กรุงเทพ--2 มี.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
เป็นที่ทราบดีว่าตลาดท่องเที่ยวจีนมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างมาก จึงจำเป็นที่หน่วยงานไทยต้องผนึกกำลังเพื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวจีนมาเยือนไทยให้มากที่สุด เรื่องนี้จึงเป็นภารกิจเร่งด่วนของสำนักงานกงสุลไทยในนครเฉิงตู ร่วมกับภาครัฐและเอกชนไทยในสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อหาทางเพิ่มยอดจำนวนนักท่องเที่ยวจีนมาไทยให้ได้ตามเป้าหมาย
จากการปรึกษาหารือระหว่างสำนักงานกงสุลไทยฯ และสำนักงานการบินไทยประจำเฉิงตู พบว่าอุปสรรคสำคัญในการขยายจำนวนนักท่องเที่ยวจีน คือ เส้นทางบินกทม.-เฉิงตูยังประสบกับภาวะขาดทุน การบินไทยจึงต้องวางเป้าหมายให้สำนักงานการบินไทยในนครเฉิงตูขยายทั้งจำนวนผู้โดยสารชาวจีนและสถานะทางการเงิน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องระดมสรรพกำลังในการทำงานอย่างเต็มที่ นอกจากปัญหาเส้นทางบินซึ่งมักจะมีผู้โดยสารแน่นเฉพาะฤดูกาลแล้ว การบินไทยยังต้องแข่งขันกับสายการบินอื่นๆ ทั้งในเอเชียและยุโรปที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะปัจจุบันสายการบินยุโรปได้ทำการบินจากนครเฉิงตูผ่านเมืองหลักในจีนแล้วต่อไปยังเมืองสำคัญๆ ทั่วโลก รวมทั้งกำลังจะเปิดเส้นทางบินตรงจากนครเฉิงตูสู่อัมสเตอร์ดัม ในเดือนพฤษภาคม ศกนี้
ดังนั้น เพื่อขยายจำนวนผู้โดยสารในเส้นทางบิน กทม.-เฉิงตู การบินไทยจำเป็นต้องดำเนินการเชิงรุกทางการตลาดมากขึ้น โดยการเพิ่มเอเยนต์ในนครฉงชิ่ง ซึ่งเป็นเมืองที่มีปริมาณนักท่องเที่ยวสูงเป็นอันดับที่ 2 รองจากเฉิงตู และการเข้าไปบุกตลาดจีนดังกล่าวต้องใช้กลยุทธ์ต่างๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันการตลาดให้แก่การบินไทย ซึ่งเท่ากับเป็นการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวจีนมาไทยให้ได้ในคราวเดียวกัน
นอกจากการเพิ่มตัวแทนการบินไทยในนครฉงชิ่งแล้ว ยังมีกลยุทธ์ใหม่ล่าสุดที่สำนักงานกงสุลไทยในเฉิงตูนำมาใช้เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของการบินไทยควบคู่กัน คือ การเดินทางไปให้บริการออกวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวชาวจีนในนครฉงชิ่ง ซึ่งนับว่าเป็นข้อริเริ่มที่น่าสนับสนุน เพราะประเทศจีนมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลและมีจำนวนประชากรนับพันล้านคน การที่จะให้นักท่องเที่ยวชาวจีนหรือตัวแทนบริษัทท่องเที่ยวจีนแต่ละรายเดินทางไปขอวีซ่าที่สถานทูต สถานกงสุลใหญ่ หรือแม้แต่สำนักงานกงสุลของไทยที่เพิ่งเริ่มเปิดบริการตามเมืองธุรกิจของจีนหลายแห่งแล้ว ก็ยังต้องใช้เวลาเดินทางและสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกมาก จึงอาจทำให้ตัวแทนบริษัทท่องเที่ยวจีน หรือนักท่องเที่ยวจีนตัดสินใจเลือกเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวแปลกใหม่ ซึ่งยังไม่เคยเดินทางไปในยุโรปแทน
ผู้เขียนเห็นด้วยที่สำนักงานกงสุลไทยในจีนจะออกให้บริการ “วีซ่าสัญจร”ตามเมืองใหญ่ๆ ของจีน โดยมีการประสานกับตัวแทนบริษัทท่องเที่ยวของจีนอย่างใกล้ชิด เพื่อรวบรวมจำนวนหนังสือเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนให้ได้ไม่ต่ำกว่า 100 เล่มต่อเดือน แต่หากเดือนไหนนักท่องเที่ยวมีปริมาณมาก ก็เชื่อว่าทางสำนักงานฯ ยินดีจะเดินทางไปบริการออกวีซ่าได้ถึงเดือนละ 2 ครั้ง ซึ่งการจัดวีซ่าสัญจรดังกล่าวจะช่วยอำนวยความสะดวกและลดต้นทุนค่าใช้จ่ายของบริษัทท่องเที่ยวจีนลงได้ จึงน่าจะเป็นการจูงใจให้ชาวจีนไปใช้บริการของสายการบินไทยเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ การออกให้บริการวีซ่าสัญจรแก่นักท่องเที่ยวจีน ยังเป็นโอกาสที่สำนักงานกงสุลฯ จะได้บริการชุมชนชาวไทยที่อาศัยอยู่ในเมืองต่างๆ ของจีนในคราวเดียวกัน เพราะไหนๆ สำนักงานฯ จะต้องออกให้บริการคนไทย เช่น การออกหนังสือเดินทาง การให้คำแนะนำด้านสัญชาติและนิติกรณ์อยู่แล้ว ก็ถือโอกาสผนวกการออกวีซ่าสัญจรให้แก่ชาวจีนไปด้วย เท่ากับเป็นการใช้งบประมาณและกำลังเจ้าหน้าที่ได้อย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ผู้เขียนขอเสนอแนะด้วยว่าการออกให้บริการวีซ่าสัญจรดังกล่าวนี้ ถ้าจะให้ได้ผลสูงสุด ควรมีการประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวชาวจีนได้รับทราบอย่างกว้างขวางว่าทางสำนักงานฯ จะออกให้บริการสถานที่ใด และวันเวลาใด และเพื่อกระตุ้นความสนใจของนักท่องเที่ยวจีนให้เดินทางมาไทยเพิ่มขึ้น ทางสำนักงานฯ น่าจะร่วมมือกับสำนักงานการท่องเที่ยวไทย สำนักงานการบินไทยในจีน และตัวแทนบริษัทท่องเที่ยวจีน จัดโรด์โชว์ด้านการท่องเที่ยวไทยตามเมืองใหญ่ๆ ของจีนไปในคราวเดียวกันด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
เป็นที่ทราบดีว่าตลาดท่องเที่ยวจีนมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างมาก จึงจำเป็นที่หน่วยงานไทยต้องผนึกกำลังเพื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวจีนมาเยือนไทยให้มากที่สุด เรื่องนี้จึงเป็นภารกิจเร่งด่วนของสำนักงานกงสุลไทยในนครเฉิงตู ร่วมกับภาครัฐและเอกชนไทยในสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อหาทางเพิ่มยอดจำนวนนักท่องเที่ยวจีนมาไทยให้ได้ตามเป้าหมาย
จากการปรึกษาหารือระหว่างสำนักงานกงสุลไทยฯ และสำนักงานการบินไทยประจำเฉิงตู พบว่าอุปสรรคสำคัญในการขยายจำนวนนักท่องเที่ยวจีน คือ เส้นทางบินกทม.-เฉิงตูยังประสบกับภาวะขาดทุน การบินไทยจึงต้องวางเป้าหมายให้สำนักงานการบินไทยในนครเฉิงตูขยายทั้งจำนวนผู้โดยสารชาวจีนและสถานะทางการเงิน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องระดมสรรพกำลังในการทำงานอย่างเต็มที่ นอกจากปัญหาเส้นทางบินซึ่งมักจะมีผู้โดยสารแน่นเฉพาะฤดูกาลแล้ว การบินไทยยังต้องแข่งขันกับสายการบินอื่นๆ ทั้งในเอเชียและยุโรปที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะปัจจุบันสายการบินยุโรปได้ทำการบินจากนครเฉิงตูผ่านเมืองหลักในจีนแล้วต่อไปยังเมืองสำคัญๆ ทั่วโลก รวมทั้งกำลังจะเปิดเส้นทางบินตรงจากนครเฉิงตูสู่อัมสเตอร์ดัม ในเดือนพฤษภาคม ศกนี้
ดังนั้น เพื่อขยายจำนวนผู้โดยสารในเส้นทางบิน กทม.-เฉิงตู การบินไทยจำเป็นต้องดำเนินการเชิงรุกทางการตลาดมากขึ้น โดยการเพิ่มเอเยนต์ในนครฉงชิ่ง ซึ่งเป็นเมืองที่มีปริมาณนักท่องเที่ยวสูงเป็นอันดับที่ 2 รองจากเฉิงตู และการเข้าไปบุกตลาดจีนดังกล่าวต้องใช้กลยุทธ์ต่างๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันการตลาดให้แก่การบินไทย ซึ่งเท่ากับเป็นการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวจีนมาไทยให้ได้ในคราวเดียวกัน
นอกจากการเพิ่มตัวแทนการบินไทยในนครฉงชิ่งแล้ว ยังมีกลยุทธ์ใหม่ล่าสุดที่สำนักงานกงสุลไทยในเฉิงตูนำมาใช้เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของการบินไทยควบคู่กัน คือ การเดินทางไปให้บริการออกวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวชาวจีนในนครฉงชิ่ง ซึ่งนับว่าเป็นข้อริเริ่มที่น่าสนับสนุน เพราะประเทศจีนมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลและมีจำนวนประชากรนับพันล้านคน การที่จะให้นักท่องเที่ยวชาวจีนหรือตัวแทนบริษัทท่องเที่ยวจีนแต่ละรายเดินทางไปขอวีซ่าที่สถานทูต สถานกงสุลใหญ่ หรือแม้แต่สำนักงานกงสุลของไทยที่เพิ่งเริ่มเปิดบริการตามเมืองธุรกิจของจีนหลายแห่งแล้ว ก็ยังต้องใช้เวลาเดินทางและสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกมาก จึงอาจทำให้ตัวแทนบริษัทท่องเที่ยวจีน หรือนักท่องเที่ยวจีนตัดสินใจเลือกเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวแปลกใหม่ ซึ่งยังไม่เคยเดินทางไปในยุโรปแทน
ผู้เขียนเห็นด้วยที่สำนักงานกงสุลไทยในจีนจะออกให้บริการ “วีซ่าสัญจร”ตามเมืองใหญ่ๆ ของจีน โดยมีการประสานกับตัวแทนบริษัทท่องเที่ยวของจีนอย่างใกล้ชิด เพื่อรวบรวมจำนวนหนังสือเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนให้ได้ไม่ต่ำกว่า 100 เล่มต่อเดือน แต่หากเดือนไหนนักท่องเที่ยวมีปริมาณมาก ก็เชื่อว่าทางสำนักงานฯ ยินดีจะเดินทางไปบริการออกวีซ่าได้ถึงเดือนละ 2 ครั้ง ซึ่งการจัดวีซ่าสัญจรดังกล่าวจะช่วยอำนวยความสะดวกและลดต้นทุนค่าใช้จ่ายของบริษัทท่องเที่ยวจีนลงได้ จึงน่าจะเป็นการจูงใจให้ชาวจีนไปใช้บริการของสายการบินไทยเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ การออกให้บริการวีซ่าสัญจรแก่นักท่องเที่ยวจีน ยังเป็นโอกาสที่สำนักงานกงสุลฯ จะได้บริการชุมชนชาวไทยที่อาศัยอยู่ในเมืองต่างๆ ของจีนในคราวเดียวกัน เพราะไหนๆ สำนักงานฯ จะต้องออกให้บริการคนไทย เช่น การออกหนังสือเดินทาง การให้คำแนะนำด้านสัญชาติและนิติกรณ์อยู่แล้ว ก็ถือโอกาสผนวกการออกวีซ่าสัญจรให้แก่ชาวจีนไปด้วย เท่ากับเป็นการใช้งบประมาณและกำลังเจ้าหน้าที่ได้อย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ผู้เขียนขอเสนอแนะด้วยว่าการออกให้บริการวีซ่าสัญจรดังกล่าวนี้ ถ้าจะให้ได้ผลสูงสุด ควรมีการประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวชาวจีนได้รับทราบอย่างกว้างขวางว่าทางสำนักงานฯ จะออกให้บริการสถานที่ใด และวันเวลาใด และเพื่อกระตุ้นความสนใจของนักท่องเที่ยวจีนให้เดินทางมาไทยเพิ่มขึ้น ทางสำนักงานฯ น่าจะร่วมมือกับสำนักงานการท่องเที่ยวไทย สำนักงานการบินไทยในจีน และตัวแทนบริษัทท่องเที่ยวจีน จัดโรด์โชว์ด้านการท่องเที่ยวไทยตามเมืองใหญ่ๆ ของจีนไปในคราวเดียวกันด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-