฎกติกาของสหประชาชาติ ว่าด้วยสิทธิทางการเมืองและสิทธิของพลเรือนต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-